คุณสามีพันล้าน - บทที่ 345 เป็นเพื่อนกัน
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 345 เป็นเพื่อนกัน
“นฤเบศวร์ นายปล่อยมือของนายซะ นายโอบฉันอย่างนี้ ฉันอึดอัด”
กนกอรยกมือข้างหนึ่ง คิดจะดึงมือข้างนั้นของเขาที่โอบเอวเธออยู่ แต่ดึงไม่ออก ทั้งยังกลัวรถล้มด้วย เธอจึงรีบประคองรถเอาไว้
นฤเบศวร์พูดอย่างใสซื่อ: “ผมกลัวผมตกรถ โอบคุณไว้ ปลอดภัยกว่า”
“……”
กนกอรโมโหกับความหน้าไม่อายของเขาจนสีหน้าอึมครึม แต่กลับทำอะไรเขาไม่ได้
เดิมทีเขาก็เป็นคนหน้าไม่อายอยู่แล้ว
ถ้าไม่ใช่ว่าแม่ของเธอเป็นคนออกหน้าเอง เขาคงไม่ยอมหย่าแน่ๆ
ยังดีที่ ปากซอยไม่ได้ไกลจากตระกูลภูสิทธ์อุดมมาก ไม่นานก็มาถึงหน้าบ้านของตระกูลภูสิทธ์อุดมแล้ว
กนกอรจอดรถไฟฟ้า แล้วก้มหน้าออกแรงดึงมือใหญ่ๆของเขาที่กำลังโอบเอวเธอออกไป
พอได้ยินเสียงฝีเท้าที่ลานบ้าน นฤเบศวร์จึงรีบปล่อยมือ
เขาลงจากรถ บนใบหน้าหล่อเหลามีรอยยิ้มบางๆ
ถึงจะไม่ได้ขโมยหอมแก้ม แต่ได้โอบเอว เขาก็เหมือนแมวที่ได้ขโมยเนื้อปลาแล้ว
กนกอรถลึงตาใส่เขา พูดกับเขาเบาๆ: “นฤเบศวร์ ถึงฉันจะให้โอกาสนายจีบฉัน แต่ตอนนี้ฉันยังไม่ได้ยอมรับการตามจีบของนายนะ ฉันยังไม่ได้เป็นแฟนนาย ช่วยมีมารยาทกับฉันหน่อย เอาเปรียบฉันให้มันน้อยๆหน่อย”
การที่เธอไม่ได้เชื่อฟังคำแนะนำของแม่ ที่บอกให้เปลี่ยนเบอร์มือถือ ให้ออกไปเที่ยวสักปีไม่ต้องกลับมา แต่กลับยินยอมที่จะให้โอกาสนฤเบศวร์สักครั้งและให้โอกาสแก่ตนเองด้วย ก็อยากจะเห็นท่าทีของนฤเบศวร์ ที่ทำอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่าเธอยอมรับเขาแล้ว
นฤเบศวร์สีหน้าเคร่งขรึม พูดขึ้น: “กนกอร ผมไม่ได้เอาเปรียบคุณนะ นั่นผมคิดถึงความปลอดภัยของตัวเองต่างหาก ไม่งั้นเอาอย่างนี้ไหม ถ้าคุณรู้สึกว่าคุณเสียเปรียบ งั้นผมให้คุณโอบผมคืน คุณอยากโอบนานแค่ไหนก็ได้ ผมคืนให้คุณทั้งต้นทั้งดอกเลย”
กนกอรหงุดหงิด
“อร กลับมาแล้วเหรอลูก”
ยายทองออกมาจากด้านใน
เธอมานั่งคุยเล่นที่ตระกูลภูสิทธ์อุดม
นฤเบศวร์เห็นยายทอง ก็คลายกังวล
เขาคิดว่าเป็นผู้ใหญ่ของตระกูลภูสิทธ์อุดมที่เดินออกมาซะอีก
“ค่ะ เลิกงานแล้ว ยายทอง ทานข้าวเย็นหรือยังคะ?”
“ยังเลย กำลังจะกลับบ้านไปทำกับข้าวนี่แหละ อร นี่แฟนของเราเหรอ? ยายมองแล้วทำไมหน้าตาคุ้นจัง เหมือน……คนขับแกร็บหรือคนขับแท็กซี่คนนั้นเลย? ที่เราเคยบอกยายคราวก่อนน่ะ”
ใบหน้าหล่อๆของนฤเบศวร์หม่นหมองเล็กน้อย
ไม่นึกว่าเธอจะแนะนำเขาอย่างนี้
เขามันแย่นักเหรอ?
“ยายทอง เขาเป็นเพื่อนของหนูค่ะชื่อนฤเบศวร์”
กนกอรไม่ได้ยอมรับว่าเป็นแฟน แต่ก็ไม่บอกว่าเป็นใครมั่วๆ แค่บอกว่าเป็นเพื่อน
ระหว่างชายหญิงที่บอกว่าเป็นเพื่อนกัน ใครๆก็คงคิดว่าเป็นแฟนกันทั้งนั้นแหละ
ยายทองพลางพิจารณานฤเบศวร์พลางยิ้มชมกนกอร: “อร เราตาแหลมดีนะ รวมๆแล้วพ่อหนุ่มนี่ดูไม่เลวเลย ไม่เลว!”
เห็นนฤเบศวร์หอบช่อดอกไม้เงินเอาไว้ ยายทองจึงจ้องอยู่สักพัก แล้วถามขึ้น: “พ่อหนุ่ม ช่อดอกไม้เงินนี่เงินจริงหรือเงินปลอมล่ะ? ทำได้สมจริง เหมือนเงินจริงมากเลย ทำออกมาเป็นช่อดอกไม้ก็ดูสวยดี วัยหนุ่มสาวอย่างพวกเธอเนี่ย ลูกเล่นเยอะจริงๆ”
นฤเบศวร์หัวเราะ พูดขึ้น: “ยายทอง ตาแหลมมากเลยนะครับ”
ไม่ได้ตอบว่าเงินจริงหรือเงินปลอม แค่ประจบสอพลอไปหนึ่งประโยค ก็หยอกเย้าให้ยายทองหัวเราะได้แล้ว
หลังจากคุยกันไม่กี่ประโยค ยายทองก็พูดขึ้น: “อร ยายกลับไปทำกับข้าวก่อนนะ ไม่รบกวนเรากับเพื่อนแล้ว รีบเข้าไปในบ้านเถอะ”
“ไว้เจอกันใหม่นะครับยายทอง”
นฤเบศวร์บอกลายายทองอย่างปากหวาน
ยายทองยิ้มแย้ม เดินไปพูดไป: “พ่อหนุ่มปากหวานจังนะ”
รอให้ยายทองเดินไปแล้ว กนกอรจึงเข็นรถไฟฟ้าเข้าไปในลานบ้าน ตัวบ้านของเธออยู่ในลานบ้านของตนเองที่ติดกับโรงรถแผ่นเหล็ก เธอจอดรถไฟฟ้าไว้ในโรงรถ หยิบกุญแจรถ หมุนตัวจะเข้าไปในบ้าน แต่กลับไม่เห็นนฤเบศวร์แล้ว
เธอมองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นเขา
ด้วยความเจ้าเล่ห์ของเขา หรือเขาเข้าไปในบ้านของตนเองแล้วงั้นเหรอ?
ในบ้านก็ไม่ได้ยินเสียงเขาพูดนี่นา มีแต่เสียงละครเพลงที่คุณปู่ของเธอเปิดเอาไว้
ปกตินอกจากคุณปู่ชรัณจะชอบเล่นหมากรุกแล้ว ก็ชอบฟังพวกละครเพลง โอเปร่าของมณฑลอุนฮุย โอเปร่าปักกิ่ง โอเปร่ากวางตุ้งเป็นต้น คุณปู่ชอบฟังทั้งนั้น
ตอนนี้เปิดละครเพลงกวางตุ้ง《ได้รู้จักกับราชินีคนงาม》อยู่
กนกอรจึงเดินไปดูด้านนอก ก็ไม่เห็นนฤเบศวร์
ไม่มีทางที่เขาจะกลับออกไปอย่างนี้
ไล่ตามเธอมาจนถึงบ้านของเธอแล้ว เป็นไปได้ยังไงที่จะกลับออกไปอย่างง่ายดายอย่างนั้น?
ต้องเข้าไปในบ้านแล้วแน่ๆ
กนกอรจึงหมุนตัวกลับเข้าไปในบ้าน
แค่เข้าไปในบ้าน เธอก็มองไปรอบๆ แต่ไม่มีนฤเบศวร์จริงๆ
คุณปู่ชรัณกำลังทำความสะอาดโต๊ะน้ำชา เมื่อกี้ยายทองมาคุยเล่น ผู้อาวุโสทั้งสองคนน่าจะดื่มชากัน ตอนที่กนกอรเข้ามา เห็นคุณปู่ของเธอเทน้ำชาที่ยังดื่มไม่หมดทิ้งไป
“อร หลายวันนี้แกกลับเร็วดีนะ”
คุณปู่ชรัณเห็นหลานสาว จึงพูดไปเรื่อยเปื่อย
“ปู่คะ คราวก่อนหนูบอกไว้แล้วไง ตอนนี้ช่วงเย็นๆวิกาจะมาดูร้านให้ ปกติวิกาจะเลิกงานห้าโมงครึ่ง ประมาณหกโมงหนูก็กลับได้แล้ว ปู่ คงไม่ได้ไม่ทำกับข้าวไว้ให้หนูใช่ไหม?”
คุณปู่ชรัณพูดขึ้นด้วยสีหน้าบึ้งตึง: “ไม่ว่าแกจะกลับมากี่โมง จะไม่มีกับข้าวมื้อนั้นให้แกได้ไงล่ะ?”
กนกอรยิ้มกริ่ม
วางกุญแจรถไว้ในตำแหน่งประจำ ก็เดินเข้ามา หยิบแอปเปิลลูกหนึ่งขึ้นมาจากในจานผลไม้ที่อยู่บนโต๊ะน้ำชา กัดไปถามไป: “ปู่ อยู่บ้านคนเดียวเหรอคะ แม่หนูล่ะ?”
“แม่แกไปบ้านลุงแกแล้ว น่าจะใกล้กลับมาแล้วแหละ ข้าว ปู่หุงไว้แล้ว รอแม่แกกลับมาทำกับข้าวก็กินข้าวได้”
“ถ้าแกหิวแล้ว ปู่จะไปทำให้ตอนนี้เลย”
กนกอรจึงรีบพูด: “ปู่ หนูไปเองค่ะ ปู่อยู่ฟังละครเพลงตรงนี้เถอะ อีกเดี๋ยวถ้ามีใครมา ปู่อย่าโมโหนะคะ”
คุณปู่ชรัณก็ไม่ได้โง่ ได้ยินหลานสาวพูดอย่างนี้ จึงขมวดคิ้ว ถามขึ้น: “เจ้าเบศวร์นั่นยังก้อร่อก้อติกแกไม่เลิกสินะ? ใช่สิ แม่แกขอร้องให้พวกแกหย่ากัน จดทะเบียนหย่าเรียบร้อยหรือยัง? เอาใบหย่ามาให้ปู่ดูหน่อย”
“คำสั่งของท่านแม่ผู้ยิ่งใหญ่ หนูจะกล้าไม่เชื่อฟังได้ไงคะ”
กนกอรพลางกัดแอปเปิลพลางหยิบใบหย่าไปให้คุณปู่ดู
คุณปู่ชรัณดูๆใบหย่า พูดต่อ: “ที่แท้ใบหย่าก็หน้าตาแบบนี้ ปู่อยู่มาครึ่งชีวิตแล้ว นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้เห็นใบหย่า”
พูดจบ เสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้น
คุณปู่ชรัณจึงคืนใบหย่าให้หลานสาว พูดต่อ: “ปู่จะออกไปดูว่าใครมา”
“ปู่คะ ปู่ฟังละครเพลงดีกว่า หนูจะออกไปเปิดประตูเอง”
เดาว่าเป็นนฤเบศวร์ กนกอรจึงรีบกดคุณปู่นั่งลง ส่วนตนเองเดินออกไปเปิดประตู
สิ่งที่ทำให้กนกอรแปลกใจก็คือ คนที่ยืนอยู่หน้าประตูไม่ใช่นฤเบศวร์ แต่เป็นคุณปู่เร็นกับพ่อบ้านเซน
ด้านหลังของทั้งสองคนยังมีบอดี้การ์ดยืนอยู่ด้วย
ในมือของบอดี้การ์ดถือของขวัญมากมาย
“คุณเร็น เป็นคุณได้ยังไงคะ?”
กนกอรยัดแอปเปิลที่ยังกินไม่เสร็จเข้าไปในปาก หลังจากเคี้ยวแอปเปิลหมดแล้ว ถึงได้เปิดประตู
คุณปู่เร็นพูดอย่างผิดหวัง: “อร ทำไมไม่เรียกปู่ว่าปู่แล้วล่ะ?”
เริ่มแรกที่บีบบังคับให้หลานชายแต่งงานกับกนกอร เพื่อจะขัดขวางไม่ให้หลานชายคบกับเปรมา เนื่องจากหลานชายที่ใช้ชีวิตมาจนเกือบจะสามสิบปีแล้ว หญิงสาวข้างกายเขานอกจากเปรมา ก็มีแค่กนกอรนี่แหละ
ทั้งยังมีเหตุผลอื่นที่เขาไม่อยากพูดอีกแล้ว
หลังจากได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน คุณปู่เร็นก็ชอบหลานสะใภ้คนนี้จากใจจริง