คุณสามีพันล้าน - บทที่ 297 ผลของการพลั้งปากแซว
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 297 ผลของการพลั้งปากแซว
“เสียมารยาท เธอรู้……”
บอดี้การ์ดของนฤเบศวร์ตวาดเสียงต่ำ ทว่ากลับถูกนฤเบศวร์ห้ามไว้
นฤเบศวร์เอ่ยเสียงขรึมว่า “พวกพี่สาวจะเลี้ยงเหล้า งั้นผมจะดื่มกับพวกพี่สาวสักสองสามแก้ว เพียงแต่ มีแค่ผมคนเดียว คงไม่สนุกพอ พวกพี่สาวไปจองห้องกันก่อน รอผมเรียกหนุ่มหล่อสักไม่กี่คนมาจอยพวกพี่สาวด้วยถึงจะสนุก”
“พวกนายไปจองห้องกับพวกพี่สาว ฉันออกไปคุยโทรศัพท์ก่อน”
นฤเบศวร์สั่งบอดี้การ์ดของตัวเอง จากนั้นก็เดินออกไปด้านนอก
พวกเทวิกา: ……
กนกอรรู้สึกว่าตัวเองสร้างปัญหาใหญ่แล้ว
เธอนึกว่าถ้านฤเบศวร์ถูกเธอแซวแบบนี้ก็จะหายสงสัย จากนั้นก็คร้านจะสนใจเธอหรืออาจจะด่าเธอว่ายัยขี้เหร่ แล้วจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันหัว
คิดไม่ถึงเลยว่านฤเบศวร์จะตอบรับคำชวนมาดื่มเหล้ากับพวกเธอ
ซ้ำยังบอกว่าจะเรียกคนมาสังสรรค์กับพวกเธออีกต่างหาก
“ทำไงดี”
กนกอรถามเพื่อนรักเสียงเบา
“ฉันรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเลย”
เทวิกาเองก็พูดเสียงเบาว่า “ฉันเองก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี”
“คุณหนูทั้งสามท่าน เชื่อด้านในครับ”
บอดี้การ์ดของนฤเบศวร์ล้อมพวกเธอสามคนไว้ ไม่ให้พวกเธอหนีไป ซ้ำยังผายมือให้พวกเธอ
มองดูบอดี้การ์ดที่ร่างหนาสูงใหญ่ซ้ำยังมีจำนวนคนเยอะ กนกอรก็ลอบด่านฤเบศวร์ในใจว่าจะอวดอะไรกันนักกันหนา แค่ออกมาเจอลูกค้าถึงกับต้องพาบอดี้การ์ดมาตั้งแปดคน
มิลินท์คือคนที่ใจเย็นที่สุด เธอเอ่ยกับพวกบอดี้การ์ดของตระกูลเดชอุปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นว่า “ ห้องเบอร์แปด”
เดาว่านฤเบศวร์เองก็ไม่ได้ส่งลูกค้าผู้หญิงมาใช้บริการที่นี่เป็นครั้งแรก หลังจากที่บอดี้การ์ดของเขาได้ยินมิลินท์พูดเลขห้อง พวกเขาก็พาทั้งสามคนเดินหน้าไปทันที
กนกอรกับเทวิกาสบตากันครู่หนึ่ง
ช่างเถอะ ในเมื่อมาแล้วก็ควรทำใจให้สงบ
เพียงแต่ ตราบใดที่พวกเธอไม่ลบเครื่องสำอาง ต่อให้นฤเบศวร์สงสัย ก็พิสูจน์ตัวตนของพวกเธอสองคนไม่ได้อยู่ดี
คิดได้ดังนั้น ทั้งคู่ก็เริ่มสบายใจ แล้วเดินตามมิลินท์เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พลางพูดจาหยอกล้อพวกบอดี้การ์ดของตระกูลเดชอุปเป็นครั้งคราว
ส่วนนฤเบศวร์หลังจากที่ออกมาจากคลับรักนะ เขาก็โทรหายศพัฒน์
เมื่อยศพัฒน์รับสายก็ไม่รอให้เขาปริปาก พลันชิงถามก่อนว่า “ยศพัฒน์ เมียนายอยู่บ้านไหม?”
“เมียฉันอยู่ไม่อยู่บ้านเกี่ยวอะไรกับนาย?”
“ก็จริงที่ไม่เกี่ยวกับฉัน แต่ถ้าหล่อนพากนกอรไปทำเรื่องไม่ดีก็เกี่ยวกับฉันแล้ว”
ยศพัฒน์ขมวดคิ้ว “นฤเบศวร์ มีอะไรก็พูดมา พูดให้ชัดเจน พูดให้เข้าใจ อย่ามาเหน็บแนมแบบนี้”
“ฉันอยู่ที่คลับรักนะ”
“ทำไมลูกค้าผู้หญิงของนายถึงชอบไปแต่ที่แบบนั้น”
ยศพัฒน์ค่อนขอดคู่อริ
วินาทีถัดมา เขาก็ถามว่า “นฤเบศวร์ นายเจอเทวิกาที่คลับรักนะเหรอ?”
ในร้านกาแฟมีแค่พนักงานกับลุงหลิ่วเฝ้าร้าน
กนกอรกับเทวิกาไม่อยู่ร้านกันทั้งคู่
พอโทรไป คนที่รับสายกลับเป็นพนักงาน พนักงานร้านบอกเขาว่า พี่วิกามีเพื่อนมาหาเธอ ก็เลยกลับอพาร์ตเม้นกับกนกอรแล้ว ซ้ำยังรีบจนลืมเอาโทรศัพท์ไปด้วย
ยศพัฒน์เองก็โทรหากนกอร และคนรับสายก็เป็นพนักงานร้านเหมือนเดิม
เขาว่าแล้วเชียวว่ามีพิรุธ
ทั้งคู่จงใจลืมโทรศัพท์ไว้ที่ร้านกาแฟ แบบนี้เขาก็หาพวกเธอไม่เจอแล้ว
หลังจากที่ได้รับสายจากวายุ ก็ยิ่งพิสูจน์ว่าเขาเดาถูก เพียงแต่ แม้แต่มิลินท์เองก็ปิดเครื่อง ยศพัฒน์จึงหาไม่เจอว่าภรรยาของตัวเองหนีไปไหน
แต่ตอนนี้พอได้รับสายจากนฤเบศวร์ ยศพัฒน์ก็เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งในทันที
“ฉันไม่แน่ใจว่าใช่เทวิกาหรือเปล่า เธอไม่ได้ปริปากพูด ฉันฟังเสียงไม่ออก ใบหน้าเธอเองก็ไม่เหมือน แม้ฉันไม่อยากยอมรับแต่ก็ต้องยอมรับว่า เทวิกาเป็นคนสวยและหน้าตาดีมาก”
“แต่รูปร่างเธอเหมือนเทวิกามาก ฉันไม่กล้ามั่นใจ ก็เลยอยากให้นายมาดูสักหน่อย”
“ข้างกายเธอมีผู้หญิงอีกสองคนใช่ไหม หนึ่งในนั้นรูปร่างเหมือนกนกอร?”
สีหน้าของยศพัฒน์ถมึงทึงลงอย่างชัดเจน
แม้แต่ฝันก็คิดไม่ถึงว่าเทวิกาจะกล้าไปคลับรักนะ
“ใช่ มีคนหนึ่งเหมือนกนอร เสียงเหมือน รูปร่างกับส่วนสูงก็เหมือน ถ้าไม่ใช่ว่าหน้าตาเธอไม่เหมือน ฉันก็นึกว่าเธอคือกนกอรแล้ว”
ยศพัฒน์เอ่ยเสียงเย็นว่า “ไม่ต้องสงสัย คือสามคนนั้นนั่นแหละ ผู้หญิงอีกคนหนึ่งต้องเป็นมิลินท์แน่ ๆ นฤเบศวร์ นายจับตาดูพวกเธอไว้ให้ดี ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
“มิลินท์?”
นฤเบศวร์เองก็ขมวดคิ้ว เอ่ยว่า “ยัยตัวแสบของกษิดิน่ะเหรอ?”
“นอกจากเธอแล้วจะเป็นใครได้อีก?”
“มิลินท์! มิลินท์! ฝีมือการแต่งหน้าของเธอล้ำจนแม้แต่แม่แท้ๆยังจำไม่ได้! กนกอร!”
นฤเบศวร์เองก็ไม่สนแล้วว่ายศพัฒน์จะรู้สึกยังไง พลันวางสายทันที ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในคลับอย่างโมโห
เขาว่าแล้วเชียว เสียงนั่นคุ้นหูเกินไป
เหมือนกนกอรไม่มีผิด
รูปร่างเองก็เหมือน
หากเธอไม่เรียกเขาว่าคนหล่อ เขาก็ไม่มีทางสงสัยได้เลย
ยัยผู้หญิงนี่ นึกว่าแต่งหน้าแล้ว เขาจะจำเธอไม่ได้หรือไง กล้ามาที่แบบนี้ได้ยังไง ซ้ำยังกล้าแซวเขาอีก!
คลับรักนะเป็นยังไง มีหรือที่นฤเบศวร์จะไม่รู้
เป็นเพราะรู้ดีเกินไป เขาถึงได้รู้สึกโกรธมาก
เขาสู้พวกผู้ชายหน้าอ่อนที่นี่ไม่ได้งั้นเหรอ?
รอกระทั่งตอนที่นฤเบศวร์เดินเข้าไปในห้องเบอร์แปด ก็พลันเห็นฉากที่ทำให้เขาแทบหัวเราะทั้งน้ำตา
คนที่เขาไม่คุ้นหน้า เดาว่าก็คือมิลินท์สินะ เธอกำลังขายสกินแคร์ผู้ชายให้พวกบอดี้การ์ดของเขา อีกทั้งบอดี้การ์ดแปดคนที่พูดน้อยและภักดีต่อเขามาโดยตลอด ล้วนกำลังควักเงินออกมาซื้อสกินแคร์
นฤเบศวร์: ……
ของกินและของดื่มก็มาเสิร์ฟแล้ว
เทวิกากับกนกอรกำลังกิน แต่ไม่ดื่ม คงกลัวว่าเมาแล้วจะเกิดเรื่องขึ้น
กนกอรยิ่งไม่กล้าดื่ม แม้เธอจะคอแข็ง แต่สภาพตอนเธอเมานั้นดูไม่ได้เลยสักนิด ถ้าเมาแล้วเธอก็จะแต๊ะอั๋งหนุ่มหล่อ
โตขนาดนี้ เธอเคยเมาแค่ครั้งเดียว นั่นคือตอนที่เธอขึ้นมหาวิทยาลัยปีสอง สถานการณ์ในตอนนั้น หากใช้คำพูดของเทวิกา ถ้าไม่ใช่ว่าเทวิกากับเพื่อนอีกคนรั้งเธอไว้สุดชีวิต เธอก็จะแก้ผ้ารุ่นพี่คนหนึ่งจนเปลือยแล้ว
อับอายขายขี้หน้าชะมัด
ตั้งแต่นั้นมา เธอก็ไม่เคยเมาอีกเลย แม้จะดื่มเหล้า ก็จะดื่มแต่พอดี
รู้ว่าตัวเองเผลอพลั้งปากจนทำให้นฤเบศวร์สงสัย กนกอรก็รู้สึกเสียใจภายหลังสุดๆ
เห็นนฤเบศวร์กลับมาแล้ว เธอก็ไม่กล้าปริปากพูดอีก แต่นฤเบศวร์กลับตรงดิ่งมาที่ข้างกายเธอ แล้วนั่งลงข้างเธอ
ไม่นาน แก้วเปล่าแก้วหนึ่งก็ถูกยื่นมาที่หน้าเธอ
นฤเบศวร์จ้องมองเธอ พลันยกยิ้มมุมปาก เผยรอยยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเขา เอ่ยว่า “พี่สาวคนสวย จะเลี้ยงเหล้าผมไม่ใช่เหรอครับ รินเหล้าให้ผมสิ เราสองคนมาคล้องแขนแลกแก้วเหล้ากัน เป็นไง?”
กนกอร: ดื่มหน้านายสิ ยังจะคล้องแขนแลกแก้วเหล้ากันอีก!
นฤเบศวร์: ก็เธอบอกเองว่าอยากให้ฉันดื่มเหล้ากับเธอ ทำไม? ไม่ยอมรับ?
กนกอร: ……แค่แซวนิดหน่อยไม่ได้หรือไง?
นฤเบศวร์แค่นยิ้มเย็น
กนกอรอยากจะมุดเข้าไปในใต้โต๊ะ
ตอนนี้เธอเข้าใจอย่างสุดซึ้งแล้วว่าอะไรคือปลาหมอตายเพราะปาก
เธอจะพลั้งปากแซวทำไมกัน!
เทวิกาส่งสายตาสงสารไปให้กนกอร
ปัญหาที่ตัวเองก่อก็จัดการเองนะ