คุณสามีพันล้าน - บทที่ 339 อาหลาน
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 339 อาหลาน
“คุณอาของพี่ยังเที่ยวพักผ่อนอยู่ที่เกาะตระกูลผมอยู่ เธอชอบที่นั่นมาก”
ธนัทเหมือนจะสิ้นหวังมาก แต่พอได้ยินว่าคุณอาใช้ชีวิตมีความสุข เขาก็พูดอย่างปลอบใจ:“แค่คุณอาฟื้นฟูจิตใจได้ ใช้ชีวิตมีความสุขดี พวกเราก็สบายใจแล้ว”
ยี่สิบกว่าปีที่วิกาหายตัวไป แต่ละวันที่คุณอาผ่านนั้นเหมือนตายทั้งเป็น เหมือนศพเดินได้
ยศพัฒน์ใช้มือถือส่งข้อความไปหาแม่ของเขา ไม่นาน แม่เขาก็วิดีโอคอลกลับมา
“พัฒน์ วันนี้ว่างเหรอ?”
“วิกาล่ะ?”
รอยยิ้มของยศพัฒน์หายไปแล้วตอบ:“แม่ครับ ผมกำลังทำงานอยู่ วิกาไม่ได้อยู่กับผม แม่ เที่ยวสนุกไหมครับ?”
“สนุกสิลูก ทำไม คิดถึงแม่เหรอ?”
ยศพัฒน์ไม่ได้ตอบ เพียงแค่ยิ้ม
ณัชชารู้จักลูกชายของตัวเองดี เธอยิ้มตอบ:“แม่แกล้งหรอก รู้ว่าลูกพูดคิดถึงแม่ไม่ออกหรอก คำหวานของลูกคงให้แต่วิกาล่ะมั้ง”
“แม่ แม่ยายผมอยู่ไหมครับ?”
“แม่ยายลูกสองคน ลูกถามถึงคนไหนล่ะ? อยู่กันหมดนะ คนหนึ่งกินอาหารทะเลอยู่ตรงนู้น อีกคนยืนรับลมทะเลอยู่ตรงนู้น มองทะเล ทบทวนชีวิตน่ะ”
ณัชชาเปลี่ยนมุมกล้อง ให้กล้องจับไปที่พวกเขาทั้งสอง
พิชญ์สินีนั่งอยู่ใต้ร่มอาบแดด คุยกับสามีไปด้วยกินอาหารทะเลไปด้วย สีหน้าทั้งสองสามีภรรยาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ญาณินยืนอยู่ไม่ไกล เธอใส่ชุดกระโปรงยาวเรียบง่าย ผมยาวพลิ้วไหว ยืนหันหลังให้กับทุกคนอยู่ มองไปยังที่ไกลโพ้น
แผ่นหลังนั้นทำให้ยศพัฒน์รู้สึกว่าคล้ายกับเทวิกามาก
ควรจะพูดว่าเทวิกามีส่วนที่คล้ายกับแม่ของเธอเยอะอยู่เหมือนกัน แค่หน้าตาไม่เหมือนกันเท่านั้นเอง
“แม่ครับ ญาติผู้พี่ของวิกามา พี่เขาอยากเจอคุณอาของเขา”
ยศพัฒน์พูดแบบนี้ แม่เขาก็รู้ได้ทันทีว่าคนที่เขาหาคือใคร ก็เลยยิ้ม:“ได้ลูก รอเดี๋ยวนะ แม่จะเรียกญาณินให้”
ไม่นาน ญาณินก็ปรากฏขึ้นในวิดีโอคอล
ยศพัฒน์ยื่นมือถือให้ธนัท
ธนัทรีบรับมือถือของเขามา มองญาณินที่อยู่ในวิดีโอ สีหน้าดีขึ้นมากแล้ว ผิวก็ไม่ขาวซีดเหมือนคนป่วยแบบเมื่อก่อนอีก แต่เป็นขาวอมชมพู สายตาก็ดูมีชีวิตชีวาไม่น้อย ไม่แข็งทื่อเหมือนเมื่อก่อน
“คุณอาครับ”
ธนัทยิ้มแล้วเรียก จมูกนั้นเริ่มหายใจลำบาก
“นายคือธนัท? โตขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย ถ้านายไม่เรียกอาว่าคุณอา อาก็คงจำไม่ได้นะเนี่ย”
ญาณินจำได้ว่าตัวเองมีหลานชายฝ่ายแม่อยู่คนหนึ่ง เพียงแต่เธอสติไม่ดีมายี่สิบกว่าปี แม้แต่ลูกชายตัวเองก็จำไม่ได้ แล้วจะจำหลานชายได้ไง
ถ้าไม่ใช่เพราะธนัทเรียกเธอว่าคุณอาขึ้นมาก่อน ทั้งสองคนเจอกันตามถนน เธอคงจำไม่ได้อย่างแน่นอน
“ประยสย์กับวิกาโตขนาดนั้นแล้ว ผมโตกว่าพวกเขาอีกนะครับ”
ญาณินหัวเราะ:“ก็จริง อาโง่อยู่ตั้งนานขนาดนั้น มองข้ามพวกเธอไป ยังดีที่พวกเธอยังอยู่ครบ ยังสบายดีกันอยู่”
ไซม่อนหักหลังเธอในวันแต่งงาน แต่เขาก็ยังประคับประคองหลานชายฝ่ายแม่ของเธออยู่ อย่างน้อยลูกชายของเธอกับหลานชายไม่ได้ถูกไซม่อนเลี้ยงจนเสียคน
จุดนี้ ญาณินรู้สึกซาบซึ้งไซม่อนจริงๆ
แต่ซาบซึ้งก็ส่วนซาบซึ้ง แต่งานแต่งของเธอกับไซม่อนนั้นไม่สามารถดำเนินต่อได้
ผู้คนต่างก็พูดกันว่าเลิกกันแล้วกลับมาคบกันใหม่ได้ ความจริงแล้ว กระจกที่แตกแล้ว ต่อให้ซ่อมกระจกกลับมา แต่สุดท้ายมันก็ยังมีรอยร้าวอยู่ดี
ในเมื่อเขามีคนที่ชอบใหม่ ก็ปล่อยรักเก่าอย่างเธอไป เธอก็ยินดีสนับสนุนเขากับคนใหม่
“ธนัท ทำไมนายถึงอยู่ด้วยกันกับพัฒน์ล่ะ? ตอนนี้นายอยู่ที่เมืองแอคเซสซ์เหรอ? ประยสย์มากับนายด้วยหรือเปล่า? เขาเป็นไงบ้างที่เมืองซูเพร่า? สบายดีใช่ไหม?”
ญาณินมักจะติดต่อกับลูกๆ เพียงแต่ลูกชายนั้นได้ยินแต่ข่าวดี ไม่รู้ข่าวร้ายหรืออื่นๆเลย
ถึงแม้ว่าจะสติไม่ดีอยู่ยี่สิบปี แต่สถานการณ์ในตระกูลสาระทาเป็นยังไง ในใจญาณินนั้นรู้ดี
เมื่อก่อน คนพวกนั้นต้องการให้ไซม่อนเปลี่ยนตำแหน่งของประยสย์ ไล่ประยสย์ออกจากตระกูลสาระทา ให้ประยสย์ไม่มีสิทธิ์ในการสืบทอดทุกอย่างของไซม่อน
ตอนนี้ วิกาตามกลับมาแล้ว
สำหรับพวกเขาสี่คนแล้ว นั่นเป็นเรื่องดี แต่สำหรับคนอื่นนั้นเป็นเรื่องไม่ดีอย่างแน่นอน
คนเราน่ะนะ เพื่อผลประโยชน์ส่วนตนแล้ว ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ทำได้ลง
ญาณินเป็นห่วงลูกชายของตัวเองมาก แต่ก็เข้าใจ นั่นเป็นสิ่งที่ลูกชายต้องเผชิญหน้า
แล้วก็ยังมีวิกา
เธอรู้ว่าวิกาเข้าไปทำงานในบี.เอ.เอ็ม.กรุ๊ป ก็เพื่อเตรียมที่จะกลับเมืองซูเพร่าไปสืบทอดกิจการ
ถ้าเป็นไปได้ล่ะก็ เธอหวังว่าลูกสาวของเธอจะใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองแอคเซสซ์ต่อ เปิดร้านกาแฟของเธอ เขียนนิยายของเธอ ผ่านแต่ละวันไปอย่างสงบและสบายใจต่อไป แต่ สมบัติส่วนตัวของไซม่อนมากถึงแสนล้าน ถ้าลูกของตัวเองทั้งสองไม่สืบทอด คนอื่นก็จะได้เปรียบตรงนี้ไป
ต่อให้ญาณินใจดีแค่ไหนก็คงไม่ให้คนอื่นได้เปรียบไปหรอก
“ประยสย์ยังอยู่ที่เมืองซูเพร่าครับ เขายุ่งมาก ไม่มีเวลามา คุณลุงผมไปทำงานต่างเมืองอีกแล้ว เรื่องเล็กใหญ่ในบริษัทประยสย์จะเป็นคนดูแลครับ คุณอา คุณอาไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ถึงแม้ว่าประยสย์จะยุ่งมาก แต่เขาสบายดี อารมณ์ก็ดีมากครับ”
ได้น้องสาวแท้ๆกลับมา แถมยังมีน้องเขยที่ซัพพอร์ตดีมากอีก แม่ที่ป่วยยี่สิบกว่าปีก็ฟื้นตัวเป็นปกติ อารมณ์ของประยสย์นั้นดีจริงๆนั่นแหละ
แน่นอนว่า ถ้าไม่เจอกับพลอยไพลินอีก อารมณ์ของเขาจะดีกว่านี้แน่นอน
“งั้นก็ดีแล้ว ธนัท ไหนๆนายก็มาแล้ว ก็อยู่เที่ยวที่เมืองแอคเซสซ์หลายวันสักหน่อยสิ ไม่นานเดี๋ยวอาก็กลับไป พวกเราสองอาหลานจะได้เจอกันคุยกันหน่อย อาจะเอาอาหารทะเลสดไปฝาก เมื่อวานนะ อาออกทะเลไปกับพวกเขา ได้ของมาเยอะเชียว”
ตอนนี้ญาณินอารมณ์ดีมากจริงๆ เวลาพูดก็มีรอยยิ้มอยู่ตลอด
“ได้ครับ งั้นผมจะอยู่นานหน่อย ผมวางสายก่อน พัฒน์เขาต้องทำงาน”
“ได้ลูก”
สองอาหลานสิ้นสุดการวิดีโอคอล
ธนัทยื่นมือถือคืนให้ยศพัฒน์ แล้วขอบคุณไปทางยศพัฒน์:“ตอนนี้คุณอาเขาสบายดี พัฒน์ ขอบคุณพวกนายมากจริงๆ”
ตระกูลอริยชัยกุลเป็นตระกูลที่รวยอันดับหนึ่งของเมืองแอคเซสซ์ แต่ชอบอยู่กันอย่างเงียบๆ ประเพณีในบ้านก็ดีไม่เป็นที่สองรองใคร
วิกาได้แต่งเข้าตระกูลอริยชัยกุลแบบนี้ เขาดีใจแทนวิกาจริงๆ
ยศพัฒน์ตอบ:“พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมจะส่งข้อความไปหาวิกา ตอนเที่ยงไปกินข้าวด้วยกันนะครับ”
“เอาสิ”
ธนัทไม่ได้ปฏิเสธ
ยศพัฒน์ส่งข้อความไปบอกภรรยาที่รักก่อน บอกเธอว่า ญาติผู้พี่เธอมา ตอนเที่ยงให้ออกมากินข้าวด้วยกัน
หลังจากนั้นก็โทรไปหาเซทท์ ให้เซทท์เตรียมอาหารล่วงหน้าไว้ แล้วแจ้งให้บรรดาน้องๆที่ตอนนี้อยู่เมืองแอคเซสซ์ ตอนเที่ยงมาให้มารวมตัวกินข้าวที่โรงแรมบี.เอ.เอ็ม. เพื่อต้อนรับธนัทที่เป็นญาติผู้พี่
เทวิกาได้รับข้อความจากสามี พออ่านจบ เดิมทีอยากจะตอบกลับ แต่ดันได้ยินเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเรียกเธอไว้ซะก่อน
เธอรีบเก็บมือถือทันที แล้วเดินไปยังเพื่อนร่วมงานคนนั้น อีกฝ่ายนั้นเข้ามาทำงานก่อนเธอ นับว่าเป็นรุ่นพี่ ท่าทางการทำงานของเทวิกานั้นดีมาก :“พี่เล็ก มีอะไรเหรอคะ?”
พี่เล็กยื่นกระดาษกองหนึ่งให้เธอ แล้วพูด :“ของพวกนี้ไร้ประโยชน์แล้ว เอาไปทำลายหน่อยสิ เวลาทำงานห้ามเล่นมือถือ ทำงานเยอะๆ พูดน้อยๆ อย่าคิดว่าเข้าบี.เอ.เอ็ม.กรุ๊ปได้แล้วก็สามารถนั่งชิลไปวันๆได้ เธอยังไม่ผ่านโปรนะ”
“พี่เล็กพูดถูกค่ะ ฉันจะเอากองเอกสารพวกนี้ไปทำลายเดี๋ยวนี้ค่ะ”
เทวิกาไม่ได้แก้ต่างใดๆให้ตัวเอง เธอรับกองกระดาษมาจากในมือของพี่เล็ก หมุนตัวแล้วเดินจากไป
“เดี๋ยวก่อน ไปช่วยชงชาให้ฉันหน่อย เห็นแก้วของฉันว่างแล้ว ไม่รู้จักเอาน้ำมารินให้ ฉันกระหายจะตายแล้วเนี่ย”
พี่เล็กตำหนิเทวิกาว่าตาไม่มีแวว แล้วหยิบแก้วของตัวเองยื่นให้เทวิกา