คุณสามีพันล้าน - บทที่ 225 พ่อแท้ๆ
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 225 พ่อแท้ๆ
“ช่วงนี้ไม่มีคนเข้ามา เข้าไปกับพ่อ เร็วๆ หน่อย”
ไซม่อนพูดเสียงต่ำออกมา แล้วเดินเข้าไปในบ้านก่อน
ประยสย์เดินตามฝีเท้าของพ่อเข้าไปข้างใน
เขาจำที่นี่ได้เล็กน้อย ตอนเด็ก พ่อเคยลองพาเขากับแม่ย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ แต่เมื่อคุณแม่ย้ายไปอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคย ก็จะร้องไห้และงอแง นั่นเป็นเพราะว่าเธอรู้สึกไม่ปลอดภัย
เนื่องจากทำอะไรไม่ได้เลย พ่อจึงจำเป็นต้องพาพวกเขาแม่ลูกเข้าไปในคฤหาสน์ของตระกูลสาระทาอีกครั้ง
เมื่อก่อนประยสย์ไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้เขาเริ่มเข้าใจแล้ว ลึกๆ ในใจของคุณแม่แล้วเธอรู้ว่าลูกสาวได้หายตัวไป เธอจึงไม่อยากออกไปจากคฤหาสน์ของตระกูลสาระทา เพราะกลัวว่าถ้าลูกสาวกลับมาจะหาบ้านไม่เจอ ดังนั้นถึงแม้ว่าเธอตอนอยู่ในคฤหาสน์ของตระกูลสาระทาจะถูกรังแก ถูกด่าทอ เธอก็ยังยืนยันที่จะอยู่คฤหาสน์ของตระกูลสาระทาต่ออีก แต่คุณแม่กลับลืมคิดไปว่าตอนที่น้องสาวหายตัวไปนั้นอายุแค่หกเดือนเอง เธอไม่มีทางจำบ้านได้เลยด้วยซ้ำ
นั่นเป็นเพราะความดื้อดันของคนเป็นแม่เท่านั้นเอง
พ่อลูกเดินขึ้นไปชั้นสอง จากนั้นเข้าไปในห้องหนังสือของไซม่อน
ในห้องหนังสือถึงแม้จะเต็มไปด้วยฝุ่น แต่ของตกแต่งข้างในไม่ได้มีการเคลื่อนไหวใดๆ เลย ยังคงรักษาสภาพเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนเหมือนเดิม
เมื่อเข้าไปในห้องหนังสือ ประยสย์เห็นรูปภาพแต่งงานของพ่อแม่ สมัยที่พวกเขายังอายุน้อยอยู่พ่อเม่ถือว่าเป็นหนุ่มหล่อสาวงามเลยทีเดียว เสมือนกับกิ่งทองใบหยก ก็เหมือนตอนนี้ ถึงแม้คุณพ่อของเขาจะอายุห้าสิบกว่าแล้ว ก็ยังคงมีผู้หญิงอายุยี่สิบกว่าอย่างพลอยอยากแต่งงานกับเขาอยู่
ไซม่อนปิดประตูห้องหนังสือ แล้วพูดกับลูกชายว่า: “ที่นี่มีผนังกั้นเสียง พูดอะไรกันข้างใน ข้างนอกจะไม่ได้ยินเลย”
ตอนที่สร้างคฤหาสน์อีกหลังนี้นั้น คิดว่าจะอยู่กันแค่ครอบครัวสี่คน ห้องหนังสือของเขาเลยไม่ได้สร้างไว้ในที่โล่ง แต่ก็ได้ทำที่กั้นเสียงไว้ ดังนั้นจึงสามารถพูดความในใจกันได้อย่างสบายใจ
“แม่ของนายทำไมไม่กลับมาพร้อมนายด้วยหล่ะ?”
“คุณพ่อไม่รู้สึกเหรอว่าผมกลับมาคนเดียวปลอดภัยกว่า?แม่ผมสติไม่ดี พาเธอมาด้วย น่าจะถูกคนจับได้ง่าย”
ไซม่อนนั่งลงในห้องหนังสือ จากนั้นถามอาการของภรรยาออกมาว่า: “แม่นายเป็นยังไงบ้าง?
พวกแกเจอน้องสาวแล้วแม่แกมีปฏิกิริยาอะไรบ้าง?มีวี่แววดีขึ้นไหม?”
“ผมคิดว่าคุณพ่อจะไม่เป็นห่วงอาการของแม่ผมเสียอีก”
คำพูดนี้ของประยสย์มีอารมณ์ประชดเล็กน้อย “ยี่สิบกว่าปีมานี้ พ่อไม่สนใจอะไรเลย ตอนนี้มาถามโน่นถามนี่ ทำให้ผมรู้สึกเสียดสีมาก”
เมื่อถูกลูกชายพูดจาเสียดสีใส่ สีหน้าของไซม่อนดิ่งลง เหมือนกำลังโกรธ แต่ก็ไม่ได้ระบายความโกรธใส่ลูกชาย และเขาก็ไม่ได้ช่วยตัวเองแก้ตัว
“หลังจากที่แม่ผมได้เจอกับวิกา เธอจำวิกาไม่ได้ แค่รู้สึกว่าเธอชอบวิกามาก อยากเข้าใกล้วิกามาก เธอคิดว่าวิกาอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอด้วยซ้ำ”
“แต่ว่า ดีขึ้นกว่าอยู่ที่บ้านเยอะเลย หลายครั้งที่มองดูไปก็เหมือนคนปรกติ”
หลังจากที่แม่ลูกได้เจอกันแล้ว ถึงแม้คุณหญิงธิษณาสติยังไม่ได้คืนกลับมาเหมือนเดิม แต่ก็ดีขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด
สายตาของไซม่อนเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เขาถามออกมาเสียงต่ำ: “วิกาเป็นยังไงบ้าง?”
“วิกาดีมาก คุณลุงสิรภพกับคุณป้าพิชญ์สินีทุกคนในบ้านรักเธอเหมือนลูกแท้ๆ และดีกับเธอมาก”
ประยสย์รู้สึกขอบคุณคนของบ้านตระกูลวาชัยยุงมาก
“พ่อ วิกาแต่งงานแล้ว”
ประยสย์พาแม่ที่เสียสติไปหาน้องสาวกว่าพันไมล์ และหลังจากที่บินไปถึงเมืองแอคเซสซ์ แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่ไซม่อนจะไม่ทำอะไรเลย เขาได้หาคนไปปกป้องภรรยาและลูกอย่างเงียบๆ ถึงแม้เขาจะยังไม่เคยเห็นลูกสาวที่โตแล้ว แต่รูปถ่ายของเทวิกา ก็ได้ส่งถึงมือเขาตั้งนานแล้ว
และไม่ได้มีแค่ใบเดียว
นับตั้งแต่ประยสย์แม่ลูกได้เจอกับเทวิกา คนของเขาก็ได้ถ่ายรูปเวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกันส่งมาให้เขาแล้ว
กลางดึกไม่มีใคร เขาถึงกล้าหยิบมันขึ้นมาเปิดดู
ใช้เวลาไปยี่สิบกว่าปีกว่าจะตามหาลูกสาวที่แต่งงานแล้วเจอ ไซม่อนรู้สึกเสียดายในใจ ในสายตาของเขา อายุยี่สิบสี่ปีถือว่ายังเด็กอยู่เลย ถ้าหากลูกสาวเติบโตมาเคียงข้างกายเขา เขาต้องเก็บลูกสาวไว้อีกหลายปีแน่นอน
ดีที่ลูกเขยเป็นที่พอใจของเขา
“น้องเขยของผมยศพัฒน์ เป็นประธานของบริษัทบี.เอ.เอ็ม.กรุ๊ป ในเมืองแอคเซสซ์ เป็นคนที่มีฐานะมั่งคง และดีกับวิกามาก ถึงแม้เขาจะมีคนมาหลงใหลเขาอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ถือเป็นเรื่องปรกติ เพราะผู้ชายที่โดดเด่นแบบเขา ถ้าไม่มีคนมาหลงใหลเลยถึงจะผิดปรกติ”
ไซม่อนเงียบไปสักพัก ถึงได้พูดออกมาเบาๆ ว่า: “สาวงามเป็นภัย ผู้ชายหน้าตาดีเกินไป โดดเด่นเกินไป ก็เป็นภัยเช่นเดียวกัน”
เขาก็เป็นหนึ่งในผู้เสียหายคนหนึ่งเหมือนกัน
เรื่องน่าเศร้าที่เกิดขึ้นเมื่อยี่สิบสามปีก่อน ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการให้เกิดขึ้นเลย
เขาไม่ได้ชอบวรันธรเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นเพราะวรันธรต่างหากไม่ว่าเขาจะเป็นสามีหรือพ่อของคนอื่นแล้ว ก็ยังคงตอแยเขาไม่เลิก พูดว่าขอแค่ได้นอนกับเขาสักครั้ง ก็พึงพอใจแล้ว
แต่ถูกเขาปฏิเสธแข็งขัน จึงทำให้วรันธรเมื่อถูกปฏิเสธ จึงเปลี่ยนจากรักไปเป็นเกลียด แก้แค้นเขาโดยอุ้มวิกาไป
ความจริงแล้วคนที่วรันธรต้องการจะอุ้มไปคือประยสย์ เพราะสำหรับเขาแล้ว ลูกชายถึงจะได้เป็นทายาทสืบทอด และสำคัญกว่า
แต่เป็นเพราะว่าตอนนั้นประยสย์อุจจาระพอดี และมีกลิ่นเหม็น ทำให้วรันธรรังเกียจ ในสถานการณ์ฉุกเฉินนั้น เธอจึงอุ้มเทวิกาไป
นี่คือหลังจากที่เขาหาเจอศพของวรันธรเจอแล้ว และได้พบเจอไดอารี่ของวรันธร
วรันธรเขียนเรื่องที่เธอจะทำ และเรื่องที่เธอทำลงไปแล้วเขียนลงในไดอารี่
แต่ว่าใครเป็นคนช่วยเหลือเธอ วรันธรไม่ได้เขียนเอาไว้
ประยสย์อ้าปาก อยากพูดอะไร แต่ก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรออกมาดี
“พ่อ พ่อจะไปรับวิกาด้วยตัวเองหรือส่งคนไปรับ?”
ประยสย์เปลี่ยนเรื่อง
เงียบไปแล้วสักพัก ไซม่อนพูดขึ้นว่า: “พวกเราไปรับวิกากลับมาพร้อมกันทั้งครอบครัว”
“ทั้งครอบครัว?”
“หมายความว่าพาคุณปู่คุณย่า และลุงทั้งสองกับป้าและลูกพี่ลูกน้องของแกทั้งหมด นั่งเครื่องบินไปรับวิกาพร้อมกัน เรื่องนี้ จะเงียบไม่ได้ ถ้าเงียบ ยิ่งจะถูกคนอื่นทำร้ายได้ง่าย แต่ถ้าเปิดเผยออกมาให้พวกเขาพะว้าพะวังตัวไว้ จะได้ลงมือทำแผนการชั่วได้ยาก”
“ที่พูดแบบนี้ พ่อรู้แล้วใช่ไหมว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลัง?”
ไซม่อนเงียบไปสักพัก แล้วพูดขึ้นว่า: “พ่อกำลังรวบรวมหลักฐานอยู่ ถ้าถึงเวลาลงมือ จะได้ลงมือจัดการพวกเขาทั้งหมดทีเดียวเลย”
ประยสย์หัวเราะเย็นชาออกมา “พ่อ ผมเชื่อพ่อได้ใช่ไหม?หลายปีมานี้ ท่าทีที่พ่อมีต่อผมกับแม่ พ่อน่าจะรู้ตัวดี”
“แกไม่ได้โตมาอย่างปลอดภัยเหรอ?แกถูกเลี้ยงจนเสียผู้เสียคนเหรอ?”
ประยสย์: “……”
“ประยสย์ บ้านของเราซับซอนมาก ลูกเองก็รู้ แถมยังมีอำนาจหลายด้านเข้ามาแทรกแซง ครอบครัวของพวกเราจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ พ่ออายุมากแล้ว คงมีสักวันที่พ่อไม่สามารถปกป้องลูกได้ ถ้าลูกไม่แข็งแกร่งพอ สิ่งที่พ่อลงทุนไป ก็จะกลายไปเป็นของคนอื่น ”
ในสภาพแวดล้อมที่ร่ำรวยและอ่อนโยนไม่สามารถสร้างคนให้แข็งแกร่งได้ มีแต่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยฝูงหมาป่า เพื่อความอยู่รอดถึงจะบังคับตัวเองให้ค่อยๆ กลายเป็นผู้แข็งแกร่ง