คุณสามีพันล้าน - บทที่ 252 อัลบั้มรูป
ยศพัฒน์มองประยสย์ และประยสย์ก็มองมาทางเขา
ทั้งสองคนไม่ได้ตอบรับในทันที
ไม่ใช่ว่าพวกเขาสองคนไม่อยากพูดแทนคุณพ่อ เพียงแต่เพราะตอนนั้นพ่อเลวเกินไป และทำให้แม่เสียใจจนหัวใจแตกสลายไปนานแล้ว
ตอนนั้นญาณินไม่ได้กลายเป็นบ้าในทันที แต่เธอกลายเป็นบ้าแบบนั้นอย่างช้า ๆ
ไซม่อนในตอนนั้น ในฐานะสามีอาจจะวุ่นอยู่กับการตามหาลูกสาว ทั้งยังต้องดูแลกิจการของบริษัท เลยไม่ได้ใส่ใจภรรยาของเขามากพอ แถมญาณินยังต้องถูกสมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัวของสามีตำหนิวิจารณ์ ยิ่งนานเข้าจึงทำให้เธอกลายเป็นบ้า
และที่แน่นอนคือก่อนที่เธอจะกลายเป็นบ้า เธอผิดหวังกับไซม่อนผู้เป็นสามีจนถึงที่สุดแล้ว
ยศพัฒน์คิดว่านี่เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างพ่อตากับแม่ยาย และเขาเป็นแค่ลูกขายจึงยากที่จะเข้าไปก้าวก่าย
ประยสย์เองก็รู้สึกว่าพ่อปกป้องแม่ไม่ดีถึงทำให้แม่ต้องกลายเป็นบ้า ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากนั้นพ่อยังตกลงปลงใจกับพลอยอีก ทั้ง ๆ ที่พลอยจ้องจะแทนที่ตำแหน่งของแม่เขามาตั้งนานแล้ว ในเมื่อตอนนี้เจอตัวน้องสาวแล้ว ประยสย์หวังว่าพ่อกับแม่จะได้หย่ากันสักที
และแม่จะได้อยู่ที่เมืองแอคเซสซ์กับน้องสาว ได้ใช้ชีวิตอย่างที่หวังเอาไว้
ดังนั้นเขาจึงไม่อยากพูดอะไรแทนพ่อของเขา
ยศพัฒน์หวังว่าพี่ชายของภรรยาจะตอบคำถามนั้น ส่วนประยสย์ก็หวังว่าน้องเขยจะสามารถออกหน้ารับไปก่อนได้ ทั้งสองคนมองหน้ากันและกันอยู่แบบนั้น แล้วสุดท้ายก็ไม่มีใครพูดอะไร
เมื่อไม่ได้รับคำตอบ ไซม่อนจึงละสายตาจากรูปถ่ายแล้วเงยหน้าขึ้นมองลูกชายกับลูกเขย
ทุกคนต่างเป็นคนฉลาด เรื่องที่เขาเคยทำลงไปที่ผ่านมา พวกเขาทุกคนต่างรู้กันดี
เมื่อชั่งน้ำหนักแล้ว พวกเขาทั้งสองค่อนข้างจะอยู่ข้างณินมากกว่า แล้วแบบนี้พวกเขาจะไปพูดแทนเขาได้ยังไง
“คือว่า คุณพ่อครับ ผมคิดว่าเรื่องระหว่างพ่อกับแม่ ให้พ่อกับแม่ทำความเข้าใจกันเองจะดีกว่า เรื่องความรู้สึกคนอื่นคงยากจะเข้าไปแทรกแซงได้”
คนที่เอ่ยปากพูดคือยศพัฒน์
ประยสย์ไม่ได้พูดอะไร
เพราะนั่งคือพ่อกับแม่ของเขา ไม่ว่าเขาจะช่วยใครเขาก็จะรู้สึกผิดกับอีกฝ่ายที่เหลือ
เพราะแบบนั้นจึงทำได้แค่นิ่งเงียบไป
ไซม่อนยิ้ม ยศพัฒน์รู้สึกว่ารอยยิ้มของเขาในตอนนี้ดูน่าเกลียดเสียยิ่งกว่าร้องไห้ออกมาเสียอีก
“จริงด้วย เรื่องของความรู้สึกต้องแก้ไขด้วยตัวเอง ไว้ฉัน…ไว้มีเวลาว่างค่อยว่ากันอีกทีแล้วกัน”
เมื่อไซม่อนนึกถึงสถานการณ์ในตอนนี้แล้วก็ได้แต่แอบถอนหายใจในใจ และยอมรับคำแนะนำของลูกเขย
ภายในห้องหนังสือตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
จนกระทั่งป้ามะนาวโทรเข้ามา
หลังจากยศพัฒน์กดรับสายก็หันไปพูดกับพ่อลูกตระกูลสาระทาว่า “พ่อครับ ผมขอตัวไปเอาอัลบั้มรูปก่อนนะครับ”
ไซม่อนขานรับเบา ๆ
ผ่านไปเพียงไม่กี่วินาที ยศพัฒน์ก็กลับมาพร้อมกับอัลบั้มภาพที่เขาหวงแหน
เขาเดินเข้าไปหยุดตรงหน้าพ่อตา ตอนที่ยื่นอัลบั้มรูปสองสามอัลบั้มนั้นไปให้ หัวใจของเขาก็เจ็บจี๊ดขึ้นมาเล็กน้อย อัลบั้มพวกนี้เป็นของรักของหวงของเขาเลยนะ
โชคดีที่เขาได้สาวสวยมาครอบครองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
การเอาอัลบั้มรูปพวกนี้ให้พ่อตากลับไปดูก็เพื่อให้พ่อตาเห็นว่าเขารักวิกามากแค่ไหน
ไซม่อนรับอัลบั้มรูป ยังไม่ทันได้เปิดดูประยสย์ก็รีบยื่นมือเข้ามาใกล้ ยังไม่ทันได้แตะอัลบั้มรูปมือของเขาก็ถูกตีออกไปเสียก่อน
ประยสย์มองพ่ออย่างงงงวยและไม่พอใจ
“แกได้เจอหน้าวิกาทุกวัน ยังจะกล้าแย่งอัลบั้มรูปกับฉันอีกเหรอ รู้จักอายบ้างหรือเปล่า”
ประยสย์…
หลังจากตามหาน้องสาวเจอ ดูเหมือนว่าเขายิ่งไม่สำคัญในสายตาของพ่อมากขึ้นไปทุกที
“พัฒน์ ขอบคุณมากนะ”
ไซม่อนเอ่ยขอบคุณลูกเขย
“แค่คุณพ่อไม่ด่าว่าผมเป็นพวกสัตว์ร้ายที่คอยจับจ้องวิกามานานแบบนี้ ผมก็ดีใจแล้วครับ”
ไซม่อนกล่าว “…ด่าก็อยากจะด่าอยู่หรอก แค่ถึงเธอจะเฝ้ามองวิกามานาน แต่กลับเพิ่งจะมาลงมือเอาตอนนี้ เพราะงั้นก็เลยด่าอะไรเธอไม่ได้”
หลังจากที่ยศพัฒน์ทำให้บี.เอ.เอ็ม.กรุ๊ปมั่นคงแล้ว แล้วค่อยเริ่มมาตามจีบลูกสาวของเขาจนได้เข้าไปเป็นคุณนายน้อยของตระกูลอริยชัยกุลซึ่งเขาทำได้ดีมาก และเรื่องนี้ทำให้ไซม่อนไม่มีอะไรจะพูดต่อ
และแน่นอนว่ายศพัฒน์เองก็โดดเด่นเพียบพร้อมและคู่ควรกับลูกสาวของเขา
ถ้าเป็นคนอย่างตาณ ไซม่อนคงจะไล่หนีไปไกล ๆ อย่าได้คิดจะแต่งงานกับลูกสาวของเขาเด็ดขาด
ยศพัฒน์แอบปาดเหงื่อ
ดูเหมือนว่าเขาจะผ่านด่านพ่อตาคนนี้แล้ว
ไซม่อนไม่ได้เปิดดูอัลบั้มภาพในทันที เขากอดอัลบั้มไว้ราวกับกำลังโอบกอดโลกทั้งใบยังไงอย่างนั้น ซึ่งมันยิ่งทำให้ยศพัฒน์สงสัยมากขึ้นไปอีก
เขาเอาแต่รู้สึกว่าพ่อตาของเขาดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างปิดบังอยู่
หลังจากพักอยู่โรงแรมเมเปิลสักพัก ไซม่อนก็โดนลูกชายเร่งเร้าจนยอมไปจากเมืองแอคเซสซ์อย่างเงียบ ๆ
แต่ข่าวที่ว่าตามหาเทวิกาพบแล้วกลับไม่ได้ถูกปิดบัง เพียงไม่นานมันก็แพร่กระจายไปทั่วเมืองซูเพร่า
ลูกสาวคนโตของตระกูลสาระทาอายุได้เพียงขวบครึ่งก็ถูกลักพาตัวไป เพื่อแก้แค้นความโหดร้ายของเจ้าของตระกูล ตระกูลสาระทามีอำนาจมาก แต่กลับตามหาลูกสาวนานกว่ายี่สิบปีก็ยังไม่พบ เรื่องที่ทุกคนต่างพูดถึงในตอนนั้นก็ค่อย ๆ เงียบหายไปตามกาลเวลา
มาตอนนี้ตามหาตัวลูกสาวคนโตของตระกูลสาระทาพบแล้ว ก็เหมือนกับโยนก้อนหินก้อนใหญ่ลงในทะเลสาบอันเงียบสงบ เพียงไม่นานก็กลายเป็นคลื่นลูกใหญ่ คนในเมืองซูเพร่าไม่ว่าจะเป็นชนชั้นสูงหรือคนธรรมดาต่างก็กำลังพูดถึงเรื่องที่ตามหาคุณหนูคนโตของตระกูลสาระทาพบกันไปทั่วเมือง
ทั้งญาติและพี่น้องของตระกูลสาระทา ภายนอกทำเหมือนดีอกดีใจ แต่ไม่บอกก็รู้ว่าแท้จริงในใจกลับไม่มีความสุขเลยสักนิด
พวกสื่อและนักข่าวในเมืองซูเพร่าต่างร้องขอให้ตระกูลสาระทาแสดงหลักฐานเพื่อยืนยันความจริง
ไซม่อนใจดีจัดงานแถลงข่าว พร้อมกับยอมรับว่าเขาตามหาลูกสาวที่หายตัวไปกว่ายี่สิบสามปีพบแล้ว และเขายังได้ทำการทดสอบความเป็นแม่ลูกแล้วเรียบร้อย และผลลัพธ์ก็ออกมาว่าทั้งสองคนเป็นแม่ลูกกันจริง ๆ
ตอนนี้คุณหนูของตระกูลสาระทายังอยู่ที่เมืองแอคเซสซ์ซึ่งห่างออกไปหลายพันไมล์ ยังไม่ได้กลับมาที่บ้านตระกูลสาระทา
เมื่อนักข่าวถามเขาว่า “คุณไซม่อน มีแค่แม่กับลูกสาวที่เข้ารับการทดสอบความเป็นแม่ลุกกันแล้ว แล้วคุณกับลูกสาวไม่ได้ทดสอบด้วยเหรอคะ ถ้าเผื่อว่าฝ่ายนั้นแค่เป็นลูกสาวของภรรยาของคุณ แต่ไม่ใช่ลูกสาวของคุณล่ะคะ”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้โพล่งออกไปทุกคนในงานต่างก็พากันเงียบสนิท
ทุกคนต่างก็หันไปมองทางนักข่าวที่ถามคำถามคนนั้น
ช่างกล้าหาญจริง ๆ
แถมยังพูดเป็นนัยอีกว่าคุณไซม่อนถูกสวมเขา
สีหน้าของไซม่อนเคร่งขรึมก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ตั้งแต่ภรรยาของผมแต่งงานกับผม เธอไม่เคยออกไปพบเพื่อนต่างเพศข้างนอกคนเดียวเลย และเธอก็ไม่เคยทำเรื่องผิดต่อผมด้วย ถ้าวิกาไม่ใช่ลูกสาวของผม แล้วเธอจะหน้าตาคล้ายแม่ของผมแบบนั้นได้ยังไง”
จากนั้นเขาก็สั่งให้คนเอารูปสองรูปมาวางลงบนโต๊ะ รูปหนึ่งเป็นรูปของเทวิกา อีกรูปเป็นรูปแม่ของเขาตอนยังสาว ย่ากับหลานสาวหน้าตาเหมือนกันราวกับแกะออกมาจากพิมพ์เดียวกัน
ถ้าทุกคนยังกล้าสงสัยและตั้งคำถามว่าเทวิกาไม่ใช่เชื้อสายของเขา ก็เท่ากับสงสัยว่าเขาไม่ใช่ลูกชายของพ่อเขานั่นแหละ
ชายอาวุโสกับหญิงชราประจำตระกูลมีเหรอจะนั่งดูอยู่เฉย ๆ ได้ พวกเขาย่อมกระโดดออกมาปกป้องสถานะลูกชายคนโตของตระกูลสาระทาให้เขาอยู่แล้ว
และเมื่อทุกคนได้เห็นรูปถ่ายของคุณย่ากับหลานสาวก็ไม่มีใครกล้าตั้งคำถามอีกเลยว่าเทวิกาเป็นลูกสาวของไซม่อนหรือเปล่า
ไซม่อนพูดเสียงเข้ม “เมื่อวิกากลับมา ผมจะทำการทดสอบความเป็นพ่อลูกกับวิกาอีกครั้ง และผมจะประกาศผลตรวจที่อกมาให้ทุกคนทราบอย่างแน่นอน”
ไม่รู้ว่านักข่าวที่ตั้งคำถามเมื่อครู่นี้ถูกใครสั่งมา หลังจากถามคำถามฟ้าผ่าคำถามนั้นออกมา เขาก็ยังถามคำถามอื่นต่ออย่างไม่กลัวตาย “คุณไซม่อน ทั้งที่ตามหาคุณหนูเจอแล้วทำไมถึงไม่รีบพากลับมาล่ะคะ แล้วถ้าไปรับจะให้ใครไปรับคุณหนูมาล่ะคะ”
ไซม่อนตอบกลับพร้อมทำสีหน้าสบายๆ “ที่เมืองแอคเซสซ์ลูกสาวของผมแต่งงานแล้ว สำหรับเธอแล้ว เรื่องสถานะที่แท้จริงนี้นับเป็นเรื่องกะทันหันมาก เธอยังต้องการเวลาอีกหน่อย และต้องคิดอีกหลายเรื่อง ผมจึงไม่ได้รีบรับเธอกลับมา ไว้เธออยากกลับมาเมื่อไหร่ค่อยไปรับเธอกลับมา”
“วิกาเป็นลูกสาวคนโตของตระกูลสาระทาของเรา แถมยังหายตัวไปนานกว่ายี่สิบสามปี ถ้าต้องรับเธอกลับมาแน่นอนว่าต้องเป็นคนของตระกูลสาระทาเป็นคนไปรับอยู่แล้ว แบบนั้นถึงจะแสดงให้เห็นว่าพวกเราดีใจมากแค่ไหน และอยากให้เธอกลับมามากแค่ไหน”