คุณสามีพันล้าน - บทที่ 246 เขาคิดถึงเธอ
เปรมาแอบถ่ายเสร็จแล้วก็ไม่ได้อยู่ต่อนาน รีบขับรถจากไปทันที
เทวิกาไม่รู้การกระทำของเธอ
แต่พวกวายุรู้
บอดี้การ์ดของตระกูลสาระทาก็รู้เช่นกัน
ประยสย์ชินกับการระมัดระวัง บอดี้การ์ดของเขาแบ่งออกเป็นอยู่ในที่แจ้งกับที่ลับ
บอดี้การ์ดในที่ลับนั้นเผยหน้าตาน้อยมาก เหมือนกันกับเงาที่ตามอยู่ด้านหลังเขา และบอดี้การ์ดที่เป็นเงาจะปรากฏตัวเมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์อันตรายเป็นพิเศษ
ตอนที่วายุโทรศัพท์หายศพัฒน์ บอดี้การ์ดของตระกูลสาระทาก็ส่งข้อความให้กับประยสย์
ยศพัฒน์เพิ่งจะรับสายภรรยาสุดที่รักเสร็จ รู้ว่าคุณพ่อตามา อยากจะพบกับเขาที่เป็นลูกเขย จึงนัดไปกินข้าวด้วยกัน
ไม่ต้องพูดเลยว่าคุณพ่อตามา แม้ว่าจะไม่ได้มา เขาก็ตั้งใจจะกินข้าวเป็นเพื่อนภรรยาเช่นกัน
คุณแม่ยายเพิ่งจะได้สติ วิกาจะต้องนอนกับคุณแม่เธออีกหลายวันแน่นอน ยศพัฒน์ไม่สามารถนอนกอดภรรยาหลับไปในตอนกลางคืน จึงทำได้เพียงแค่เจียดเวลาอยู่เป็นเพื่อนภรรยาในช่วงกลางวันแทน
จะได้ไม่ทำให้เธอคิดถึงเขา
อ่อ เขาคิดถึงเธอ
เพิ่งจะคุยเสร็จไปไม่นาน เขาก็ได้รับสายโทรศัพท์จากวายุ
รู้ว่าเปรมาแอบถ่ายเทวิกากับประยสย์โดยหลบอยู่ในที่ห่างไกล ยศพัฒน์จะไม่เข้าใจว่าเธอมีความคิดชั่วร้ายอะไรอยู่ได้ยังไง
เขาเดินอ้อมออกจากโต๊ะทำงานไป พลางตอบวายุว่า “รู้แล้ว คุ้มครองคุณนายน้อยลับๆต่อไป”
อินทัชผลักประตูเข้ามา เห็นว่าเขาจะออกไป จึงถามว่า “เจ้านาย คุณจะเลิกงานก่อนเวลาอีกแล้วเหรอครับ”
“อืม ฉันมีธุระด่วนนิดหน่อย”
อินทัชประหลาดใจ “เรื่องอะไรถึงได้ด่วนขนาดนี้ครับ ให้พวกเขาช่วยคุณจัดการไม่ได้เหรอครับ”
“เรื่องแบบนี้ให้คนอื่นทำแทนไม่ได้”
ยศพัฒน์เดินไปข้างนอก พลางตอบ ตอนที่เดินผ่านอินทัช เขาก็หยุดลงแล้วตบบ่าอินทัช พลางเอ่ยด้วยท่าทางจริงจัง “โดยเฉพาะคนแบบนาย ไม่สามารถเข้าใจได้”
“คนแบบผมทำไมครับ”
“โสดไงล่ะ”
อินทัช “…ชิ ไปเอาใจภรรยาอีกแล้ว ผมนึกว่ามีเรื่องด่วนอะไรซะอีก”
“เอาใจภรรยาฉันก็เป็นเรื่องใหญ่ ฉันไม่สนว่านายจะมาหาฉันเพราะเรื่องอะไร ตอนนี้ฉันไม่ว่าง รีบมากจริงๆ นายไปหากษิดิเถอะ”
อินทัชหมุนตัวเดินตามเขา “อย่างนั้นผมไปหากษิดิแล้วกันครับ”
กษิดิมีความสามารถไม่แพ้ยศพัฒน์ เพียงแต่เขาขี้เกียจไปหน่อย ไม่อยากแบกความรับผิดชอบ
ควรจะพูดว่าเหล่าคุณชายของตระกูลอริยชัยกุลล้วนขี้เกียจ แต่ละคนไม่อยากจะเป็นคนกุมบังเหียน เหนื่อยเกินไป
ยศพัฒน์นั้นอับจนหนทาง ใครให้เขาถูกคุณปู่คุณย่าเลี้ยงมาจนโต ใครใช้ให้เขาเป็นพี่ใหญ่กัน?
“ใช่แล้ว อินทัช ฉันต้องการปิดกิจการบริษัทแฟชั่นกู๊ด ยังมี ช่วยจัดการเรื่องฉาวโฉ่ของเปรมาตอนอยู่ต่างประเทศพวกนั้นให้ฉันหน่อย ฉันต้องใช้”
ยศพัฒน์หันหน้ามาสั่งอินทัช
อินทัชเอ่ยยิ้มๆ “บริษัทของเธอไม่มีคำสั่งซื้อ พนักงานที่เชิญมาก็ไม่กล้าเลิกจ้าง ยังต้องให้เงินเดือนเหมือนเก่า โรงงานของบริษัทก็เช่าเอา ค่าเช่าทุกวันล้วนเป็นเงินก้อนหนึ่ง ร้านเฟรนไชส์ของเธอก็เปิดทุกวัน มีคนเข้าไปดู แต่ไม่มีใครซื้อเสื้อผ้าของเธอครับ”
“ตอนนี้เธออยู่ห่างจากการปิดกิจการแล้ว ขาดเพียงแค่เวลาเท่านั้นเองครับ เธอร้อนใจแทบแย่ มาหาคุณหลายครั้งแล้ว”
ในฐานะผู้ช่วยและรุ่นน้องของเจ้านาย เรื่องกดดันเปรมาล้วนเป็นอินทัชที่จัดการ แน่นอนว่าทำตามคำสั่งของเจ้านาย
แต่ก่อนใครลือออกมาว่า เปรมาเป็นคู่รักที่รักกันมาตั้งแต่เด็กของเจ้านาย บอกว่าเจ้านายใกล้จะสามสิบแล้วยังไม่มีความรักเพราะรอเปรมากลับประเทศ?
นี่มันหลอกลวงทั้งเพ
อินทัชจำได้ว่าเจ้านายชี้แจงไปแล้ว แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครเชื่อ กระทั่งเขาก็ยังไม่เชื่อ
จนกระทั่งเถ้าแก่เนี้ยปรากฏตัวออกมา อินทัชถึงเชื่อว่าเจ้านายไม่ได้รู้สึกอะไรกับเปรมาจริงๆ
คุณวิกาต่างหากที่เป็นแสงจันทร์สีขาวและแต้มสีชาดของเจ้านาย
“เธอไม่ได้ไปหานฤเบศวร์เหรอ”
“ยังครับ แต่ได้ยินมาว่าผู้บริหารระดับสูงของทางด้านRA กรุ๊ปได้รับอีเมล์ที่ประธานกรรมการเป็นคนส่งด้วยตัวเองว่า ใครก็ไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องของบริษัทแฟชั่นกู๊ด และยังเอ่ยถึงคริษฐ์เป็นพิเศษ ให้คริษฐ์จับตามองนฤเบศวร์เอาไว้ด้วยครับ”
“ถ้านฤเบศวร์ยังกล้าจะทำเหมือนเมื่อก่อน ช่วยเปรมาอย่างไร้หัวคิด ก็รอถูกคริษฐ์แทนที่เถอะ ความจริงแล้วคริษฐ์ก็ดี เหมาะที่จะเป็นประธานบริษัทมากกว่านฤเบศวร์”
อินทัชคิดว่าถ้าเขาเป็นคุณปู่เร็น จะต้องดึงนฤเบศวร์ที่สมองและจิตใจคิดแต่เรื่องความรักลงมาแล้วดันคริษฐ์ขึ้นตำแหน่งไปแน่นอน
คริษฐ์ใจเย็นกว่ามาก และไม่ใช่คนที่สมองและจิตใจคิดแต่เรื่องความรัก อีกอย่าง คนของตระกูลเดชอุป นอกจากแม่ลูกนฤเบศวร์ คนอื่นๆล้วนไม่ชอบเปรมา
ในสายตาของคนอื่น เปรมานั้นโลภ แม้ว่าอยากจะแต่งงานกับยศพัฒน์ แต่ก็อยากจะมัดใจนฤเบศวร์ให้ช่วยทำงานหนักเพื่อเธอ ผู้หญิงแบบนี้ ไม่ว่าใครก็ล้วนไม่ชอบกันทั้งนั้น สองแม่ลูกนฤเบศวร์ชอบขนาดนั้น ไม่รู้ว่าสมองพวกเขาบรรจุขี้เลื่อยไว้มากขนาดไหน
“คุณปู่เร็นไม่เคยทำให้ฉันผิดหวัง”
คุณปู่เร็น : …
“เจ้านาย หลังจากจัดการเรื่องฉาวโฉ่ของเปรมาออกมาเรียบร้อยแล้ว คุณจะทำยังไงเหรอครับ”
“กลุ่มคนที่ชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้านปูเสื่อรอเผือกเถอะ”
ทำยังไงน่ะเหรอ
ย่อมต้องใช้วิธีเดียวกันกับที่ฝ่ายตรงข้ามทำมาโจมตีกลับไปไง
เปรมาแอบถ่ายคลิปวิกา สองพี่น้องที่ใกล้ชิดสนิทสนมกัน คิดว่าจะใช้สิ่งนี้ทำลายชื่อเสียงของวิกา เขาย่อมต้องให้ชื่อเสียงของเปรมาเสียจนถึงที่สุด และจะให้นฤเบศวร์ตัดใจจากเธออย่างเด็ดขาด ให้เธอไม่เหลือสิ่งใด สุดท้ายก็จากไปอย่างโศกเศร้า
อินทัชหัวเราะอิอิ “ก็ได้ครับ ผมจะปูเสื่อรอกินเผือกเลย”
ทั้งสองคนเข้าไปในลิฟต์โดยสารด้วยกัน แต่อินทัชก็ออกจากลิฟต์โดยสารไปหากษิดิอย่างรวดเร็ว
ยศพัฒน์ตรงลงไปที่ชั้นหนึ่ง
ประมาณสิบนาที รถของเขาก็จอดลงที่หน้าประตู One Day In Coffee
ระยะทางใกล้ สบายดีจริงๆ
เหยียบคันเร่งไม่กี่ครั้งก็สามารถเจอภรรยาได้แล้ว
เทวิกาเดินออกจากร้านมาต้อนรับ
“พัฒน์”
“เรียกสามี ผมอยากได้ยินคุณเรียกผมว่าสามี”
พัฒน์ลงจากรถ แตะริมฝีปากเธอแผ่วเบา ขอร้องให้เธอเรียกเขาว่าสามียิ้มๆ
เทวิกาหลุดหัวเราะ พลางปัดมือเขาออก “คุณพ่อกับพี่ชายฉันล้วนอยู่ข้างใน”
“ผมเข้าไปพบกับที่พึ่งผู้ยิ่งใหญ่ของผม ภรรยา รีบดูสิว่าตอนนี้สามีของคุณหล่อไม่หล่อ รูปร่างหน้าตา สีหน้าท่าทางดีที่สุดใช่หรือไม่”
เทวิกาจงใจพิจารณามองเขาอย่างจริงจังรอบหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ยุ่งมาตลอดช่วงเช้า จึงดูอ่อนล้าเล็กน้อย สีหน้าท่าทางไม่ค่อยจะดี โชคดีที่หน้าตาของคุณยังดีอยู่ ไม่แย่ลง ดูได้”
มือหนากอบกุมมือเธอเอาไว้ สองสามีภรรยาเดินเคียงไหล่กันย้อนกลับไป
“ผมไม่ได้เหนื่อย เป็นเพราะเมื่อคืนกอดหมอนนอน นอนหลับไม่สนิท แต่ก่อนนอนกับคุณมักจะรู้สึกว่ากลางคืนสั้นเกินไป เมื่อคืน ผมรู้สึกว่ากลางคืนยาวนานเกินไป ค่ำคืนอันยาวนานที่ต้องนอนอย่างเดียวดายนั้นยากจะหลับได้ลง”
เทวิกา “ก่อนพวกเราแต่งงาน คุณนอนมาได้ยังไง”
“ภรรยาจ๋า มีบางเรื่อง ตอนที่ไม่เคยทำมาก่อน ก็ไม่รู้รสชาติของมัน เมื่อได้ทำแล้ว ลิ้มรสชาตินั้นแล้ว ก็…”
โอ๊ย!
ถูกภรรยาเหยียบเท้าไปครั้งหนึ่ง
ยศพัฒน์หัวเราะเสียงเบา
วิกาหน้าบาง
“อ่อ ใช่แล้ว ภรรยา ผมจะคุยกับคุณเรื่องหนึ่ง คุณว่าจะรอตบหน้าเธอหรือว่าจะจัดการขั้นเด็ดขาดก่อนที่เรื่องจะเกิดดี”
“เรื่องอะไรเหรอ เรื่องที่เปรมาแอบถ่ายรูปฉันกับพี่ชาย?”
ยศพัฒน์ประหลาดใจ “ไม่เจอกันแค่ช่วงเช้า ภรรยาของผมถึงกับคาดเดาได้แล้ว ผมยังไม่ได้เอ่ยออกมาเลย คุณก็รู้แล้ว ภรรยาจ๋า คุณเก่งจริงๆ ยังไม่ทันได้เสี่ยงทายก็รู้แล้ว รีบทำนายให้ผมเร็วว่าเมื่อไรผมจะได้เป็นพ่อคน”