คุณสามีพันล้าน - บทที่ 398 ได้รับบาดเจ็บนิดหน่อย
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 398 ได้รับบาดเจ็บนิดหน่อย
“กนกอร อยากกินมื้อดึกไหม? ผมเลี้ยงมื้อดึกคุณเอง”
กนกอรหยุดฝีเท้า ที่เดินไปทางรถของเขา ตอบกลับ: “ตอนอยู่ในโรงหนังกินขนมเยอะขนาดนั้น จะกินมื้อดึกลงอีกได้ไง”
นฤเบศวร์เงียบ เสียแผนหมดเลย!
ต้องโทษเขา ที่เตรียมขนมมาเยอะเกินไป
“ดึกแล้ว กลับบ้านเถอะ”
กนกอรยืนอยู่ที่หน้ารถเขา หันไปมองเขา
“ก็ได้”
นฤเบศวร์เดินเข้ามา ปลดล็อกรถ ช่วยเปิดประตูรถให้เธออย่างเอาใจใส่ รอให้เธอขึ้นรถ เขาจึงปิดประตู เดินอ้อมรถ กลับมาขึ้นรถ
เอียงหัวมองเธอชั่วครู่ ถามขึ้น: “หนังคืนนี้สนุกไหม?”
“ถ้านายไม่ได้พุ่งตัวเข้ามากอดน่ะ หนังเรื่องนี้ก็สนุกใช้ได้นะ”
นฤเบศวร์ท่าทีเคอะเขิน “ผมกลัวจริงๆนี่นา ไม่คิดว่าหนังจะน่ากลัวขนาดนี้”
กนกอรคิดในใจ: ฉันเชื่อนายก็บ้าแล้ว นิสัยแย่ชะมัด!
“คราวหน้า เราเปลี่ยนแนวแล้วกัน”
ไม่ดูหนังสยองขวัญแล้ว ดูหนังรักดีกว่า หนังรักหวานๆซึ้งๆ
กนกอรไม่ตอบ
นฤเบศวร์จึงสตาร์ทรถ ไปส่งเธอกลับบ้าน
มาถึงซอยเล็กๆใกล้บ้านของเธอแล้ว กนกอรจึงบอกให้เขาหยุดรถ
“ข้างในถนนมันแคบ นายกลับรถยาก จอดตรงนี้แหละ ฉันเดินกลับไปได้”
นฤเบศวร์มองซอยลึกซอยนั้น ไม่ค่อยมีแสงไฟ มีหลายช่วงถนนที่ไฟดับสนิท ดวงตาดำขลับจึงเป็นประกาย แต่ปากกลับพูดอย่างเป็นกังวล: “ดึกขนาดนี้แล้ว คุณเดินกลับไปคนเดียว จะอันตรายหรือเปล่า? ถ้าเจอพวกขี้เมาหรือพวกบ้ากามขึ้นมา จะทำยังไง?”
กนกอรลงจากรถแล้ว
“คนที่อยู่ที่นี่เป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กันทั้งนั้น คนที่รู้จักกันมาหลายสิบปี จะมีอันตรายอะไรได้”
“นายรีบๆกลับไปเถอะ ราตรีสวัสดิ์”
กนกอรโบกๆมือบอกเขาว่าราตรีสวัสดิ์ แล้วเดินเข้าไปในซอยภายใต้การจับจ้องของเขา
นฤเบศวร์ลงจากรถมาด้วย เดินตามเธอไปเงียบๆ
กนกอรรู้สึกได้ว่าเขาเดินตามมา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร แต่ทว่าในใจกลับให้คะแนนเขาเพิ่ม
หลังจากที่ผู้ชายคนนี้เลิกยุ่งกับเปรมา ก็มีข้อดีเยอะขึ้นเรื่อยๆ
ควรบอกว่าข้อดีของเขามีเยอะมากมาโดยตลอด เพียงแต่เมื่อก่อนความอ่อนโยนของเขามอบให้เปรมาเท่านั้น
เขตที่อยู่อาศัยย่านเมืองเก่าอย่างนี้ ต่อให้มีไฟถนน ก็ไม่ต้องพูดถึงไฟถนนที่ไม่ค่อยสว่างหรอก มีไฟถนนที่ดับไปแล้วด้วยซ้ำ แต่ดันไม่มีคนมาเปลี่ยน
ช่วงระยะทางตรงไหนที่ไฟถนนดับก็จะมืดเป็นพิเศษ
ตอนที่กนกอรเดินมาถึงช่วงถนนที่มืดสนิท จู่ๆก็รู้สึกได้ว่ามีเงาดำโผล่ออกมาจากด้านข้าง
เงาดำนั้นยังมุ่งเป้ามาที่เธอด้วย เธอจึงหลบแสงสะท้อนนั้นโดยสัญชาตญาณ
มันเป็นแสงสะท้อนจากมีด!
“นี่คือการปล้น”
เธอได้ยินเสียงทุ้มต่ำ
และในทันที คนๆนั้นก็ถือมีดกระโจนมาทางเธอ
กนกอรไม่ทันได้ครุ่นคิด ก็ยกขาขึ้นมา คิดจะถีบโจรออกไป แต่โจรนั่นกลับโบกมีดมาทางขาของเธอ
“กนกอร ระวัง!”
นฤเบศวร์ที่เดินตามอยู่ข้างหลังเห็นสถานการณ์นี้ จึงพุ่งเข้ามาอย่างเร็วที่สุด
แต่เขาตะโกนออกมา ก็หันเหความสนใจของโจรได้ ทำให้ฟันไม่โดนขาของกนกอร กนกอรจึงหดขากลับมา
อีกด้าน ไม่นึกว่าจะมีเงาดำอีกร่างหนึ่งโผล่ออกมา โจรมีคู่หูด้วย
โจรสองคนนั้นกำลังถืออาวุธร้ายเอาไว้
“กนกอร”
นฤเบศวร์วิ่งเข้ามา ขวางไว้ที่ด้านหน้ากนกอร ตอนที่โจรสองคนนั้นโบกมีดเข้ามา เขาก็อดใจไม่ไหวที่จะแสดงฝีมือ เล่นงานโจรสองคนนั้นซะ “ยับเยิน” แต่กลับโดนปลายมีดของโจรกรีดไปที่แขนอย่างไม่ทันระวัง
เขาอดกลั้นความเจ็บปวด เตะมีดในมือของโจรสองคนกระเด็นออกไป เมื่อโจรทั้งสองเห็นสถานการณ์ไม่ดีแล้ว จึงรีบมุดหัวเข้าไปในความมืด ชั่วพริบตาก็ไม่เห็นร่องรอยพวกเขาแล้ว
นฤเบศวร์ยังคิดจะตามไป แต่โดนกนกอรดึงเอาไว้
“ไม่ต้องตามแล้ว มันมืดเกินไป ถ้าพวกเขายังมีคนอื่นอีกล่ะ นายจะติดกับดักที่พวกเขาดักซุ่มไว้นะ”
เพราะความมืด กนกอรจึงไม่เห็นรอยมีดกรีดบนแขนของนฤเบศวร์
เธอแค่เห็นทักษะที่ยอดเยี่ยมของเขา ไม่กี่ทีก็เตะมีดของโจรกระเด็นไปได้แล้ว จากนั้นจึงจัดการพวกโจรจนวิ่งหนีไป
ถ้าไม่มีนฤเบศวร์ ด้วยทักษะของเธอ โจรก็อาจจะลงมือได้ไม่สำเร็จเช่นกัน เพียงแต่ถ้าเธอรับมือกับโจรเองคงเหนื่อยน่าดู
“ปากนายนี่เหมือนชี้นำเลยนะ ฉันเดินตอนกลางคืนมาตั้งหลายปี ไม่เคยเจออันตรายในถนนสายนี้เลย แต่คืนนี้นายพูดอย่างนี้ ไม่นึกว่าจะเจอโจรจริงๆ”
กนกอรพลางบ่น พลางหยิบมือถือออกมา ใช้ไฟฉายของมือถือส่องไปที่มีดสองเล่มซึ่งโดน นฤเบศวร์เตะร่วงไปที่พื้น
เธอเดินเข้าไปเก็บมีดสองเล่มนั้นขึ้นมา ถึงได้พบว่ามีดหนึ่งเล่มในนั้นเป็นมีดของเล่น
เธอ: ……
แต่ทว่า ตอนที่คนทั่วไปเจอสถานการณ์อย่างนี้ก็คงตกอกตกใจ ใครจะสนใจว่ามีดในมือของโจรเป็นของจริงหรือของเล่นล่ะ?
บนมีดจริงเหมือนจะมีรอยเลือด
กนกอรส่องไฟฉายไปบนมีด ใช้มือลูบเล็กน้อย เลือดจริงๆด้วย
เธอโยนมีดทิ้ง หันกลับมาทันที เดินกลับมาที่ด้านหน้านฤเบศวร์ ถามเขาอย่างร้อนรน: “นายบาดเจ็บเหรอ? บาดเจ็บตรงไหน?”
สาดไฟฉายมือถือไปบนร่างของเขา
ส่องไฟมาบนแขนขวาที่โดนกรีดของเขา ตอนนี้เลือดกำลังไหลอยู่เลย
“ไม่เป็นไร คงโดนปลายมีดของพวกเขากรีดนิดหน่อย แผลน่าจะไม่ลึก แค่ถลอกๆน่ะ”
“เร็วเข้า กลับบ้านฉันไปใส่ยาห้ามเลือดก่อน หลังเลือดหยุดแล้วฉันค่อยส่งนายไปโรงพยาบาล”
กนกอรจูงเขาวิ่ง
โชคดีที่ ไม่ไกลจากบ้านแล้ว
ไม่นานก็กลับถึงตระกูลภูสิทธ์อุดม
คนของตระกูลภูสิทธ์อุดมเข้าสู่ห้วงนิทรากันนานแล้ว
กนกอรเจอกล่องปฐมพยาบาลที่อยู่ในบ้าน ก็รีบหยิบยาฆ่าเชื้อ ยาห้ามเลือด รวมไปถึงผ้าพันแผลออกมาจากกล่อง ช่วยจัดการบาดแผลให้เขา
“อร เกิดอะไรขึ้น?”
คุณปู่ชรัณที่ได้ยินเสียง ก็ออกมาจากห้องอย่างสะลึมสะลือ เห็นหลานสาวของตัวเองกำลังพันแผลให้นฤเบศวร์ ผู้เฒ่าจึงเดินเข้าไป ถามขึ้นอย่างเป็นห่วง
“เจ้าเบศวร์ ดึกดื่นค่อนคืน ไปทะเลาะกับใครจนเจ็บตัวมาล่ะ?”
“คุณปู่คะ หนูเจอโจรค่ะ คุณเบศวร์ช่วยหนูจัดการโจรจนหนีไป จึงได้รับบาดเจ็บโดยไม่ทันระวัง หนูช่วยทำแผลให้เขาอย่างง่ายๆก่อน แล้วค่อยไปโรงพยาบาล”
กนกอรพลางอธิบาย พลางลุกขึ้นไปหยิบกุญแจรถของพี่ชาย
“กนกอร ใช้รถผมเถอะ”
นฤเบศวร์ทักท้วงเธอขึ้นมา
รถของเขายังจอดอยู่ที่ข้างนอก
ได้ยินว่ามีโจร คุณปู่ชรัณจึงถามขึ้นอย่างลนลาน: “อร แกไม่เป็นไรใช่ไหม? โดนปล้นหรือเปล่า? ทำไมถึงมีโจรได้นะ?”
“หนูไม่เป็นไรค่ะ มีเสาไฟหลายต้นที่ไฟดับไป ไม่มีคนมาเปลี่ยนใหม่สักที ถนนช่วงนั้นจึงมืดมาก จะโดนพวกโจรเลือกเป็นสถานที่ลงมือมันก็เป็นเรื่องธรรมดาค่ะ”
กนกอรไม่ได้คิดไปในทิศทางอื่น
ส่วนนฤเบศวร์กลับค่อนข้างใจฝ่อ
ทั้งหมดนี้เขาเป็นคนวางแผนไว้เอง เพื่อจะแสดงฉากอัศวินช่วยสาวงามนี่แหละ จะได้ทำให้คนของตระกูลภูสิทธ์อุดมมองเขาใหม่
ถ้ากนกอรรู้เข้าล่ะก็……
ไม่มีทาง!
ตีเขาให้ตาย เขาก็ไม่มีทางสารภาพเรื่องทั้งหมด
นอกซะจากศัตรูคู่อาฆาตจะเป็นคนเปิดโปง
ยศพัฒน์ น่าจะ ไม่ เปิดโปงใช่ไหมนะ?
นฤเบศวร์ไม่ค่อยมั่นใจ คิดไว้ว่า ตอนว่างๆ ต้องไปหายศพัฒน์หน่อย ให้อีกฝ่ายช่วยเขาเก็บเป็นความลับ
เฮ้อ มีศัตรูที่แสนจะเข้าใจตนเองคนหนึ่ง ก็ทำให้เขากลุ้มใจ
แต่พอลองคิดกลับกัน นฤเบศวร์จึงสบายใจขึ้น เพราะคนที่สนับสนุนให้เขาใช้แผนเจ็บตัวน่ะก็คือยศพัฒน์นี่แหละ
ถ้ายศพัฒน์กล้าแฉเขา เขาก็จะไปฟ้องเทวิกา ใครก็จะไม่ได้รับผลดีทั้งนั้น หึ!