คุณสามีพันล้าน - บทที่ 287 ความแตกต่างระหว่างคุณพัฒน์กับแบตบอส
ทันทีที่กนกอรไปเปิดประตู ยศพัฒน์ก็กล่าวกับภรรยาสุดที่รักว่า:“ยุ่งมาตั้งแต่เช้า เหนื่อยไหม”
“ก็ไม่ได้ตั้งแต่เช้านะ ฉันเขียนอัปเดตเสร็จถึงค่อยไปซื้อของมาทำอาหารน่ะ”
เห็นผมของเธอหล่นลงมาเล็กน้อย ยศพัฒน์จึงใช้มือช่วยเธอปัดขึ้นไปทัดที่ใบหูของเธอ “บอกแล้วว่าให้ผมมาช่วยคุณ คุณก็ไม่ยอม ดูสิเหนื่อยจนผมเผ้ายุ่งเหยิงรุงรังไปหมดเลย”
เทวิกาจับมือของเขาแล้วลูบสองสามที จากนั้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม:“ไม่เหนื่อยจริง ๆ แต่ว่ามีคุณเป็นห่วงฉันแบบนี้ ต่อให้เหนื่อยก็คุ้มค่ะ”
“พวกเขามากันแล้ว ยังมีกับข้าวอีกสองอย่าง พวกเราผัดกันคนละอย่างเถอะ”
“คุณมีกระทะแค่อันเดียวไม่ใช่เหรอ”
เทวิกากล่าวด้วยรอยยิ้ม: “มีกระทะสองอันอยู่ ฉันจะไปหยิบกระทะอีกอันหนึ่งมา”
“ไม่ต้องแล้ว อาหารสองจานนี้ก็ใช้เวลาไม่เยอะ คุณออกไปคุยเล่นกับพวกเขาเถอะ ผมผัดแป๊บเดียวก็เสร็จ”
“ก็ได้ งั้นฉันออกไปก่อนนะ มีอะไรให้ช่วยเหลือก็เรียกฉันได้เลย”
ยศพัฒน์ตบหน้าตัวเองเบา ๆ
เทวิกาพลางหันศีรษะไปมองทางประตูห้องครัว พลางโน้มตัวไปข้างหน้าและจูบเข้าที่แก้มของเขาอย่างรวดเร็ว ไม่รอให้เขาได้ตั้งตัว แล้วเธอก็รีบออกจากห้องครัวไป ทันทีที่เธอออกจากห้องครัว เธอก็เดินเข้าไปหาพวกเขาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ล็อกประตูร้านแล้วใช่ไหม”
เทวิกานั่งลงข้าง ๆ แล้วกล่าวถามเรื่อยเปื่อย
“พี่กนกอรให้คุณนฤเบศวร์ช่วยเฝ้าร้านค่ะ พวกเราทานเสร็จแล้วค่อยกลับไปเฝ้าต่อ”
พนักงานสาวที่เริ่มแทะเมล็ดแตงโมได้กล่าวขึ้น
เทวิกามองดูเพื่อนสนิทโดยใต้ดวงตาแฝงด้วยความขี้เล่น จนทำให้กนกอรอยากจะหยิกเธอ
“นฤเบศวร์ยอมช่วยเธอเฝ้าร้านเหรอ”
กนกอรปรับท่านั่งแล้วกล่าว:“ฉันจ้างเขา ไม่ได้ให้ทำฟรี ๆ สักหน่อย เฝ้าแค่ชั่วโมงเดียวเองได้สองร้อย งานแบบนี้ไปหาได้จากที่ไหน เมื่อก่อนตอนที่กิจการของพวกเรายังไม่ดีนั้น ทั้งวันยังไม่ได้สองร้อยเลยนะ”
เทวิกายิ้ม “ใช่ ๆ ๆ งานดี ๆ แบบนี้หลายคนยังหาไม่ได้เลย”
นฤเบศวร์อาจจะคับข้องใจอยู่ก็ได้
“คุณพัฒน์ล่ะ”
ลุงตี๋รู้สึกเขินอายที่เขาเป็นผู้ชายแล้วนั่งอยู่ตรงนี้คนเดียว
“อยู่ในห้องครัวน่ะ จะบอกทุกคนให้นะ ฝีมือการทำอาหารของพัฒน์ไม่เลวเลยทีเดียว วิธีการอบรมสั่งสอนของทางบ้านเขาครบถ้วนมาก แต่ละคนมีความอิสระ แม้จะไม่ได้รับการปกป้องจากครอบครัว ด้วยความสามารถของพวกเขาก็สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวได้”
เทวิกากับยศพัฒน์ก็แต่งงานมาระยะหนึ่งแล้ว ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่ว่าน้อยมากที่เธอจะคุยเรื่องของสามีต่อหน้าพนักงานตัวเอง นี่เป็นครั้งแรกที่ชื่นชมพัฒน์ต่อหน้าพวกเขา
ใครบางคนที่กำลังผัดอาหารอยู่ในห้องครัว ได้ยินภรรยาสุดที่รักชมตัวเองเช่นนี้ มุมปากก็ยกยิ้มขึ้นจนหุบไม่ลง
“แค่ดูความแตกต่างระหว่างคุณพัฒน์กับคนบ้า ก็รู้แล้วว่าการอบรมสั่งสอนของบ้านไหนดีกว่ากัน”
กนกอรก็หยิบเมล็ดแตงโมหนึ่งกำมาแทะทาน
ชื่อเสียงทางบ้านของสามีเธอ คนที่หัวใสจริง ๆ คือคุณปู่เร็น ได้ยินว่าคริษฐ์แห่งบ้านสามก็เป็นที่คนหนุ่มที่ไม่เลวเหมือนกัน เพราะคุณปู่เร็นจะลำเอียงรักนฤเบศวร์มากกว่า ตำแหน่งประธานถึงได้ตกมาเป็นของนฤเบศวร์
จากปฏิกิริยาการปฏิบัติต่อหลานทั้งสองคนของคุณปู่เร็น กนกอรกล้าพูดได้ว่าจิ้งจอกเฒ่าคนนั้นรักเมียหลวงมากกว่า สำหรับเมียคนรอง ๆ ต่อจากนั้นไม่ค่อยมีความรู้สึกที่ลึกซึ้งมาก
ดังนั้น ความรู้สึกของเขาจึงเอนเอียงไปทางลูกชายของเมียหลวงมากกว่า
ทุกคนคุยกันอยู่สักพัก ยศพัฒน์ก็ตะโกนออกมาจากห้อง:“ลงมือทานกันได้แล้ว”
ทุกคนจึงทำความสะอาดโต๊ะอาหารทันที วางเก้าอี้เรียงรายให้เรียบร้อย แล้วก็เข้าไปในห้องครัวช่วยยกอาหารที่ผัดเสร็จแล้วออกมา
นอกจากมีอาหารผัดผักเพียงอย่างเดียวแล้ว อย่างอื่นล้วนเป็นซีฟู้ดทั้งนั้น มีแม้กระทั่งซุป เป็นโต๊ะอาหารทะเลอย่างแท้จริง
“ลุงตี๋ อยากจะดื่มสักหน่อยไหม”
เทวิกาเปิดตู้เย็นแล้วถามลุงตี๋
“เดี๋ยวยังต้องทำงานอีก ไม่ดื่มแล้วครับ อีกอย่างผมดื่มไม่ค่อยเก่งด้วย ดื่มไม่ถึงครึ่งแก้วก็สลบทั้งวันเลย”
เทวิกาจึงรีบปิดประตูอย่างรวดเร็ว แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม:“งั้นก็ไม่ต้องดื่มแล้วค่ะ พวกเรายังต้องหวังพึ่งลุงตี๋ช่วยทำของหวานมาก ๆ อีก”
ทุกคนหัวเราะ
ยศพัฒน์ขับรถมา แน่นอนว่าเขาก็ไม่ดื่มเช่นกัน
“วิกา มีปิ่นโตไหม อยากยืมใช้สักหน่อย”
“มีสิ ฉันจะไปเอามาให้เธอ”
เทวิกาลุกขึ้นไปหยิบปิ่นโตมาให้กนกอร กนกอรล้างปิ่นโตแล้วก็เขาไปข้างในตักอาหารใส่ลงในปิ่นโต จากนั้นก็ถือปิ่นโตออกมา ตักอาหารแต่ละอย่างมาอย่างละนิดอย่างละหน่อย ปิ่นโตสามชั้นตักใส่จนเต็ม
“ต้องการถ้วยซุปไหม” เทวิกาถามเธอ “ฉันจะไปหาถ้วยให้เธอใช้”
“ไม่ต้องแล้ว เผื่อเขาขนาดนี้ไม่เลวแล้ว”
ในเมื่อเธอบอกว่าไม่ต้อง เทวิกาจึงไม่ไปหยิบถ้วยต่อ
ทุกคนต่างเข้าใจกันโดยปริยาย แล้วทานกันอย่างช้ามาก มีเพียงกนกอรเท่านั้นที่ทานอิ่มท้องด้วยความเร็วปกติ
เทวิกากล่าวอย่างตรงไปตรงมา:“กนกอร เธอทานเสร็จแล้วก็กลับไปที่ร้านก่อนเถอะ อาหารในปิ่นโตจะได้ไม่เย็นไปเสียก่อน ซีฟู้ดเย็นแล้วจะไม่อร่อย”
กนกอรนั่งอยู่สองสามนาที จึงได้หิ้วปิ่นโตแล้วก็จากไป
ตอนที่นั่งลงนั้นไม่มีใครพูดอะไรสักคำ สำหรับคู่รักคู่ปรับคู่นั้น พวกเราเห็นเป็นหนึ่งเดียวกันนานแล้ว
……
เมืองซูเพร่า
ตระกูลเลิศธนโยธา
อีกครั้งที่ถูกวางสายโทรศัพท์ พลอยวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะกาแฟด้วยความโกรธ แล้วกล่าวกับมารดาที่อยู่ข้าง ๆ ว่า:“แม่คะ ผู้หญิงบ้าคนนั้น เมื่อเธอหายดีแล้ว ไซม่อนก็ดูไม่ดีกับหนูเหมือนเมื่อก่อนแล้ว นี่เพิ่งจะคุยกันได้ไม่ถึงสิบนาที เขาก็วางสายใส่หนู นี่เป็นครั้งที่สิบแล้วที่เขาวางสายใส่หนู”
คุณแก้วอดไม่ได้ที่จะสะกิดไปที่ศีรษะของเธอแล้วกล่าว:“ลูกก็รู้ด้วยเหรอว่านี่เป็นครั้งที่สิบแล้ว เพิ่งจะผ่านไปครึ่งวัน ลูกก็โทรศัพท์หาเขาสิบครั้ง ทุกครั้งก็คุยกับเขาสิบยี่สิบนาที ถือว่าความอดทนสูงมากแล้ว”
“ถ้าเป็นแม่กล้าทำแบบนี้กับพ่อ พ่อของหนูคงจะต้องไม่ยอมคุยกับแม่แม้แต่นาทีเดียว”
“……แม่ หนูก็แค่เป็นห่วง เห็น ๆ อยู่ว่าหนูกำลังจะแทนที่ตำแหน่งนางผู้หญิงบ้าคนนั้นได้แล้ว แต่กลับมาบอกกับหนูว่า หาตัวเนตรดาวเจอแล้ว นางผู้หญิงบ้าคนนั้นเจอลูกสาวแท้ ๆ ของตัวเอง อาการก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว หนูยังคิดว่าเธอบ้ามากว่ายี่สิบปี ต่อให้หาตัวเนตรดาวเจอก็คงไม่สามารถเรียกสติของเธอกลับคืนมาซะอีก”
พลอยนึกถึงสติของญาณินที่ฟื้นคืนมา แล้วนึกถึงความสัมพันธ์ที่ดีมากของไซม่อนกับญาณินตอนช่วงวัยรุ่น เขาเป็นทาสภรรยา จิตใจของเธอก็กระวนกระวายขึ้น กลัวว่าความทุ่มเทหลายปีมานี้ของตัวเองจะสูญเปล่า
ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นลูกสาวของตระกูลเลิศธนโยธา เทียบกับทางครอบครัวฝ่ายแม่ของญาณิน แล้ว ครอบครัวเธอแข็งแกร่งกว่า แต่อย่างไรเธอก็ยังไม่ได้แต่งงานกับไซม่อน ต่อให้ทุกคนจะเข้าใจว่าเธอสามารถแทนที่ตำแหน่งของญาณินได้ก็ตาม
แต่เธอนั้นรู้ดีอยู่แก่ใจ
คุณหญิงแห่งตระกูลสาระทายังคงเป็นญาณิน!
“ตอนนี้กังวลไปก็ไม่มีประโยชน์ เธอล้วนเข้าใจดี เนตรดาวเองก็หาเจอแล้ว พวกเราก็เคยขัดขวางแล้ว แต่วาสนาของเนตรดาวช่างดีเกินไป……พลอย อาศัยช่วงที่พ่อของลูกไม่อยู่ที่นี่ แม่ขอพูดคำในใจบางประโยคให้กับลูกหน่อยนะ ลูกอย่าได้ไปบอกกับพ่อ ไม่เช่นนั้นเขาจะต้องด่าแม่ตายแน่”
คุณแก้วกล่าวเตือนด้วยเสียงต่ำ:“หรือไม่ ลูกถอนตัวเถอะ อายุของไซม่อนเป็นพ่อของลูกได้เลยนะ ต่อให้จะดูแลดีอย่างไร ก็ไม่สามารถที่จะลบความจริงที่ว่าเขามีภรรยาและลูกที่อายุยี่สิบสี่แล้วสองคน”