คุณสามีพันล้าน - บทที่ 270 แผนการของนฤเบศวร์
“ทำไมยังนั่งอยู่อีก ไปล้างมือสิคุณ หรืออยากให้ฉันช่วยล้างมือด้วย”
นฤเบศวร์รีบลุกขึ้นไปล้างมือ
พอเขาล้างมือเสร็จเดินออกมา กนกอรก็กินของว่างเหล่านั้นไปครึ่งหนึ่งแล้ว
ปากเขากำลังพูด พร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้ “กนกอร คุณเหมือนยังกินไม่อิ่ม ถ้าผมกิน แล้วคุณกินไม่อิ่มจะทำยังไง”
“งั้นคุณก็นั่งดูฉันกินแล้วกัน”
นฤเบศวร์: “…”
เขาแค่อยากแสดงความห่วงใยต่อเธอ แต่คำตอบของเธอก็ตรงไปตรงมาเกินไป
พอเห็นว่าเขากำลังนั่งดูเธอกินอยู่จริงๆ กนกอรก็รู้สึกขบขัน เธอผลักจนขนมครึ่งจานไปตรงหน้าเขา “กินซะ ไม่อย่างนั้นคุณอดตายแล้วจะไม่มีใครจ่ายค่าบริการให้ฉัน แล้วฉันจะทำทั้งหมดนี้ไปเพื่ออะไร”
นฤเบศวร์รีบหยิบของว่างกินทันที
สิ่งที่เธอพูดนั้นค่อนข้างบาดใจ แต่จริงๆ แล้วเธอเป็นพวกปากร้ายแต่ใจดี
เขาไม่กล้าพูดไร้สาระอีก เขาพูดผิดไปเยอะแล้ว ก้มหน้าก้มตากินดีกว่า
ตอนที่น้องพนักงานกลับมาพร้อมกับถุงอาหารขนาดใหญ่ ทั้งสองคนก็กินของว่างเสร็จแล้ว
“พี่อร,คุณนฤเบศวร์ ทานอาหารมื้อดึกได้แล้วค่ะ”
เจ้าของร้านแจกจ่ายอาหารมื้อเย็นแบบกล่องให้กับทั้งสองคน หลังจากที่นฤเบศวร์รับส่วนของเขาแล้ว เขาก็เอ่ยขอบคุณน้องพนักงาน แล้วพูดกับกนกอร: “กนกอร ผมว่าพนักงานคนนี้คุณควรเพิ่มเงินเดือนให้นะ”
ที่ฉลาด อาหารมื้อดึกมาให้ด้วย
หลังจากพูดจบ เขาก็รู้ว่าเขาพูดมากเกินไป จึงรีบแก้ตัว: “ผมไม่ได้จะยุ่งเกี่ยวกับเรื่ืิองภายในร้านของคุณ ผมแค่คิดว่าพนักงานที่ดีควรได้รับรางวัล”
“ฉันได้ยินมาว่าผู้ช่วยธันวาก็เป็นพนักงานที่ดีมาก คุณนฤเบศวร์ห้ามลืมขึ้นเงินเดือนให้ธันวาด้วยนะคะ ส่วนพนักงานในร้านของฉัน ถ้าพวกเธอทำงานได้ดี ฉันจะเพิ่มเงินเดือนให้เอง น้องพนักงานทำงานดีแบบนี้ นฤเบศวร์ คุณอย่าพูดแต่ปาก ต้องแสดงความจริงใจด้วย เช่น ให้ค่าตอบแทน”
“พี่อร ไม่ต้องค่ะ หนูไม่…”
กนกอรแหย่น้องพนักงานใต้โต๊ะ น้องพนักงานยังพูดไม่ทันจบก็หยุดพูดไป
นฤเบศวร์ตกตะลึงไปสักพัก จากนั้นก็หยิบกระเป๋าเงินออกมา แล้วหยิบเงินปึกหนึ่งออกมาอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะยื่นให้น้องพนักงาน พร้อมกับพูดว่า “นี่คือค่าตอบแทนที่ไปซื้ออาหารมาให้ฉัน”
น้องพนักงานประเมินน่าจะได้มาเกือบสองพัน แต่เธอไม่กล้ารับ
กนกอรแหย่เธออีกครั้ง ก่อนที่เธอจะกล้ารับเงินมา
“พี่อร คุณนฤเบศวร์ ค่อยๆ กินนะคะ หนูไปทำความสะอาดร้านเตรียมปิดร้านก่อน”
น้องพนักงานรีบเดินไปดึงพิชญ์สินี
ทั้งสองเดินไปข้างในร้าน ก่อนที่น้องพนักงานนับเงินปึกนั้น มีเกือบสองพัน ทั้งหมดหนึ่งพันแปด เธอหยิบออกมาหกร้อย และนับอีกหกร้อยให้พิชญ์สินี แล้วยัดอีกหกร้อยที่เหลือใส่มือพิชญ์สินี แล้วพูดเสียงเบาว่า “นี่เป็นส่วนของพี่อรค่ะ”
พิชญ์สินียกยิ้มและพูดว่า “รับเงินมาจริงๆ เหรอ”
“พี่อรบอกให้หนูรับมาค่ะ ฉันก็เลยรับมา น้าเป็นคนขอให้หนูไปซื้ออาหารมื้อดึก น้าควรได้รับค่าตอบแทนเหมือนกันพี่อรเป็นคนนำโชคลาภมาให้ หนูก็ควรแบ่งให้พี่อรด้วย เราแบ่งเท่า ๆ กัน “
พิชญ์สินียดกยิ้ม และไม่ปฏิเสธ ยังไงซะ คู่แข่งของลูกเขยเธอก็มีเงินมาก และเขาเป็นคนเสนอเรื่องให้ค่าตอบแทนเอง ไม่รับก็เสียดาย ถ้าได้มาเยอะๆอาจจะทำให้เขาล้มละลายได้ เขาจึงไม่มีความมั่นใจที่จะต่อกรกับลูกเขยของเธอได้
นฤเบศวร์: …คุณน้า คุณน้าคาดหวังให้ผมล้มละลายเลยเหรอ!
พวกบอดี้การ์ดของนฤเบศวร์ ไปลากรถของคุณชายลงมาเติมน้ำมันที่ปั๊ม จากนั้นก็ขับรถมาที่One Day In Coffeeก่อนจะจอดทิ้งไว้ที่นั่น แล้วกลับไปอย่างรวดเร็ว
คุณชายส่งข้อความเข้ามาในกลุ่มสนทนา ให้พวกเขาไม่จำเป็นต้องอยู่รอ ทางที่ดีคือปิดเครื่องไป ให้คุณชายติดต่อพวกเขาไม่ได้ จะได้สร้างโอกาสให้คุณชายกับคุณนายน้อยได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพัง ให้คุณนายน้อยไปส่งเขาที่บ้าน
พวกบอดี้การ์ดของนฤเบศวร์ ต่างก็พูดในใจว่าคุณชายของพวกเขาช่างไร้ยางอายจริงๆ!
หลังจากที่ทั้งสองคนกินข้าวกันเสร็จ ก็ดึกมากแล้ว
น้องพนักงานเลิกงานกลับบ้านไปก่อนแล้ว พิชญ์สินีเองก็รอปิดร้านแล้วกลับไปพักผ่อนที่ห้องเช่า
“กนกอร คุณพาผมไปส่งที่บ้าน ได้ไหม”
นฤเบศวร์ขอร้องกนกอรหน้าด้านๆ
กนกอรได้เอากุญแจจักรยานไฟฟ้าของเธอมาแล้ว และกำลังเตรียมจะขับกลับบ้าน แต่ถูก นฤเบศวร์เรียกไว้ ก่อนจะเลิกคิ้วแล้วพูดว่า “แบตบอส คุณอย่าได้คืบจะเอาศอกนะ ที่ฉันยอมไปลากตัวคุณกลับมาจากขอบหน้าผา ก็เพราะเห็นแก่หน้าคุณปู่”
“ตอนนี้คุณกินอิ่มแล้ว ร่างกายก็แข็งแรงดี จะขับรถกลับเองไม่ได้หรือไง? แล้วพวกบอดี้การ์ดของคุณล่ะ ขับรถกลับมาให้คุณหรือยัง? ถ้าไม่ไหวจริงๆ คุณก็โทรเรียกบอดี้การ์ดคุณมารับสิ”
นฤเบศวร์พูดอย่างน่าสงสาร: “ผมโทรหาพวกเขาแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาไม่รับสายผมสักคน หรือไม่ก็โทรศัพท์ปิดเครื่อง ผมกลับเองได้ แต่ผมกลัวว่าคุณปู่จะตีผมตาย”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน? คุณเป็นคนถูกตี ไม่ใช่ฉัน ฉันไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรกับคุณเลย”
กนกอรพูด ก่อนจะผลักเขาออกไป แล้วเดินออกจากร้าน พร้อมกับหันไปพูดกับพิชญ์สินี “คุณน้าคะ เดี๋ยวหนูช่วยปิดร้าน คุณน้ากลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ นี่ก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว”
พิชญ์สินียกยิ้มแล้วพูดว่า: “ไม่เป็นไรจ้ะ คืนนี้น้าพักที่บ้านเช่าของวิกา มันใกล้ดี เราออกไปก่อน เดี๋ยวน้าล็อกประตูร้านทีหลัง”
“เอ้อ จริงสิ วิกาบอกให้เราโทรหาเธอ แต่ตอนนี้มันก็ดึกมากแล้ว”
พิชญ์สินีลืมบอกกนกอรไปเลย
กนกอรดูเวลาแล้วและคิดว่าไม่เหมาะที่จะโทรหาเพื่อนสนิทเวลานี้ ดังนั้นเธอจึงส่งข้อความไปแทน ถ้าวิกาตอบกลับ แสดงว่าวิกายังไม่ได้นอนหลับ ทั้งสองถึงจะคุยกันทางโทรศัพท์ได้
“กนกอร”
พอออกมาจากร้าน แล้วไม่มีพิชญ์สินีคอยจับตามอง นฤเบศวร์ก็ยิ่งหน้าด้านมากขึ้น เขายืนขวางทางของกนกอรไว้อีกครั้ง และไม่ให้กนกอรขับจักรยานไฟฟ้าออกไป เขาพูดว่า: “กนกอร คุณพาผมไปส่งที่บ้าน คุณก็จะได้เห็นคุณปู่ดุด่าผม อีกทั้งยังทุบตีผมด้วย นี่เป็นโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตเลยนะ ถ้าคุณพลาดไปคงน่าเสียดายมากแน่ๆ”
กนกอรหัวเราะออกมา ก่อนจะเอื้อมมือไปจับคอเสื้อของเขา แล้วดึงเขาเข้ามาใกล้ จนระยะห่างของทั้งสองใกล้กัน ลมหายใจของพวกเขาพัดใส่กัน
นฤเบศวร์รู้สึกจุกอก เขาจ้องมองใบหน้าที่ยิ้มแย้มของกนกอรแล้วคิดในใจ: เธอจะจูบเราไหม? ถ้าเธอจูบเรา เราจะยอมหรือไม่ยอมดี ช่างเถอะ ยอมอยู่นิ่งๆ ให้เธอจูบตามใจชอบเลย!
“นฤเบศวร์ คุณเป็นบ้าหรือไง! ถึงได้อยากให้ฉันดูเรื่องตลกของคุณ ถ้ามีเวลา ฉันก็ยินดีที่จะดู แต่ตอนนี้มันดึกมากแล้ว ฉันไม่ไปด้วยแน่ๆ ฉันไม่ไปหรอก ถ้าไปส่งคุณ ฉันจะได้กลับมาหรือไง ปู่ของคุณไม่ยอมให้ฉันกลับมาแน่ คิดจะแกล้งฉัน มันชัดจะเกินไป แม้แต่คนโง่ก็ยังมองออกเลยคุณ”
กนกอรตบหน้านฤเบศวร์เบาๆ จากนั้นปล่อยมือจากคอเสื้อของเขา แล้วผลักหน้าอกของเขาออกไป “ขับรถกลับคนเดียวเลยคุณ แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าคุณกับเปรมามีเรื่องขัดแย้งอะไรกัน ถึงทำให้คุณมีสภาพแบบนี้ ถ้าคุณอารมณ์ไม่ดีจริงๆ ก็พักผ่อนอยู่ที่บ้านไปก่อน”
“ฉันจะกลับแล้ว”
กนกอรเดินผ่านเขาไป แล้วขึ้นนั่งบนรถจักรยานไฟฟ้า แล้วขับออกไป
นฤเบศวร์หันมองตามแผ่นหลังของเธอ ก่อนจะยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าของตัวเอง ตามด้วยหน้าอกที่เธอตบเบา ๆ แล้วบ่นพึมพำ “ทำไมคุณถึงไม่จูบผมล่ะ”