คุณสามีพันล้าน - บทที่ 226 วิดีโอคอลระหว่างพ่อลูก
ประยสย์แม้มปากไม่พูดอะไร
“หลังจากที่วิกากลับมาแล้ว เธอก็ต้องเหมือนแก”
เมื่อเอ่ยถึงลูกสาวที่พรักพรากจากกันมายี่สิบกว่าปี สายตาของไซม่อนเต็มไปด้วยความสงสาร
ถ้าเป็นไปได้จริงๆ เขาไม่อยากให้ลูกสาวกลับมาเลย อยู่ที่เมืองแอคเซสซ์ ได้ใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลและมีความสุข
หลังจากที่เธอกลับมา เธอต้องเจออะไรอีกมาก สภาพแวดล้อมที่เธอเติบโตขึ้นมานั้นสงบและสบายเกินไป เธอไม่เคยเจอ คนที่มีจิตใจชั่วร้าย อาจจะถูกคนหลอกลวงจนไม่เหลือซากได้ง่าย
แต่ว่าตอนนี้หาเธอเจอแล้ว และลูกสาวก็เคยเจอเหตุการณ์ที่อันตราย ถ้าไม่รับเธอกลับมา เธอก็คงจะไม่ปลอดภัย
ก็เหมือนอย่างที่เขาพูด ในเมื่อหลบๆ ซ่อนๆ ไม่ได้อีก ก็ต้องเผชิญกันซึ่งๆ หน้า
ชีวิตเป็นเรื่องที่โหดร้ายอยู่แล้ว
บนโลกนี้ ไม่มีความยุติธรรมอยู่แล้ว มีแต่ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่เป็นใหญ่
“ถ้าอย่างนั้น ปล่อยไปอีกสักพักค่อยรับวิกากลับมาดีกว่า ให้เธออยู่เมืองแอคเซสซ์ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอีกสักพัก แม่ผมอยู่กับเธอก็สบายดี”
ประยสย์สงสารน้องสาว จู่ๆ ก็ไม่อยากให้คุณพ่อรับน้องสาวกลับมาเร็วเกินไป
หลายปีมานี้ เขาใช้ชีวิตอย่างเหนื่อยล้า ไม่กล้าผ่อนคลายเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าถ้าปล่อยให้ตัวเองผ่อนคลายเกินไป พรุ่งนี้ก็จะไม่สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ได้
ไซม่อนแม้มปาก แล้วพูดขึ้นว่า: “ตอนนี้เธออยู่ที่นั่นปลอดภัยดีใช่ไหม?ถ้าหากปลอดภัยดี รออีกสักพักค่อยรับเธอกลับมาก็ได้ ถ้าหากแม่ของแกหายดีก่อนที่จะกลับมาก็ยิ่งดีเลย”
“ปลอดภัยดี ตระกูลอริยชัยกุลสามารถปกป้องเธอได้”
ประยสย์เชื่อมั่นในตัวน้องเขยมาก และเชื่อในความสามารถของน้องเขยเช่นกัน
“ตอนนี้แกสามารถโทรหาวิกาได้ไหม?พ่ออยากคุยกับเธอ ถ้าวิดีโอคอลได้ยิ่งดี”
ประยสย์รู้ดีว่าพ่อเขาต้องมีรูปถ่ายของน้องสาวแน่นอน และเขาก็ได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วโทรวิดีโอคอลออกไป
เทวิการับวิดิคอลของพี่ชายขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เห็นพี่ชายยังไม่ได้ล้างหน้าออก เธอถามออกมาอย่างเป็นห่วงว่า: “พี่ ขากลับราบรื่นดีไหม?พี่กลับถึงบ้านแล้วหรือยัง?”
“ราบรื่นดี และก็ถึงบ้านแล้ว ตอนถึงพี่ได้ส่งข้อความหาเธอด้วย”
เมื่อเห็นหน้าน้องสาว น้ำเสียงของประยสย์อ่อนโยนลงโดยอัตโนมัติ ใบหน้าที่ยังไม่ได้ล้างออกมีรอยยิ้มผุดขึ้นเล็กน้อย
“พวกเธอกำลังกินข้าวอยู่เหรอ?แม่เป็นยังไงบ้าง?พี่กลับมาแล้ว แม่ได้ถามหาพี่บ้างไหม?”
เทวิกาหันไปมองแม่แท้ๆ ที่กินข้างอยู่ข้างๆ แม่เลี้ยง แม่ทั้งสองคนเข้ากันได้ดีมาก เพราะพวกเขามีลูกสาวที่รักคนเดียวกัน พวกเธอกินไปด้วยวิจารณ์กับข้าวไปด้วย
“แม่สบายดี ตอนที่ไม่เห็นพี่ แม่ถามถึงพี่ ยังคงคิดว่าพี่เป็นอีกคนอยู่เลย บางครั้งแม่ก็เหมือนเลอะเลือนมาก เคยเห็นกนกอรแล้ว แต่เมื่อได้เจอกันอีกครั้งก็จำเธอไม่ได้อีก เคยอยู่ช่วยทำงานที่ร้านของฉัน แต่ตอนหลังก็บอกกับฉันว่าให้พามาดูที่ร้านหน่อย”
ตอนที่ผลตรวจDNAออกมา คุณหญิงธิษณาอยู่ช่วยงานที่One Day In Coffee เพียงแต่ว่าเธอในตอนนั้นเงียบมาก ไม่ค่อยพูดอะไรเยอะ
ต่อมา ได้ถามงานของเทวิกาขึ้นมาอีกครั้ง รู้ว่าเทวิกาเปิดร้าน ได้ขอให้เทวิกาพาเธอมาดูที่ร้านหน่อย เมื่อเห็นกนกอร ก็จำเธอไม่ได้เลย ทำให้เทวิกาต้องแนะนำทั้งสองคนให้รู้จักกันอีกครั้ง
อาการเลอะเลือนของคุณหญิงธิษณาทำให้เทวิกาก็เลอะเลือนตามไปสักพัก ตอนนี้ถึงนึกขึ้นได้ว่าเรื่องเดียวกัน ตัวเองได้ทำไปแล้วสองครั้ง
ประยสย์รู้ดีว่าคาดหวังเยอะกับคุณแม่ไม่ได้ ในระยะสั้นนี้ คุณแม่คงไม่สามารถหายขาดได้ แต่ว่าหลังจากหาวิกาเจอแล้ว คุณแม่เปลี่ยนไปเยอะมาก เธอในตอนนี้ ถ้าไม่อุ้มตุ๊กตาและเรียกตุ๊กตาว่าลูกก็มองไม่ออกเลยว่าเป็นผู้หญิงเสียสติ
เทวิกาเอากล้องหันไปที่แม่ทั้งสองคน
ตอนที่เธอหันกล้องนั้น อีกฝั่งที่อยู่ในกล้องไม่ใช่พี่ชายอีกต่อไป แต่เป็นผู้ชายแปลกหน้าสำหรับเธอ
เทวิกตกตะลึงไปสักครู่ จากนั้นก็นึกขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ว่าคนคนนั้นคือใคร
เธอมองพ่อในวิดีโอ รอยยิ้มบนใบหน้าค่อยๆ จางหายไป แม้มริมฝีปากไว้แน่น พูดไม่ออกสักคำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเรียกพ่อเลย
ผ่านการเล่าของพี่ชาย เทวิกาวางตำแหน่งของพ่อผู้ให้กำเนิดว่าเป็นชายชั่ว
“วิกา”
ไซม่อนเป็นคนเอ่ยปากขึ้นมาก่อน เสียงของเขามีอาการสั่นเล็กน้อย นั่นเป็นเพราะเขาตื้นตันมากเกินไปนั่นเอง
“วิกา”
ไซม่อนเรียกชื่อออกมาอีกครั้ง
“หนู สวัสดี ฉันเป็นพ่อของหนูเอง พี่ชายของหนูเคยพูดถึงพ่อให้หนูฟังสินะ?”
ไซม่อนถือมือถือของลูกไว้ ตื่นเต้นจนมือเต็มไปด้วยเหงื่อ
เขาที่เคยผ่านมรสุมใหญ่มาตั้งมากมาย และเป็นคนที่โหดเหี้ยม แต่ ณ เวลานี้เมื่อต้องเผชิญกับลูกสาวที่ไม่เคยเจอหน้ากันยี่สิบสามปี เขาทำตัวไม่ถูก มีแต่อาการตื่นเต้น ทำให้จิตใจของเขาอ่อนไปโดยอัตโนมัติ
“หวัดดีค่ะ เคยพูดค่ะ”
เทวิกาตอบกลับอย่างเป็นทางการ เมื่อฟังอยู่ในหูของไซม่อน เหมือนดังมีดแทงเข้าไปกลางหัวใจเขา ความเจ็บปวดนั้นแผ่ขยายไปทั่วร่างกายของเขา
“หนู พวกหนูกำลังกินข้าวกันเหรอ กับข้าวอร่อยไหม?”
การแยกจากกันยี่สิบสามปี เพราะเหตุนี้ทำให้ความสัมพันธ์ของพ่อลูกแย่ยิ่งกว่าคนแปลกหน้า เมื่อเห็นหน้ากันถึงแม้จะมีคำพูดเป็นหมื่นเป็นพันคำ แต่ก็พูดไม่ออก
ไซม่อนพยายามหาเรื่องคุย พยายามรักษาการพูดคุยในวิดีโอคอลครั้งนี้อย่างระวัง เพราะกลัวว่าถ้าลูกสาวไม่พอใจขึ้นมา ก็จะตัดสายทิ้งทันที
หลายปีมานี้ใช้วิธีตัวเองบีบลูกชายให้เติบโต เขาคิดว่าเขาใจแข็งพอ และโหดเหี้ยมพอ และไม่รู้อะไรคือใจอ่อน
จนกระทั่งได้เจอลูกสาวที่สูญเสียไป ก่อนหน้านั้นยังเป็นก้อนเล็กๆ อยู่เลย แต่ตอนนี้โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาถึงรู้ว่าตัวเองก็มีด้านอ่อนโยนเหมือนกัน และรู้ว่าตัวเองก็มีช่วงที่กลัวเหมือนกัน ถึงได้รู้ตัวว่าเขาก็เหมือนพ่อทุกคนในบนโลกนี้
เขา ความจริงแล้ว เป็นคนปรกติทั่วไป
“กินอาหารที่โรงแรมเมเปิล โรงแรมเมเปิลคือโรงแรมระดับไฮแอนด์ที่ดีที่สุดในเมืองA พ่อครัวใช้วัตถุดิบที่ดีที่สุด กับข้าวที่ทำออกมาอร่อยครบทุกด้าน อร่อยมากจริงๆ”
ไซม่อนถามหนึ่งคำ เทวิกาตอบกลับมาหนึ่งคำ
ไซม่อนยิ้มใจดีออกมา “อร่อยเหรอ ถ้างั้นกินเยอะๆ หน่อย หนูผอม ต้องกินเยอะหน่อย แม่หนูก็อยู่ใช่ไหม ให้พ่อดูเธอหน่อยได้ไหมว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”
เทวิกาชะงัก นิ่งไปสิบกว่าวินาที จากนั้นเธอได้หันกล้องไปที่คุณแม่ทั้งสอง อย่างรวดเร็ว
ไซม่อนรู้ว่าอาการชะงักของลูกสาวเมื่อกี้หมายถึงอะไร เขาเจ็บช้ำในใจ แต่ไม่สามารถระบายออกมาได้ แต่ถึงแม้จะระบายออกมาได้ แต่เรื่องที่เขาเคยทำ ก็มีร่องรอยทิ้งไว้ ซึ่งมันไม่สามารถลบล้างออกได้
ไม่ว่าเขาจะมีความคิดแบบไหน ในสายตาของลูกสาวแล้ว หลายปีมานี้เขาไม่ได้ปกป้องภรรยาและลูก ปล่อยให้ภรรยาและลูกได้รับความลำบากไปไม่น้อย
ลูกสาวโกรธเขา โทษเขา ก็เป็นเรื่องปรกติ
“วิกา”
ญาณินหันไปมองลูกสาวพอดี เธอดูแลตัวเองได้ดีมากรอยยิ้มบนใบหน้าเป็นรอยยิ้มที่ยิ้มออกมาจากใจ เธอใส่เสื้อผ้าได้เหมาะสมกับตัวเอง ผมที่เวลานั่งลงก็ยาวไปถึงพื้นได้มัดไว้เป็นจุกสูง เธอสวมถุงมือแบบใช้แล้วทิ้ง และแกะกุ้งได้ตัวหนึ่งพอดี
เธอยิ้มแล้ววางกุ้งที่แกะเรียบร้อยแล้วใส่เข้าไปในถ้วยของลูกสาว ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า: “หนูชอบกินอาหารทะเล โดยเฉพาะกุ้ง แม่ช่วยลูกแกะเปลือกกุ้งเรียบร้อยแล้ว รีบกินเร็ว อย่าเล่นมือถืออีก อาหารทะเลถ้าเย็นแล้วจะไม่อร่อย มีกลิ่นคาว”
หัวใจที่เย็นชาของไซม่อนได้พังทลายไปอีกครั้ง
นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่เห็นท่าทีปรกติของภรรยา?
นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่เห็นภรรยาที่สง่างาม และอ่อนโยนนุ่มนวลแบบนี้แล้ว?
อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์เขาเรียกออกมาอย่างยากลำบากว่า:”ณิน”