คุณสามีพันล้าน - บทที่ 393 เธอเป็นคนมีวาสนา
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 393 เธอเป็นคนมีวาสนา
กัญณิศาก็รู้สึกว่าไม่ต้องให้ประยสย์ไปส่งเธอด้วยตัวเองเช่นกัน
หลังจากที่เทวิกาส่งสายตาให้แม่แล้ว คงไม่ดีที่จะบังคับ กลัวว่าถ้าบังคับ จะทำลายความประทับใจที่พี่ชายมีต่อณิศา
จึงทำได้เพียงให้บอดี้การ์ดช่วยส่งของที่กัญณิศาซื้อกลับไปที่ตระกูลนนท์สัจทัศน์
ภายนอกของคฤหัสน์ตระกูลนนท์สัจทัศน์ดูเก่ามาก นั่นเป็นบ้านที่ท่านกรรณสร้างขึ้นตอนหนุ่มๆ อาศัยกันมาสามรุ่นแล้ว ไม่เคยปรับปรุงใหม่ ดังนั้นจึงดูเก่ามาก
เมื่อก่อน ตอนที่พวกกิติยาสองพี่น้องยังเด็ก ตระกูลนนท์สัจทัศน์ก็ตกอยู่ในสภาพที่ต้องเผชิญหน้ากับความล้มเหลว สองพี่น้องจึงไม่มีความคิด และไม่มีความสามารถพอที่จะปรับปรุงบ้าน
รอจนกระทั่งกิติยาทำให้บริษัทมั่นคงได้ ธุรกิจของตระกูลนนท์สัจทัศน์ค่อยๆฟื้นตัว ก้าวผ่านความเสี่ยง หลังจากที่สองพี่น้องปรึกษากัน จึงยังคงรักษาสภาพปัจจุบันของบ้านเอาไว้
เพราะ ด้านในนี้มีความทรงจำอยู่มากมาย
ช่วงสุดสัปดาห์ กิติยาก็ยุ่งมากเช่นกัน แต่ยังได้กลับบ้านเร็วกว่าปกตินิดหน่อย
ตอนที่บอดี้การ์ดของตระกูลสาระทาส่งกัญณิศากลับมา กิติยารออยู่ในบ้านอยู่แล้ว
“กลับไปขอบคุณคุณน้า คุณชายประยสย์และวิกาแทนฉันด้วยนะคะ”
กัญณิศากล่าวขอบคุณบอดี้การ์ดของตระกูลสาระทา
บอดี้การ์ดของตระกูลสาระทาพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไร หลังจากที่คนรับใช้ของตระกูลนนท์สัจทัศน์ช่วยย้ายของๆกัญณิศาเข้าไป พวกเขาถึงได้ขับรถกลับ
“นั่นบอดี้การ์ดของตระกูลไหน? ตระกูลอริยชัยกุลเหรอ?”
กิติยาถามน้องสาว แล้วพูดต่อ: “แกซื้ออะไรมานักหนา ถึงได้ยัดเข้ารถแกไม่หมด”
“นั่นบอดี้การ์ดข้างกายคุณชายตระกูลสาระทาในเมืองซูเพร่า น้อยครั้งที่จะมีเวลาไปชอปปิง วันนี้ชอบใจอะไรก็เลยซื้อกลับมา พี่ ถือว่าฉันได้สัมผัสความรู้สึกที่ได้จ่ายเงินราวกับน้ำไหลแล้วนะ”
สถานการณ์ของตระกูลนนท์สัจทัศน์ ทำให้พวกกิติยาสองพี่น้องได้เรียนรู้ถึงการประหยัด แม้ตอนนี้สถานการณ์ของตระกูลนนท์สัจทัศน์จะดีขึ้น กัญณิศาก็หาเงินเองได้มากมาย แต่เธอยังคงรักษานิสัยมัธยัสถ์นี้เอาไว้ วันนี้ได้ไปเดินซื้อของกับพวกวิกา เห็นคุณน้าณินซื้อของ ไม่ว่าจะแพงขนาดไหน ก็จ่ายเงินราวกับน้ำไหล โดยที่ตาไม่กระพริบด้วยซ้ำ
ส่วนเธอก็ได้รับผลกระทบอย่างหนัก จึงรูดบัตรรูดบัตรรูดๆๆตามไปด้วย
กิติยาเผชิญหน้ากับน้องสาวก็เหมือนที่ประยสย์เผชิญหน้ากับเทวิกานั่นแหละ อ่อนโยนเป็นพิเศษ
เธอยิ้ม: “แกชอบ ก็ซื้อกลับมาเถอะ ตอนนี้เราไม่ได้ขัดสนเงินเล็กน้อยนั่นแล้ว”
สองพี่น้องเดินกลับมาที่ห้อง
“บอดี้การ์ดของคุณชายตระกูลสาระทาตามมาด้วยเหรอ?”
“วิกาเรียกพี่ชายเธอมาช่วยถือของน่ะ”
กิติยาอ้อออกมา
พ่อแม่แท้ๆของเทวิกาคือสองสามีภรรยาผู้นำตระกูลสาระทาของเมืองซูเพร่า เรื่องนี้ คนทั้งเมืองแอคเซสซ์รู้กันทั้งนั้น
“สนุกไหม?”
“สนุกมาก พี่ คราวหน้าพี่ออกไปชอปปิง ก็นัดพี่ชเนนทร์มา ให้เขาช่วยพี่ถือของสิ”
คำพูดนี้ของกัญณิศาปะปนไปด้วยความหยอกเย้า
กิติยาจึงพูดออกไปโดยสัญชาตญาณ: “พี่ถือเองได้ ไม่ต้องให้เขาช่วยหรอก”
จู่ๆณิศาก็นึกถึงสภาพของประยสย์ที่ถือถุงเล็กๆใหญ่ๆเต็มสองมือ เดินตามหลังพวกเธอต้อยๆ จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา หัวเราะไปพูดกับพี่สาวไปด้วย: “พี่ ไม่เห็นสภาพหมดอาลัยตายอยากของคุณชายตระกูลสาระทาที่หิ้วของอยู่ข้างหลังพวกฉัน ฉันขำจะแย่”
“ฉันคิดว่า เขาอายุขนาดนี้ คงไม่เคยทำเรื่องประเภทนี้แน่ๆ คงมีคุณน้าณินกับวิกานี่แหละที่สามารถกดขี่เขาเป็นทาสได้”
“ฉันจึงได้อาศัยใบบุญไปด้วย ได้ใช้สอยคุณชายตระกูลสาระทานิดหน่อย”
กิติยาเอียงหัวมองน้องสาว ยิ้ม: “ความประทับใจที่แกมีต่อคุณชายตระกูลสาระทาไม่เลวเลยนะ”
“ก็โอเค พี่ชายของวิกาไม่เลวจริงๆ”
คำพูดของณิศาตีความได้สองความหมาย
กิติยาจึงนึกถึงชเนนทร์ พยักหน้าอย่างลำบากใจ พูดขึ้น: “แกเป็นคนมีวาสนาไง”
สองพี่น้องทางฝั่งตระกูลนนท์สัจทัศน์กำลังพูดคุยกันเรื่อยเปื่อย ส่วนทางฝั่งประยสย์ในที่สุดก็ส่งแม่กับน้องสาวกลับไปถึงคฤหัสน์เมเปิลสักที แค่กลับไปถึงคฤหัสน์ เขาก็แอบหนีไปเลย
วันหน้า แค่ได้ยินว่าแม่กับน้องสาวจะไปชอปปิง เขาจะหนีให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ภรรยาใคร คนนั้นก็พาไปสิ!
เขาไม่ไปด้วยหรอก!
สองแม่ลูกซื้อของขวัญมาให้ทุกคน
สิ่งที่ญาณินซื้อมา ยกเว้นไซม่อนเพียงคนเดียวที่ไม่ได้ซื้อมาให้ ไซม่อนเห็นเธอนำของที่ซื้อกลับมา ไม่ว่าจะเป็นอะไร เห็นใครๆก็ได้รับทั้งนั้น แม้แต่พ่อบ้านภูริชก็ยังได้หนึ่งชิ้น ยกเว้นเขาที่ทำได้แค่มอง ความเจ็บปวดนั้นน่ะ เป็นความเจ็บปวดที่ราวกับควันหนาๆที่พวยพุ่งออกมา ทำเอาห้องโถงที่เรียบหรูกลายเป็นพระราชวังชั้นใต้ดิน ซึ่งมีควันลอยโขมงอยู่เลย
“พ่อคะ หนูซื้อชุดใหม่2-3ชุดมาให้ค่ะ พ่อลองดูว่าชอบไหม?”
ยังดี ลูกสาวที่ไม่เอาใจใส่พ่อยังพอจำเขาได้
เทวิกาหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่หลายชุดเข้ามาใกล้ๆพ่อตนเอง ส่งชุดใหม่พวกนั้นไปให้พ่อ พูดขึ้นเบาๆ: “หนูไม่รู้สไตล์ที่พ่อชอบกับไซส์ของพ่อนะคะ”
ไซม่อนจึงรู้สึกได้ในทันที
ลูกสาวไม่รู้ไซส์ของเขา ทั้งยังไม่รู้ว่าเขาชอบเสื้อผ้าแบบไหน แต่เห็นเสื้อผ้าพวกนี้แล้ว เป็นสไตล์ที่เขาชอบทั้งนั้น ดูไซส์อีกที ก็พอดีกับเขาด้วย
ใครที่ช่วยเลือกเสื้อผ้าให้เขา ไม่ต้องบอกก็รู้
ผู้นำตระกูลสาระทาที่กำลังน้อยใจ จึงดีอกดีใจขึ้นมาทันที
รับชุดใหม่พวกนั้นมาจากในมือของลูกสาว หางตาชำเลืองไปทางภรรยา พูดขึ้น: “พ่อก็ไม่ได้ไม่มีเสื้อผ้าใส่นี่นา แต่ว่า นี่เป็นความกตัญญูจากลูกสาวของพ่อ ไม่ว่าลูกจะซื้ออะไร พ่อก็ชอบทั้งนั้นแหละ พรุ่งนี้ พ่อจะใส่เสื้อผ้าที่ลูกซื้อมาให้เลย”
“ว่าแต่ วิกา ซื้อเพิ่มให้อีกได้ไหม?”
เทวิกาขยิบตา ยิ้มๆ: “ได้สิคะ พรุ่งนี้หนูค่อยออกไปกับแม่อีกรอบ จะช่วยซื้อชุดกลับมาให้พ่ออีกหลายๆตัว”
ญาณินขี้เกียจจะสนใจไซม่อน หลังจากส่งมอบของขวัญออกไปหมด ก็อ้างว่าเหนื่อยแล้ว จึงขึ้นไปพักผ่อนข้างบนทันที
หลังจากความคึกคักผ่านไป เทวิกาพบว่าคนในบ้านหน้าชื่นตาบานกันทั้งนั้น แต่ไม่ได้ดีใจที่เธอกับแม่ซื้อของมาให้ทุกคนแน่นอน จึงแอบถามสามี: “ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนทุกคนถูกลอตเตอรี่เลยล่ะ ดูเบิกบานกันจัง”
“ถูกลอตเตอรี่น่ะคงไม่ทำให้คนในบ้านเราดีใจกันหรอก เป็นเพราะลินท์ท้องต่างหาก พูดคุยกันเรื่องกำหนดการงานแต่งของกษิดิกับลินท์แล้ว ทุกคนก็เลยพากันดีอกดีใจ”
ยศพัฒน์ก็อิจฉาน้องชายเช่นกัน
ที่ได้เป็นพ่อก่อนเขา
หลังจากที่ทุกคนรู้ว่าลินท์ท้อง จึงพากันมองมาที่เขา
ทำให้กษิดิโมโหแทบแย่
พัฒน์จึงพูดขึ้น: “ตอนนี้วิกาไม่เหมาะสมที่จะตั้งท้อง อีกไม่นานเธอจะกลับเมืองซูเพร่าแล้วครับ”
ทุกคนถึงได้ไม่มองเขาด้วยสายตาแปลกๆอีก
ยศพัฒน์คิดในใจ: อีกสองปี เขาก็จะเป็นพ่อเหมือนกัน!
“งั้นท่อนไม้นั่นเริ่มมีความคิดบ้างหรือยัง?”
เทวิกาถามเบาๆ
ก่อนเธอออกจากบ้าน ลินท์ยังบ่นกับเธออยู่เลยว่ากษิดิเป็นท่อนไม้ ที่ไม่มีความคิด ยังกำชับเธออีกว่า ไม่ต้องไปชี้แนะกษิดิล่ะ
พัฒน์พยักหน้า หัวเราะเบาๆอธิบาย: “กษิดิใช้ริบบิ้น พับเป็นดอกกุหลาบ99ดอกด้วยมือตัวเองมอบให้ลินท์ ยังมีดาวโชคดีอีก1314ดวง ก็ง้อลินท์ได้แล้ว ยอมตกลงแต่งงานกับเขา”
ทั้งสองคนรักกันมาตั้งแต่เด็ก ต่างก็รักอีกฝ่ายอย่างสุดหัวใจ
สิ่งที่ลินท์ต้องการจริงๆไม่ได้มากมาย
แค่กษิดิคิดได้ ลินท์ก็ยอมจำนนแล้ว
ทำให้ทุกคนได้มีความสุขกันถ้วนหน้า
“วิกา”
พัฒน์จับมือของภรรยา ปะปนไปด้วยความรู้สึกผิด พูดขึ้นเบาๆ: “งานแต่งงานของกษิดิกับลินท์ต้องจัดก่อนคู่เรา คุณไม่ถือสาใช่ไหม?”
เทวิการู้เหตุผลของตระกูลสาระทา งานแต่งงานของพวกเขาสองสามีภรรยาจึงต้องเลื่อนออกไปชั่วคราว เธอยิ้ม: “ไม่ถือสาเลย เราอยู่ด้วยกันมานานแล้ว จะจัดงานแต่งเมื่อไหร่ก็เหมือนกัน อีกอย่าง วันจัดงานแต่ง ยังไม่มีวันดีไม่ใช่เหรอ? ไม่รีบๆ ค่อยเป็นค่อยไป แต่ท้องของลินท์รอไม่ได้นี่นา พวกเขาต้องรีบจัดงานแต่งแล้ว”