คุณสามีพันล้าน - บทที่ 242 ปู่หลานในยามค่ำคืน
ตระกูลเดชอุป
ไฟในห้องโถงยังสว่าง
คุณปู่เร็นพิงโซฟาหลับไปแล้ว
ลุงเซนหยิบผ้าห่มผืนบางห่มลงบนร่างคุณปู่เร็นเบาๆ
ผู้ชราหลับไม่ลึก การกระทำของลุงเซนทำให้เขาสะดุ้งตื่น
ลืมตาเห็นว่าเป็นลุงเซน คุณปู่เร็นเอ่ยถามว่า “เบศวร์ยังไม่กลับมาเหรอ”
“คาดว่าคืนนี้คุณชายใหญ่คงไม่กลับมาครับ ท่านมีเรื่องอะไร สามารถโทรศัพท์หาคุณชายใหญ่ได้เลย ไม่จำเป็นต้องรออยู่ที่นี่ นี่ก็ดึกแล้ว เลยเที่ยงคืนแล้วครับ”
ลุงเซนโน้มน้าวผู้ชราให้กลับไปพักผ่อนที่ห้องเสียงเบา
“ดึกขนาดนี้แล้วเหรอ”
คุณปู่เร็นตะลึงแล้วเอ่ยว่า “ฉันจะกลับไปพักผ่อนที่ห้อง ถ้าเบศวร์กลับมา พรุ่งนี้เช้าก็ปลุกฉันเช้าหน่อย”
“ครับ”
ลุงเซนรีบประคองคุณปู่เร็นลุกขึ้น
แต่ในตอนนี้กลับได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังมาจากด้านนอก
“ออกไปดูสิว่าเบศวร์กลับมารึเปล่า”
คุณปู่เร็นนั่งลงไปใหม่ ให้ลุงเซนออกไปดู
ลุงเซนรับคำแล้วรีบออกไปดู
นฤเบศวร์กลับมาแล้ว
เห็นไฟในห้องโถงยังสว่างอยู่ นฤเบศวร์ก็ค่อนข้างประหลาดใจ และเห็นลุงเซนเดินออกมาต้อนรับ จึงเดาได้ว่าคุณปู่รอเขาอยู่
มีเรื่องอะไรอีก?
คุยในโทรศัพท์ไม่ได้ ต้องรอให้เขากลับมา?
นฤเบศวร์เดินเข้าไปในบ้านโดยกอดความสงสัยเอาไว้
“คุณปู่ ดึกขนาดนี้แล้ว ทำไมคุณปู่ยังไม่นอนล่ะครับ อย่าอดหลับอดนอน อดหลับอดนอนไม่ดีนะครับ”
นฤเบศวร์เดินไปทางคุณปู่ พลางเอ่ย
“แกก็รู้ว่าอดหลับอดนอนไม่ดี ยังกลับมาดึกขนาดนี้”
“คุณปู่ คืนวันนี้ผมมีเลี้ยงสังสรรค์ ทำอะไรไม่ได้ครับ”
นฤเบศวร์หัวเราะเหอๆ “พรุ่งนี้พระอาทิตย์อาจจะขึ้นทางทิศตะวันตก นับตั้งแต่เปรมากลับมา นานเท่าไรแล้วที่แกไม่ได้สังสรรค์”
“คุณปู่ ดูคุณปู่พูดเข้าสิครับ ความสนใจหลักของผมยังคงอยู่บริษัทตระกูลเรานะครับ”
เขานั่งลงข้างคุณปู่
ผู้ชราดมกลิ่นบนร่างเขา
“ทำไมเหรอครับ”
“ไม่มีกลิ่นน้ำหอมที่น่ารังเกียจพวกนั้นแล้ว วันนี้ไม่ได้เจอเปรมาสินะ?”
คุณปู่เร็น ไม่ชอบกลิ่นน้ำหอมบนตัวเปรมาเป็นอย่างมาก เป็นเพราะสะใภ้ลูกชายคนโตกับเบศวร์ เขามักจะพบกับเปรมาบ่อยๆ จึงคุ้นชินกับกลิ่นน้ำหอมนั้นมาก
เบศวร์กลับมา ขอเพียงแค่มีกลิ่นน้ำหอมนั่นติดมาด้วย ผู้ชราเช่นเขาก็รู้แล้วว่าเบศวร์ได้พบกับเปรมาหรือไม่
“ไม่ครับ”
นฤเบศวร์ตอบชัดเจนมาก
นึกว่าทั้งวันเขาว่างงานไม่มีอะไรทำเหรอ เขาก็ยุ่งมากเช่นกัน
“หาได้ยากจริงๆ”
“คุณปู่ คุณปู่อย่าถากถางผมเลย พูดมาเถอะครับ ดึกดื่นค่ำคืนไม่พักผ่อน รอผมกลับมา มีเรื่องอะไรจะสั่งนอกจากเรื่องที่จะให้กนกอรเข้ามาอาศัยที่นี่ เรื่องอื่นๆก็คุยกันได้ครับ”
นฤเบศวร์เข้าใจคุณปู่ตัวเองเป็นอย่างดี
แม้ว่าคุณปู่จะรับปากเขาว่า จะไม่บังคับและก้าวก่ายเรื่องของเขากับกนกอร แต่ความจริงแล้วคุณปู่เฝ้ารอให้เขากับกนกอรสามารถกลายเป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงอยู่
“คุณปู่ ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากให้กนกอรมาอาศัยที่นี่”
นฤเบศวร์คิดว่าควรจะแก้ต่างให้ตัวเอง เขาเอ่ยว่า “คุณปู่ก็รู้ว่าคุณแม่ผมชอบเปรมามาก คุณแม่ผมกับน้าณัฏฐาก็สนิทกันเหมือนเป็นพี่สาวน้องสาว กนกอรไม่ได้เข้ามาอาศัยที่นี่ แม่ผัวลูกสะใภ้ไม่ต้องพบหน้ากันทุกวัน รักษาระยะห่างไกลเช่นนี้เอาไว้ ทั้งสองคนก็ทำเหมือนไม่มีอะไรได้”
“อีกอย่าง กนกอรชอบชีวิตตอนนี้ของเธอ ผมถูกบีบให้แต่งงานกับเธอ แต่สิ่งที่สมควรเคารพให้เกียรติเธอ ผมก็จะให้ เธอชอบทำอะไรผมล้วนเคารพการเลือกของเธอ”
สิ่งที่นฤเบศวร์พูดมาเป็นความจริง
ตระกูลเดชอุปของพวกเขาไม่เหมาะกับกนกอร
ถ้าให้กนกอรเข้ามาอาศัย สู้กันจนตายไปข้างกับคุณแม่เขาทุกวัน บวกกับทางด้านบ้านสามที่กลัวว่าโลกจะไม่วุ่นวาย ก็จะทะเลาะกันจนทำให้ในบ้านวุ่นวายอลหม่าน
กนกอรไม่ได้รักเขา เพียงแค่รับเงินทำงาน คืนหนี้น้ำใจให้เขา หากถูกพ่อแม่สามีวางมาดทำให้ลำบากใจ กนกอรไม่ยอมกล้ำกลืนความเจ็บช้ำน้ำใจเด็ดขาด เด็กสาวคนนั้นมีความสามารถทำให้คนโมโหจนตายได้ คุณแม่เขาลงมือครั้งแรกก็พ่ายแพ้ทั้งยังต้องวิ่งมาฟ้องเขาอีก
คุณปู่เร็นเงียบไป และเอ่ยว่า “ปู่เคยพูดไปแล้วว่า ปู่จะไม่สอดมือเข้าไปยุ่งเรื่องของแกกับกนกอร ขอเพียงแค่ในภายภาคหน้าแกไม่เสียใจในภายหลังก็พอ”
“ธุรกิจของเปรมาถูกยศพัฒน์กดดันจนแทบจะไม่ไหว แล้ว เธอไปหาแกมั้ย”
“ไม่ครับ”
ตอนที่นฤเบศวร์ตอบคำถาม ก้นบึ้งนัยน์ตามีความอึดอัดใจพาดผ่าน
มารดาบอกกับเขาว่า น้าณัฏฐาคุยกับเปรมาไปหลายครั้ง โน้มน้าวเปรมาให้ทิ้งความรักที่มีต่อยศพัฒน์อย่างยากลำบาก และตอบรับความรู้สึกเขา
เปรมาถูกโน้มน้าวได้แล้ว แต่เมื่อหันหลังกลับไป ก็ยังคงมุ่งหน้าไปหายศพัฒน์อยู่ดี
นฤเบศวร์ไม่ได้ถูกทำให้เสียใจเป็นครั้งแรก เขาถูกทำให้เสียใจมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว
หัวใจก็หนาวเหน็บมากขึ้นในทุกๆวัน
หยิบเรื่องที่ธุรกิจถูกกดดันเอาไว้มาพูด ความจริงแล้ว ขอเพียงแค่เปรมามาหาเขา แม้ว่าคุณปู่จะไม่อนุญาต เขาก็จะช่วยเธอจัดการสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้
แต่ว่าเธอไม่ได้มา
นับตั้งแต่เธอถูกกชนิภาทุบตีอย่างรุนแรง เขาก็ไม่ได้ไปเยี่ยมเธอ เพียงแค่ให้ธันวาส่งกระเป๋าน้ำแข็งไปให้เธอ หลังจากนั้น เปรมาก็ไม่ได้เป็นฝ่ายติดต่อเขา และไม่มาหาเขาอีก
นฤเบศวร์รู้ดีแก่ใจ
เปรมาตั้งใจไม่สนใจเขา อยากให้เขาเป็นฝ่ายก้มหัวให้ ไปหาเธอ พะเน้าพะนอเธอเหมือนแต่ก่อน
นฤเบศวร์ก็คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะสามารถอดทนได้ ถึงกับไม่ไปหาเธอ ไม่ติดต่อเธอ
ไม่เจอ ไม่ติดต่อ เขาค้นพบว่าสมองตัวเองสงบเงียบอย่างน่าประหลาด คิดเรื่องอะไรก็สามารถคิดได้เข้าใจชัดเจน
“พระอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตกจริงๆแล้ว แต่ก่อนนิ้วมือเธอหนังหลุดนิดหน่อย ก็โทรศัพท์หาแก คราวนี้ เธอใกล้จะล้มละลายแล้ว แต่ดันไม่มาหาแก”
ความหมายโดยตรงและทางอ้อมในคำพูดของล้วนเสียดสี
“ก็ใช่ เธอไปร้องไห้กับพัฒน์ เธอยอมไปหาพัฒน์ครั้งแล้วครั้งเล่า ถูกพัฒน์ทำให้เสียใจอย่างโหดร้ายหลายต่อหลายครั้ง ก็ยังไม่ยอมแพ้ ไม่คิดถึงความดีของแกบ้าง เบศวร์ พวกแกสองคนล้วนโง่มาก”
ทั้งคู่ล้วนรู้ดีแก่ใจแต่กลับดื้อดึงไม่ยอมปล่อยวาง
นฤเบศวร์สีหน้าหม่นหมอง
ที่แท้เธอไปหาพัฒน์
เขาช่วยเธอได้ เธอไม่มาหาเขา แต่ไปหาพัฒน์ พัฒน์ข่มเธอเอาไว้ เธอก็ยังไปหาพัฒน์…
“แม้ว่าเปรมาจะไม่ไปหาแก แต่เบศวร์ ปู่จะพูดไว้ตรงนี้ ธุรกิจของเปรมา ถึงเธอจะล้มละลาย ก็ไม่อนุญาตให้แกยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ RA กรุ๊ปของพวกเราสามารถมีวันนี้ได้นั้นไม่ง่ายเลย แกอย่าเอาความสำเร็จจากความพยายามของคนทั้งสามรุ่นไปช่วยคนไม่สลักสำคัญอะไร”
“มีเวลาเอ้อระเหยอย่างสบายอกสบายใจก็ไปสร้างการมีตัวตนของแกที่บ้านพ่อตาแกซะ บ้านของพวกเขาก็เก่าแล้ว ซื้อคฤหาสน์ที่มีลานหน้าบ้านและหลังบ้านให้พวกเขาสักหลัง จะได้อยู่กันสบายหน่อย”
นฤเบศวร์ “…”
เขามองคุณปู่
“แกอย่ามามองฉัน ในภายหลังฉันไปมาหลายครั้งแล้ว ล้วนถูกชรัณไล่ออกมา อาฆาตแค้นจริงๆ”
คุณปู่เร็นถอนหายใจ
เขาชอบคุยทุกๆเรื่องกับชรัณ
คนแก่ ผ่านยุคสมัยเดียวกัน เขาก็สร้างครอบครัวด้วยมือเปล่า ลำบากยากจนมาก่อนเช่นกัน คุยเรื่องในอดีตกับชรัณ ถึงจะรู้สึกสนุกสนาน
“คุณปู่ถูกไล่ออกมาก็ให้ผมไป ถ้าผมถูกไล่ออกมาเหมือนกันล่ะครับ พวกเขาก็ไม่ชอบผมเหมือนกัน”
“ไม่ชอบก็ต้องไปสร้างการมีตัวตน นั่นเป็นครอบครัวฝ่ายภรรยาแกนะ”
นฤเบศวร์ “…คุณปู่ ดึกมากแล้ว พักผ่อนเร็วหน่อยเถอะครับ”
อย่ามัวแต่สนใจเรื่องของเขากับกนกอรไม่เลิก