คุณสามีพันล้าน - บทที่ 312 นฤเบศวร์ช่วยฉันถือรองเท้า!
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 312 นฤเบศวร์ช่วยฉันถือรองเท้า!
กนกอรหันหน้าไปมองซ้ายขวา เพื่อต้องการหาของโยนออกไป
เธอยังไม่ทันหาของเจอเพื่อมาปาใส่เขา นฤเบศวร์ก็เดินออกไปไกลแล้ว
“ถือว่าเขาวิ่งได้เร็ว ถ้าช้ากว่านี้ ฉันปาใส่เขาตายแน่!”
กนกอรหยิบแมวกวักที่วางอยู่มุมเคาน์เตอร์ด้านขวาขึ้นมา ท่าทางเหมือนจะปาใส่คน
เทวิการีบแย่งนางกวักในมือของเธอมา แล้วพูดขึ้นว่า: “นี่เป็นของมงคลประจำร้าน เธอเอามาปาใส่คน ถ้าเธอต้องการปาสิ่งของใส่เขาจริง คืนนี้หลังจากที่ฉันกลับไปถึงคฤหาสน์จะไปหาก้อนหินเท่ากำมือสามสี่อันมาให้ มาเก็บไว้ที่นี่ ให้เธอใช้ปาใส่นฤเบศวร์โดยเฉพาะ”
กนกอรยังคงด่าไม่ยอมหยุด
“เคยเห็นคนหน้าด้าน แต่ยังไม่เคยเห็นใครหน้าด้านแบบนี้ เขากับเปรมาช่างเหมือนกิ่งทองใบหยกจริงๆ ทั้งสองคนหน้าหนาไร้ยางอาย และหน้าด้านสุดๆ”
“ตอนแรกก็ตกลงกันแล้ว ฉันตอบแทนบุญคุณเขา แกล้งแต่งงานกับเขาเพื่อให้เขารักษาตำแหน่งตัวเองไว้ หลังแต่งงานจะไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องส่วนตัวของกันและกันและต้องปิดเป็นความลับอีกด้วย และเขาก็เป็นคนกลัวฉันตกหลุมรักเขาก่อน พูดย้ำเตือนนับครั้งไม่ถ้วน ห้ามฉันตกหลุมรักเขาเด็ดขาด”
“ตอนนี้เขาโดนตบหน้าแล้วหนิ่ โดนเธอตบจนหน้าบวมไปแล้ว”
เทวิกายิ้มแล้วพูดเสริมต่อจากคำพูดของเธอ “ฉันเคยตกหลุมพรางไปแล้วครั้งหนึ่ง เธอยังจะมาตกหลุมพรางตามฉันอีก ถ้าผู้ชายอย่างพวกเขาพึ่งพาได้ หมูตัวเมียก็สามารถปืนขึ้นต้นไม้ได้แล้ว”
กนกอรเอียงหน้าถามเพื่อนสนิท “วิกา ทำไมฉันมีความรู้สึกว่าเธอกำลังมีความสุขบนความทุกข์ของฉันอยู่?”
เทวิการีบเก็บรอยยิ้มคืนกลับมา “ไม่มี ฉันไม่ได้มีความสุขบนความทุกข์ของเธอจริงๆ”
“ยังกล้าบอกว่าไม่มีอีก เธอดูสิของว่างยังกินไม่หมดเลย เธอกับพนักงานสาวสองคน กินของว่างไปดู ดูฉันถูกแบตบอสรังแกไปด้วย ไม่รู้จักเข้าไปช่วยฉันแย่งสัญญาคืนกลับมาเลย”
พนักงานสาวรีบเดินหนีไป
ส่วนกนกอรกินของว่างบนจานจนหมดเกลี้ยง
ส่วนเพื่อนสนิทไปแตะตัวเธอ
“วิกา ฉันอารมณ์ไม่ดี อย่ามาแตะต้องตัวฉัน”
“ไม่ใช่ แบตบอสของเธอยังไม่ได้กลับไปเลยนะ เปรมามาได้ถูกเวลาจริงๆ เธอขวางแบตบอสของเธอไว้”
เทวิกาชี้ไปข้างนอก
กนกอรยืนขึ้นดู เป็นแบบนั้นจริงๆ
ความจริงแล้วเปรมาจะมาหาเทวิกา
แต่คิดไม่ถึงว่าจะเจอนฤเบศวร์ที่นี่
เมื่อเห็นนฤเบศวร์ เปรมาตาแดงขึ้นมาทันที
แต่น่าเสียดาย นฤเบศวร์ไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป เมื่อก่อนแค่เธอตาแดง นฤเบศวร์ก็จะมีท่าทีเป็นห่วงเธอ ออกมา แต่ตอนนี้เขากลับไม่มีความรู้สึกใดๆ เลย มองเธอด้วยสายตาเย็นชา ซึ่งสายตาแบบนี้เธอเคยเห็นของยศพัฒน์เท่านั้น
ไม่อยากเชื่อเลยว่านฤเบศวร์ก็ใช้สายตาแบบนี้มองเธอเหมือนกัน
หัวใจของเปรมาเจ็บเหมือนโดนมีดกรีด
และเสียใจมากจริงๆ
เธอเป็นคนทำลายไพ่ใบนี้ในมือให้แหลกละเอียดด้วยมือตัวเอง
แม่ของเธอเคยเตือนเธอแล้วหลายครั้ง แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจคำพูดของแม่เลย เพราะคิดมาตลอดไม่ว่าเธอจะทำอะไร นฤเบศวร์ก็ยังคงเป็นทางเลือกสำรองของเธออยู่ ขอแค่เธอยอมแต่งงานด้วย นฤเบศวร์ก็จะยินดีแต่งงานกับเธอแน่นอน
ที่แท้ นฤเบศวร์ก็หันหน้าเดินออกไปเป็นเหมือนกัน
“นฤเบศวร์”
เปรมาเห็นนฤเบศวร์ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ จึงเดินหน้าไปสองสามก้าวด้วยน้ำตา ใครจะไปรู้เธอเดินไปข้างหน้า นฤเบศวร์กลับเดินถอยหลัง
เมื่อบอดี้การ์ดของเขาเห็น จึงรีบเดินไปขวางไว้ข้างหน้า ไม่ให้เปรมาเดินหน้าเข้าใกล้อีก
“นฤเบศวร์ คุณฟังฉันอธิบายหน่อยได้ไหม?อย่าปฏิเสธฉันเพียงเพราะเรื่องเดียว”
เปรมาร้องไห้น้ำตาไหลดั่งสายฝน สีหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าโศก
เธอเคยปิดบังทุกคน เกี่ยวกับเรื่องที่เธอเคยทำศัลยกรรมฟื้นฟูความบริสุทธิ์ มีเพียงเรื่องนี้เรื่องเดียวที่ทำผิดต่อนฤเบศวร์ นฤเบศวร์ก็ส่งเธอเข้าคุก แม้แต่โอกาสอธิบายก็ไม่ให้เธอเลยเหรอ
สิบกว่าปีที่ผ่านมา ความรักที่เขามีต่อเธอเป็นเรื่องปลอมเหรอ?
ถ้าเขารักเธอจริง ทำไมถึงไม่สามารถให้อภัยจุดด่างพร้อยเล็กๆ นี้ของเธอได้?
“เปรมา คุณไม่ต้องอธิบาย ไม่ใช่แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวที่ทำให้ผมเสียใจ แต่เป็นเรื่องมากมาย ผมทำตัวยังไงกับคุณ คุณเองก็รู้ดี แต่คุณทำตัวยังไงกับผมหล่ะ?”
นฤเบศวร์พูดเสียงเย็นชาออกมา: “เมื่อก่อน ผมรักคุณ รักคุณมากจริงๆ ตอนนี้ผมตัดใจแล้ว และตัดใจจริงๆ”
“เปรมา ต่อไปคุณไม่ต้องโทรหาผมอีก และไม่ต้องมาหาผมอีก เพราะผมเป็นคนมีครอบครัวแล้ว ถ้าคุณตามตอแยผมแบบนี้อีก ภรรยาผมจะเข้าใจผมผิดได้”
ในขณะที่นฤเบศวร์พูดอยู่นั้น ได้หันหน้าไปดึงตัวกนกอรที่กำลังดูความคึกคักอยู่มาอยู่ใกล้ๆ เขาโอบเอวกนกอรด้วยมือข้างเดียว แล้วพูดกับเปรมาว่า: “ที่ผ่านมา ผมตาบอดไปเอง ตอนนี้ผมอยากรักษาตาของตัวเอง และคนที่สามารถรักษาให้ผมหายขาดได้ มีเพียงกนกอร ภรรยาของผมคนเดียว!”
ดวงตาของเปรมาเบิกกว้างและมีน้ำตาไหลออกมา เธอชี้ไปที่กนกอร “นฤเบศวร์ เธอไม่คู่ควรกับคุณ คุณเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลเดชอุป เธอคือใคร แม้แต่ถือรองเท้าให้คุณก็ยังไม่คู่ควรเลย”
กนกอรถอดรองเท้าออกมาทันที แล้วยื่นให้นฤเบศวร์
นฤเบศวร์ไม่เข้าใจว่าทำไม แต่ก็รับรองเท้าเธอมาแต่โดยดี รีบใส่รองเท้าซะ ระวังจะเป็นหวัด”
พูดจบ เขานั่งลงไป เพื่อช่วยเธอใส่รองเท้า
กนกอรปล่อยให้เขาช่วยเธอใส่รองเท้าอย่างเอาใจใส่
ถึงแม้ ตอนนี้เธอยังคงโกรธอยู่ แต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคที่เธอจะยั่วโมโหเปรมา
“คุณเปรมา คุณเห็นแล้วใช่ไหม ไม่ใช่ฉันที่ไม่เหมาะในการช่วยเขาถือรองเท้า ในทางกลับกัน เขาต่างหากที่ช่วยฉันถือ เขากลัวฉันไม่ใส่รองเท้าแล้วเป็นหวัดด้วยซ้ำ แถมไม่ถือตัวที่เขาเป็นถึงคุณชายใหญ่ของตระกูลเดชอุป นั่งลงตรงหน้าฉัน เพื่อช่วยฉันใส่รองเท้าอีก”
เทวิกากับพนักงานสาวในร้านต่างปรบมือดีใจ
เปรมาถูกยั่วโมโหจนชี้หน้าด่ากนกอรออกมา ด่ากนกอรหน้าด้าน ด่าไปด่ามาได้ดึงเทวิกาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยบอกว่าทั้งสองคนชอบแย่งผู้ชายคนอื่น
เมื่อดึงเทวิกาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เธอจึงทนไม่ได้อีกต่อไป
กนกอรก็ทนไม่ได้เช่นเดียวกัน
หญิงสาวทั้งสองลงมือเร็วมาก กนกไฮเอนด์ตบหน้าเปรมาก่อน ตบจนเปรมารู้สึกเหมือนมีดาวหมุนอยู่บนหัว จากนั้นเธอถูกกนอรล็อกตัวไว้ เทวิกาอยากหาอะไรยัดใส่ปากของเปรมา แต่ในเวลาอันสั้นนี้หาของที่จะมายัดใส่ปากไม่เจอ
“พี่วิกา ให้พี่ค่ะ”
พนักงานสาวหยิบผ้าขี้ริ้วออกมาหนึ่งผืน แถมยังเปียกน้ำอยู่อีกด้วย และมีกลิ่นฉุนโชยออกมา
เทวิกาม้วนผ้าขี้ริ้วเป็นก้อนแล้วยัดใส่ปากเปรมา หลังจากยัดเสร็จก็ได้ตบมือสะบัดสิ่งสกปรกออก แล้วพูดขึ้นว่า: “แม่ฉันเคยบอกแล้ว เวลาถูกคนอื่นด่า ให้เอาของยัดใส่ปากไว้ เพื่อไม่ให้มีเสียงรบกวน!”
หลังจากเอาผ้าขี้ริ้วยัดใส่ปากเปรมาแล้ว เธอพยายามขัดขืน เมื่อกนกอรจับตัวเธอไว้ไม่อยู่ จึงปล่อยเธอออก
เมื่อได้รับอิสรภาพ เปรมาก็ดึงผ้าขี้ริ้วออกทันที แล้วถุยน้ำลายออกอย่างหลายครั้งติดต่อกัน ท่าทางเหมือนเผ็ดมาก
เทวิกาถามพนักงานสาวว่า: “เธอใส่อะไรในผ้าขี้ริ้ว?”
“วาซาบิ”
ใบหน้าของเทวิกาย่นใส่เข้าหากัน “เผ็ดมาก!”
เพราะเธอเป็นคนไม่ชอบกินเผ็ด
แต่พนักงานสาวในร้านชอบ วาซาบิในร้านมีพนักงานสาวกินคนเดียว
“ถ้ากล้าด่าคนไปเรื่อยอีก อีกหน่อยก็ใช้วิธีนี้สั่งสอนเธออีก ถ้าไม่กลัวตาย ก็ทำได้เลย”
กนกอรกลับไปอยู่ข้างเพื่อนสนิท แล้วชื่นชมพนักงานสาว จากนั้นคล้องแขนเพื่อนสนิท แล้วพูดขึ้นว่า: “พวกเราไป”
เมื่อเดินผ่านนฤเบศวร์ กนกอรหยุดเดิน ยิ้มประชดออกมาว่า: “เป็นห่วงไหม?ถ้าเป็นห่วง ก็รีบพาเธอกลับบ้านไป แล้วเอาน้ำแข็งประคบหน้า”
นฤเบศวร์คล้องแขนเธอไว้ แล้วพูดกับเทวิกาว่า: “เทวิกา ผมรู้สึกว่าสำหรับกนกอรแล้ว อ่อนโยนมากไม่ได้ ผมพาเธอกลับบ้านไปกินข้าวก่อน ผู้ชายของคุณมาแล้ว”