คุณสามีพันล้าน - บทที่ 355 แผนการล้มเหลว
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 355 แผนการล้มเหลว
“ลุงฌาน หมดหนทางช่วยพ่อของฉันจริงๆเหรอ?ส่วนประกอบของพิษรักส่วนใหญ่ก็เหมือนกัน พ่อของฉันเคยบอกว่า พามาส่งที่คุณที่นี่ คุณช่วยเขาได้”
หมอฌานพูดว่า : “นายน้อย ผมก็บอกแล้วไง เจ้านายมีการดื้อยา โดนพิษรักนอกจากดื่มน้ำเยอะๆ อาบน้ำเย็น แล้วก็ค่อยใช้พวกยาต่อต้าน ขจัดได้ง่ายมาก ไม่จำเป็นต้องทำอะไรนั่น แต่ครั้งนี้เจ้านายโดนพิษลงลึกหน่อย แถมยังมีการดื้อยาอีก ถึงได้เป็นเช่นนี้ ”
“คุณผู้หญิงว่ายังไงบ้าง?”
ประยสย์พูดตอบกลับเสียงเบาๆว่า : “แม่ฉันบอกว่า พ่อจะเป็นหรือตายก็ไม่เกี่ยวกับเธอ”
หมอฌาน:“……”
คิดไม่ถึงว่าคุณผู้หญิงจะใจร้ายถึงตอนนี้!
ความหวังของเจ้านายล้มเหลวแล้ว
หมอฌานถอนหายใจอยู่ในใจ ภายนอกกลับร้อนรน พูดว่า : “งั้นทำยังไงดี?จะทนมองดูเจ้านายเป็นเช่นนี้เหรอ?แม้ว่าจะให้เจ้านายดื่มน้ำเยอะๆ อาบน้ำเย็น และก็ให้เจ้านายทานยาแล้ว แต่ก็แค่รักษาตามอาการไม่ได้รักษาที่ต้นตอ นานเข้า ร่างกายของเจ้านายก็ยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ”
“นายน้อย คุณลองโทรหาคุณผู้หญิงอีกครั้ง พูดดีๆ ต่อให้คุณผู้หญิงจะเกลียดเจ้านายแค่ไหน เห็นแก่ที่เจ้านายเป็นพ่อแท้ๆของคุณและคุณหนู ก็น่าจะยื่นมือออกมาช่วยเหลือ ว่ากันว่าเมื่อแต่งงานเป็นสามีภรรยากันแม้ว่าเพียงหนึ่งวันก็มีความรู้สึกที่ผูพันทางจิต ไม่เช่นนั้น ก็ให้คุณหนูพูดโน้มน้าวคุณผู้หญิงดูนะ ”
เพื่อช่วยเจ้านาย หมอฌานพูดโกหกอย่างหน้าตาเฉยไม่กระหืดกระหอบ ไซม่อนที่ไม่ได้ร่วมหลับนอนกับภรรยา ก็จะต้องตายอย่างไม่มีข้อสงสัย
หลังจากที่ประยสย์เงียบขรึมไปครู่หนึ่ง พูดว่า : “ฉันติดต่อวิกา ให้วิกาไปติดต่อแม่ของฉัน”
เขาพูดเสริมอีกประโยคว่า : “ลุงฌานคุณคงไม่ได้ช่วยพ่อหลอกพวกเราหรอกนะ?”
“นายน้อย คุณเพิ่งรู้จักลุงฌานวันนี้เหรอ?ลุงฌานเป็นคนที่ซื่อสัตย์ที่สุดแล้ว ความจริงเป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้น ผมจะเอาเรื่องสุขภาพของเจ้านายมาล้อเล่นไม่ได้หรอกนะ เจ้านายเป็นคนช่วยชีวิตของผม ชีวิตคนในครอบครัวของผมไว้ ผมเห็นความสำคัญของชีวิตเจ้านายมากกว่าชีวิตของตัวเองเสียอีก”
เขาภักดีต่อไซม่อน ไม่เพียงแค่ไซม่อนวางใจเขามาก ทำให้เขาได้แสดงฝีมือทางการแพทย์อย่างเต็มที่ ยิ่งไปกว่านั้นเพราะว่าไซม่อนเคยช่วยคนในครอบครัวของเขาไว้ในเมื่อก่อน เป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตของคนในครอบครัวเขา
พ่อบอกเขาว่า บุญคุณแม้เพียงน้ำหยด ก็ควรตอบแทนให้ได้ดั่งสายธาร ยิ่งไปกว่านั้นเป็นบุญคุณที่ช่วยชีวิตของครอบครัวไว้ ทำให้เขาไม่สามารถทำเรื่องที่ไม่ดีต่อไซม่อนได้
หลังจากที่ประยสย์เงียบขรึมก็พูดว่า : “ฉันรู้ว่าลุงฌานเป็นคนซื่อสัตย์มาก แต่ว่าลุงฌานเป็นคนสนิทของพ่อฉัน”
เขาเน้นย้ำ ประโยคที่ว่า “คนสนิทของพ่อฉัน”ครู่หนึ่ง
“นายน้อย ถ้าหากคุณไม่เชื่อลุงฌาน คุณลองพาเจ้านายไปส่งโรงพยาบาลอื่นดูได้”
ประยสย์ : “……ฉันโทรหาวิกาแล้วกัน”
เขาโทรศัพท์หาเทวิกาตอนหน้าหมอฌาน แต่ว่าคนที่รับสายคือยศพัฒน์
“พี่ มีอะไรเหรอ?”
ยศพัฒน์พูดเสียงทุ้มต่ำในสายโทรศัพท์ กลัวเสียงดังทำให้เทวิกาตื่น เขาจัดชุดใหญ่ ทำให้วิกาเหนื่อยแล้ว ให้เธอนอนหลับดีๆสักหน่อย อย่ารบกวนเธอ
“วิกานอนแล้วเหรอ?”
“อืม”
“พี่โทรมาหาวิกามีธุระอะไรเหรอครับ พูดกับผมก็ได้ ฟ้าสางแล้ว ผมจะบอกวิกาให้”
ยศพัฒน์ถามอย่างเป็นห่วง : “เกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้วหรือเปล่า”
“เกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย ไม่ใช่พี่ นายไม่ต้องเป็นกังวล พ่อถูกวางแผนทำร้ายแล้ว อยากให้แม่……แม่ไม่ยอม พี่คิดว่า จะให้วิกาไปพูดโน้มน้าวแม่ดีไหม”
ประยสย์พูดไม่ค่อยชัดเจนมากเท่าไหร่ แต่ในฐานะผู้ที่ผ่านมาก่อน สำหรับยศพัฒน์ที่ก่อนนอนก็จัดภรรยาไปสองยกแล้ว เขาเข้าใจในทันที
“พี่ พี่พาพ่อไปส่งโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ ยาแบบนี้จัดการได้ง่ายมาก ถ้าไม่ไปโรงพยาบาล ก็ดื่มน้ำเยอะๆ ขจัดยาเหล่านั้นออกมา แล้วค่อยอาบน้ำเย็น รอยาออกฤทธิ์ก็ได้แล้ว”
“ถ้าหากฤทธิ์ของยารุนแรงเกิน ก็จะต้องไปโรงพยาบาล หลีกเลี่ยงไม่ให้อันตรายถึงแก่ชีวิต”
ประยสย์ : “……เหมือนว่านาย จะมีประสบการณ์มาก”
ยศพัฒน์สำลัก
“แต่หมอบอกว่าพ่อโดนพิษลงลึกเกินไป แถมยังมีอาการดื้อยา วิธีการเหล่านั้นที่นายพูดมาก็ใช้ไม่ได้ผล ถึงคิดที่จะให้แม่……”
ยศพัฒน์ลุกขึ้นนั่ง เดินออกจากห้องนอนเบาๆ เขาพูดเสียงทุ้มต่ำว่า : “เว้นแต่ว่าใช้ยาปริมาณมากเกินไปตอนที่ส่งถึงโรงพยาบาลคนเขาได้หมดติถึงขั้นเกิดอาการช็อกตายแล้ว งั้นก็ไม่ใช้ไม่ได้ผล ตอนนี้พ่อเป็นยังไงบ้าง?”
“อาเจียนออกมาเป็นเลือดสองครั้งแล้ว”
ยศพัฒน์ขมวดคิ้วแน่น “งั้นโดนพิษลงลึกเกินไปแล้ว พี่ให้หมอช่วยพ่ออย่างสุดความสามารถก่อน ฉันจะไปเชิญหมอฝีมือดีสักสามสี่คนไปหาชั่วข้ามคืน”
หมอฌานตั้งใจฟังสนทนาในโทรศัพท์ของประยสย์และยศพัฒน์ คำพูดในโทรศัพท์ของยศพัฒน์ เขาได้ยินทั้งหมด เขารีบพูดว่า : “ผมได้ช่วยควบคุมให้เจ้านายชั่วขณะหนึ่งแล้ว ตอนนี้ไม่มีทางเป็นอันตรายถึงชีวิต แต่อยากจะให้เจ้านายฟื้นตัวกลับมาโดยสมบูรณ์ทางที่ดีที่สุดคือไปหาคุณผู้หญิง”
ได้ฟังที่หมอฌานพูดกล่าว ยศพัฒน์ที่อยู่ทางปลายสายนั้นเป็นใบ้แล้ว
ลุงฌานอะไรนั่นกำลังช่วยพ่อตา เขากล้าพูดว่าอาการของพ่อตาไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่ลุงฌานพูดขนาดนั้น
หมอที่ได้รับความไว้วางใจจากพ่อตา ไม่มีวิธีการจัดการกับพิษรัก?ตีเขาให้ตาย เขาก็ไม่เชื่อ
จะต้องจงใจแก้ไขเพียงครึ่งเดียว ยังเหลืออีกครึ่งหนึ่งคิดอยากจะพูดหลอกให้แม่ยายเสียสละสักหน่อย
ยศพัฒน์รู้สึกว่าตัวเองยังเข้าใจพ่อตาได้ไม่มากพอ คิดไม่ถึงว่าพ่อตาจะหน้าเนื้อใจเสืออย่างนั้น
อืม สมกับเป็นผู้นำตระกูล
“พี่ได้ติดต่อแม่แล้วใช่ไหม?”
ยศพัฒน์คาดเดากลอุบายของพ่อตาออก ใจเย็นมากแล้ว ไม่ว่าพ่อตาหรือว่าแม่ยาย เขาไม่อาจะล่วงเกินใครได้ แต่เรื่องแบบนี้ ให้ความสำคัญกับความปรารถนาร่วมกัน ถ้าหากไม่ยายไม่ยอม เขาก็ไม่สามารถช่วยพูดชักชวนแม่ยายได้
“อืม”
“แม่ว่ายังไง?”
“แม่บอกว่าพ่อจะเป็นหรือตายก็ไม่เกี่ยวกับเธอ ผู้หญิงข้างนอกเยอะแยะ ให้พี่หาผู้หญิงสักคนมาช่วยพ่อ……”
ยศพัฒน์ก็เงียบขรึมครู่หนึ่งแล้ว พูดกับพี่ชายของภรรยาว่า : “พี่ลองพูดกับหมอคนนั้น ให้คิดหาทางช่วยพ่อ ถ้าหากว่าพวกเขาทำไม่ได้ ผมจะจัดเตรียมเครื่องบินให้นำพ่อมาส่ง หมอที่เมืองแอคเซสซ์ของเราช่วยพ่อได้แน่”
หมอฌาน:“……”
ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าลูกเขยของเจ้านายดูเหมือนว่าจะเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว
“โอเค”
ประยสย์ไม่ได้โง่
เริ่มแรก เขาตึงเครียด เป็นกังวลมากจริงๆ ก็เรียกว่าเป็นกังวลจนจิตใจสับสนวุ่นวาย มีหลายเรื่องที่เขาก็ยังไม่เข้าใจชัดเจน
หลังจากที่คุยโทรศัพท์กับแม่ เขาก็สงสัยว่านี่เป็นความตั้งใจของพ่อ ลุงฌานก็เป็นผู้สมคบคิด
แต่ว่าลุงฌานพูดได้อย่างแยบยล
จนกระทั่งได้ยินคำพูดของน้องเขย ประยสย์ก็เข้าใจ นี่เป็นกลอุบายของพ่อ
ยังคงเป็นแม่ที่เข้าใจพ่อนะ
หลังจากที่จบบทสนทนา ประยสย์พูดกับหมอฌานว่า : “ลุงฌาน คุณก็ได้ยินที่พัฒน์พูดแล้ว ไม่งั้น พวกคุณลองอีกครั้ง เชื่อว่าจะต้องมีวิธีช่วยขจัดพิษให้พ่อของฉัน”
หมอฌานรู้ว่าเจ้านายไม่มีหวังแล้ว ทำได้เพียงพูดว่า : “ฉันจะปรึกษากับพวกเขาอีกครั้งว่าจะให้ยาเจ้านายยังไง”
“ลุงฌาน ไหว้วานคุณแล้ว”
“นี่เป็นสิ่งที่ผมควรทำนายน้อย ผมขอตัวไปปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญสองสามท่านก่อน”
“โอเค”
หมอฌานรีบเดินออกไปจากห้องทำงานแล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน เขาผลักประตูห้องผู้ป่วยระดับสูงห้องหนึ่ง ไซม่อนที่ยืนอยู่ที่หน้าต่างมองดูความมืดยามราตรีข้างนอก ได้ยินเสียงเปิดกระตู หันหน้า เห็นหมอฌานกลับมา ไม่รอให้อีกฝ่ายเอ่ยปากพูด เขาก็ฝืนยิ้มพร้อมพูดถามว่า : “แผนการของฉันล้มเหลวแล้ว สินะ?”