คุณสามีพันล้าน - บทที่ 235 ถูกสกัดไว้หน้าประตู
แม้ว่าคุณเปรมาจะมาส่งคุณท่านทั้งสอง แต่ก็ยังคงต้องสกัดคุณเปรมาไว้หน้าประตู นอกจากจะได้รับอนุญาตจากคุณชายใหญ่ มิเช่นนั้น คุณเปรมารวมถึงรถของเธอก็ต้องหยุดอยู่เพียงเท่านี้
จัตรภัคและภรรยาสบตากัน
สองสามีภรรยาตระหนักได้ว่า ระหว่างที่พวกเขาสองคนไปเที่ยว ลูกชายของพวกเขาและเปรมาน่าจะมีปัญหากันเรื่องใหญ่พอสมควร
ลูกชายถึงขั้นออกคำสั่ง ไม่อนุญาตให้เปรมาเข้าไปในคฤหัสถ์เมเปิลแม้แต่ก้าวเดียว
ไม่ว่าลูกชายจะถูกหรือผิด ตอนนี้พวกเขาทำได้แค่ยืนเคียงข้างเขา
ทั้งคู่จึงลงจากรถและยกกระเป๋าลงจากรถทันที
“ลุงภัค น้าชา ลงจากรถทำไมคะ?ประตูอยู่ห่างจากตัวบ้านหลักอยู่พอสมควร ต้องใช้เวลาเดิน 10 กว่านาที เดี๋ยวหนูเข้าไปส่งค่ะ”
เปรมาไม่คาดคิดว่า ยศพัฒน์จะสั่งไม่ให้เธอเข้าไปในคฤหัสถ์เมเปิล
และเธอก็ตระหนักว่า ถ้าเธอต้องการเข้าไปตอนนี้ เธอก็ต้องทำหน้าที่เป็นคนขับรถ พาณัชชาและสามีของหล่อนเข้าไปเท่านั้น มิฉะนั้น เธอก็คงต้องหยุดอยู่ที่ประตูคฤหัสถ์เมเปิลนี้จริง ๆ
“ไม่เป็นไร พวกป้านั่งเครื่องมาทั้งวัน พอลงจากเครื่องแล้วก็นั่งรถนาน นั่งจนเท้าจะบวมแล้ว อยากจะเดินออกกำลังกายให้เท้าหายบวมพอดี”
ณัชชายิ้มราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอถือกระเป๋าของตัวเอง ส่วนสามีของเธอก็ลากกระเป๋าเดินทาง และทั้งคู่เดินเข้าไปในคฤหัสถ์เมเปิลผ่านประตูเล็ก
รปภ.เห็นเช่นนั้น ก็รีบเข้าไปช่วยลากกระเป๋า
รปภ.อีกคนโทรเข้าไปในบ้าน หลังจากนั้นไม่ถึงสองนาที พ่อบ้านก็ส่งรถมารับทั้งคู่
“น้าชา”
เปรมารีบตะโกนเรียก
ประตูของคฤหัสถ์เมเปิลนั้นเป็นแบบลายฉลุ เธอสามารถมองเห็นทุกอย่างผ่านประตูได้ เมื่อเห็นว่าณัชชาและสามีกำลังจะเข้าไป เธอก็รีบตะโกนเรียก
“น้าชาคะ หนูมาที่นี่เพื่อมาหาคุณย่าชนิศา ถ้าคุณย่าชนิศาไม่เจอหนู ท่านต้องเป็นห่วงมากแน่เลยค่ะ”
ณัชชาเพิ่งกลับมา ไม่รู้ว่าอะไรจริงอะไรปลอม แต่ รปภ. คนหนึ่งพูดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา “คุณท่านชนิศาของเราลงจากเขาแล้วครับ คุณท่านภูธิปพาท่านผู้เฒ่าตระกูลวาชัยยุงไปกับพวกท่านด้วย พวกท่านน่าจะไปที่ทุ่งดอกไม้นะครับ ผมไม่ได้ยินคุณท่านชนิศาพูดเรื่องที่ท่านเชิญคุณเปรมามาที่บ้านเลยนะครับ”
หญิงชรามีชายชราอยู่เป็นเพื่อน
นอกจากนี้ คนงานจำนวนมากที่เชิงเขาอาศัยอยู่กับพ่อแม่ของตัวเอง และหญิงชราก็ชอบที่จะพูดคุยกับคนชราเหล่านั้นมาก
หญิงชราจะรู้สึกเบื่อได้อย่างไร?
ไม่จำเป็นต้องให้คนหนุ่มสาวมาอยู่เป็นเพื่อนเลย
ตอนนี้คุณปู่คุณย่าของคุณนายน้อยอริยชัยกุลก็อยู่ที่นั่นด้วย และคนชราทั้งสี่อยู่ด้วยกันน่าจะมีความสุขดี ใครต้องการคนอยู่เป็นเพื่อนเหรอ?
เปรมาจ้องเขม็งไปที่ รปภ. คนนั้น
รปภ. ตกตะลึง เขาพูดอะไรผิดเหรอ ทำไมคุณเปรมาถึงจ้องเขาแบบนั้น?
รปภ. ที่รู้สึกว่าเขาไม่ผิด ยืดหลังให้ตรง และมองกลับไปที่เปรมาอย่างใจเย็น เขาไม่ผิด ทำไมต้องกลัว!
ถ้าเทียบความกลมโตของดวงตา เขาก็ไม่น่าแพ้นะ!
ณัชชายิ้มและพูดกับเปรมาว่า “เปรม์ ในเมื่อคุณย่าชนิศาอยู่ในทุ่งดอกไม้ที่เชิงเขา หนูก็ไปหาท่านที่นั่นสิ เดี๋ยวพวกป้าเข้าไปเก็บของก่อน”
“…….อ๋อ ค่ะ”
เปรมาสามารถพูดอะไรได้อีก?
คนตระกูลอริยชัยกุลล้วนเป็นแบบนี้
แม้ปกติจะเห็นพวกเขาจะพูดจาเหมือนเกรงใจกับเธอ ทว่า เมื่อไหร่ที่เธอและยศพัฒน์มีปัญหากัน ตระกูลอริยชัยกุลก็จะอยู่ข้างยศพัฒน์อย่างไม่มีเงื่อนไข
คุณชายตระกูลอริยชัยกุลทุกคน : ถ้าเราไม่ยืนหยัดเคียงข้างพี่ชายของตัวเอง ให้เรายืนข้างใคร?คุณเป็นคนนอก ทำไมเราต้องไปยืนข้างคุณด้วย?
เปรมา:……
สิบนาทีต่อมา
ในห้องโถงใหญ่ของบ้านหลัก ณัชชาและสามีของเธอกำลังนั่งอยู่บนโซฟา มองไปยังสิรภพที่อยู่ตรงข้าม
สิรภพไม่ได้ไปที่ร้านกาแฟกับภรรยาและลูกสาวของเขา และไม่ได้ลงเขาไปกับพ่อแม่ เขาแค่อยู่ในคฤหัสถ์เมเปิลเพื่อเดินเล่น และชื่นชมคฤหัสถ์เมเปิลที่ลึกลับนี้ ใครจะไปรู้ว่าพ่อแม่ของลูกเขยที่ไปเที่ยวและไม่ได้กลับมาเป็นเวลาหลายเดือน จะกลับมากะทันหันแบบนี้
เขานั่งอยู่ตรงข้ามพ่อแม่ของลูกเขย และถูกเขาทั้งสองจ้องไว้
“ลูกชายของเราแต่งงานกับลูกสาวของคุณ?”
ณัชชาทำลายความเงียบระหว่างทั้งสามคน
สิรภพครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตอบว่า: “ในตอนแรก ลูกสาวของผม ต้องการเช่าลูกชายของคุณมาเป็นแฟนหลอก ๆ เพราะผู้ใหญ่ในบ้านชอบเร่งให้แต่งงาน ลูกสาวของผมทนไม่ได้ เธอจึงคิดวิธีบ้า ๆ แบบนี้ขึ้นมา”
“จากนั้น พัฒน์บอกว่าจะทำให้จบในขั้นตอนเดียว ลูกสาวของผมก็ไร้เดียงสา พวกเขาสองคนก็เลยไปจดทะเบียนสมรสกัน เพราะแบบนี้ ผมจึงได้เป็นทองแผ่นเดียวกันกับคุณสองคนน่ะครับ”
สิรภพเล่า สาเหตุ เหตุการณ์ และผลสรุปที่ตัวเองรู้ออกไป
ใช้เวลาไม่นาน
ณัชชาและสามีก็ปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดได้ยาวเป็นหางว่าว
ลูกชายคนโตของพวกเขาเป็นคนแบบไหน พวกเขานั้นรู้ดี
ดูเหมือนว่าลูกชายของพวกเขาจะจับตามองผู้หญิงคนนี้มานานแล้ว
เด็กคนนี้เก็บความลับได้เก่งมาก
จนทำให้เธอคิดว่าลูกชายกับเปรมาคบกันมาโดยตลอด
ภายนอก ณัชชาปฏิบัติต่อเปรมาเป็นอย่างดี แต่ความจริงแล้ว ณัชชาไม่อยากได้เปรมามาเป็นลูกสะใภ้ของเธอ แม้ว่าเธอจะไม่เคยเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของลูกชายก็ตาม
เปรมาโลภเกินไป!
และมักใหญ่ใฝ่สูงเกินไป!
อยู่ดี ๆ ก็ได้ของสองอย่างมาพร้อมกัน
จะมีเรื่องดีไปกว่านี้ได้อย่างไร
“ลูกสะใภ้ของฉันต้องเป็นผู้หญิงที่ดีมากแน่ ๆ เลย ฉันแทบรอไม่ไหวที่จะได้เจอกับลูกสะใภ้ของฉันแล้ว”
ตอนที่สิรภพกำลังกังวลว่า พ่อแม่ของลูกเขยจะเข้าหายาก ณัชชาก็ยิ้มแล้วพูดขึ้น
“ที่รัก นี่เป็นเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่จริง ๆ ถือว่าเจ้าเด็กพัฒน์เตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ไว้ให้เราเลย ของขวัญชิ้นใหญ่นี้ได้ใจฉันเต็ม ๆ เลย ฉันชอบมาก ฮ่า ๆ ๆ ในที่สุดฉันก็ได้เลื่อนระดับและกลายเป็นแม่สามีแล้ว คุณสิรภพ คุณอย่าประหม่าเลย เราเป็นพ่อแม่ที่ใจกว้าง ถ้าอะไรที่ลูก ๆ ชอบ เราก็ชอบเช่นกัน”
“วิกา ใช่ไหม ลูกสะใภ้ของฉันชื่อวิกาใช่ไหม ชื่อนี้เพราะมากเลย”
สิรภพ “……ครับ ลูกสาวของผมชื่อเทวิกา แต่ว่า ลูกสาวของผมไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเรา เราเก็บเธอมาเลี้ยง พี่ชายและแม่แท้ ๆ ของเธอเพิ่งเจอเธอ และเธออาจต้องเปลี่ยนนามสกุลเป็นสาระทา เนตรดาว สาระทา”
ณัชชาและสามีตกตะลึง
นามสกุลสาระทาเหรอ ช่างมีวาสนากับตระกูลอริยชัยกุลจริง ๆ บรรพบุรุษของตระกูลพวกเขาก็นามสกุลสาระทาไม่ใช่หรือ?
“ไม่ว่านามสกุลของเธอจะเป็นอะไร หรือเธอจะเป็นลูกแท้ ๆ ของคุณหรือเปล่า เธอก็คือลูกสะใภ้ของฉัน!”
ณัชชายิ้มแล้วพูด
“ใช่ ๆ ๆ” จัตรภัคพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
ทั้งคู่อดใจรอไม่ไหวแล้วที่จะแสดงความในใจกับลูกสะใภ้ พวกเขาตั้งตารอที่จะได้มีลูกสะใภ้มาเป็นเวลานานแล้ว และในที่สุดพวกเขาก็สมหวัง พวกเขาไม่มีทางร้ายกับลูกสะใภ้เพราะภูมิหลังหรือฐานะทางบ้านอย่างแน่นอน
ไม่ต้องพูดถึงว่าลูกสะใภ้จะสวยหรือจะมีเสน่ห์ไหม ถึงจะเป็นผู้ชาย แค่ลูกชายของพวกเขาชอบและแต่งงานด้วย พวกเขาก็ยอมรับแล้ว
สิรภพนั้นถือว่าเชื่อคำพูดของลูกเขยแล้ว
แค่ลูกเขยชอบ คนตระกูลอริยชัยกุลก็รับวิกาได้
แบบนี้ สิรภพก็วางใจแล้ว
แม้ว่าผู้ใหญ่ของทั้งสองบ้านจะเริ่มไปมาหาสู่กัน คุณย่าชนิศาและสามีก็เข้าหาง่าย และไม่มีใครรังเกียจภูมิหลังของวิกา ทว่า ตระกูลวาชัยยุงก็ยังคงมีหินก้อนใหญ่อยู่ในใจ พวกเขากังวลว่าพ่อแม่สามีของวิกาจะไม่ชอบเธอ
ก่อนที่เทวิกาจะกลับมา พ่อแม่สามีของเธอได้รบกวนพ่อของเธอ ถามคำถามมากมายเกี่ยวกับเรื่องของเธอและพัฒน์ รวมถึงถามประสบการณ์ชีวิตของเทวิกาอย่างละเอียด
“ไม่ว่าในอนาคตวิกาจะเจออะไร ตระกูลอริยชัยกุลของเราจะเป็นที่พึ่งให้กับเธอ ปล่อยให้เธอทำอะไรก็ได้ตามที่เธอต้องการ แม้ฟ้าจะถล่มลงมา ตระกูลอริยชัยกุลของเราก็จะเป็นหลังคาที่คุ้มครองเธอไว้เอง”
จัตรภัคยืนหยัด