คุณสามีพันล้าน - บทที่ 432 ผมจะแต่งเข้าไปเป็นลูกเขยให้ตระกูลภูสิทธ์อุดม
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 432 ผมจะแต่งเข้าไปเป็นลูกเขยให้ตระกูลภูสิทธ์อุดม
เมื่อบัณฑิตาโมโห ก็เอ่ยเรียกด้วยสีหน้าทะมึน โดยไม่สนใจว่าตัวเองมาทำอะไรที่นี่ “ตาเบศวร์”
นฤเบศวร์ได้ยินเสียงตะโกนเรียกของมารดา ก็นึกว่าตัวเองหูฝาด เขาจะได้ยินเสียงเรียกของมารดาได้อย่างไรกัน
“ตาเบศวร์ ลูกถึงกับขอเครื่องประดับของคุณย่าลูกจากคุณปู่มาให้กนกอรใส่ แม่ของลูกยังไม่เคยใส่เครื่องประดับของคุณย่าลูกเลย เธอมีสิทธิ์อะไร”
คำพูดของบัณฑิตาเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา
อิจฉาริษยาที่ลูกชายดีกับกนกอรขนาดนี้
แม้ว่าสามีของเธอจะดีกับเธอมาก แต่ก็เป็นเพราะตอนที่แต่งงานกับเธอในปีนั้น สามีทะเลาะกับคุณพ่อสามีอยู่นานมากถึงจะสมปรารถนา หลังแต่งงาน สามีก็ขัดขืนเรื่องต่างๆที่เป็นความประสงค์ของคุณพ่อสามีน้อยมาก หลังจากที่ขอเครื่องประดับของคุณแม่สามีกับคุณพ่อสามีให้เธอ สามีก็ไม่ขออีกเลย
ตาเบศวร์สามารถขอมาได้ ถ้าหากว่าสามียอมขอกับคุณพ่อสามี จะต้องสามารถขอเครื่องประดับมาให้เธอใส่ได้เซตหนึ่งแน่นอน
“คุณแม่? คุณแม่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ”
ในที่สุดนฤเบศวร์ก็เห็นแม่แท้ๆของตัวเองสักที
เขาเอ่ยเรียกด้วยความประหลาดใจก่อน จากนั้นก็ถามต่อว่า “คุณแม่ คุณแม่มาหาเรื่องกนกอรใช่มั้ยครับ”
บัณฑิตาก้าวขึ้นมา ตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ “แม่ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น แม่แค่ผ่านมาทางนี้ เลยเข้ามาดู ลูกอย่าเห็นว่าแม่อยู่ที่นี่ ก็คิดว่าแม่เข้ามาหาเรื่องเธอ นิสัยเธอ แม่ยังจะหาเรื่องเธอได้อีกหรอ”
“ไม่เคารพผู้อาวุโสเลยสักนิด”
บัณฑิตาบ่น
เทวิกาแย่งกนกอรตอกกลับบัณฑิตา “ผู้อาวุโส? ไม่รู้ว่าคุณณัฏฐาเป็นผู้อาวุโสคนไหนของกนกอร เข้ามาถึงก็ด่ากนกอรว่าเป็นโสเภณี พวกเราสาดน้ำใส่เธอกะละมังหนึ่งนั้นนับว่าเบาแล้ว นับว่าเธอหนีได้เร็ว ถ้าถูกฉันจับได้ ฉันจะตัดลิ้นเธอไปให้หมากินแน่นอน”
“มีลิ้นแล้วไม่รู้จักพูด ไม่สู้ตัดทิ้งเสียดีกว่า จะได้ไม่กินพื้นที่ในปาก”
“คุณเบศวร์ แม่คุณมาที่นี่แล้วยังไม่ได้ทำอะไร แต่ว่ามาอย่างไม่เป็นมิตร ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังพาคุณณัฏฐามาด้วย เห็นคุณณัฏฐาใช้คำพูดเหยียดหยามด่าทอกนกอร แม่คุณไม่เพียงแต่จะไม่ช่วยกนกอร ดีร้ายยังไงก็เคยเป็นลูกสะใภ้เธอ หรือว่าคนอื่นด่าลูกสะใภ้แล้ว เธอจะมีหน้ามีตาอย่างนั้นหรอ”
“เธอยังจะหันกลับมาตำหนิกนกอรว่าไม่เคารพคุณณัฏฐาที่เป็นผู้อาวุโส คุณณัฏฐาเป็นญาติฝ่ายไหนของครอบครัวคุณ? อย่าพูดเลยว่าไม่ใช่ญาติคุณ ไม่นับว่าเป็นผู้อาวุโสของกนกอร แม้ว่าจะเป็นญาติคุณ ตอนนี้กนกอรก็ยังไม่ได้แต่งงานกับคุณ วางมาดเป็นผู้อาวุโสต่อหน้ากนกอรให้น้อยๆหน่อยเถอะ”
“แถมยังจะให้กนกอรขอโทษยัยแก่สารเลวนั่นอีก คุณเบศวร์ แม่คุณ อะไรก็ไม่ได้เรื่อง ที่ได้เรื่องมากที่สุดคือกลับดำเป็นขาว ไม่สนถูกผิด”
คนแบบบัณฑิตา ถ้าไม่มีครอบครัวฝ่ายสามีให้การสนับสนุนอย่างแข็งแกร่ง จะยังใช้ชีวิตตามอำเภอใจเช่นนี้ได้อย่างไร
ถูกคนจัดการตายไปนานแล้ว
มิน่าบ้านสามตระกูลเดชอุปถึงได้กล้ำกลืนความโมโหนี้ไม่ลง มักจะหาโอกาสแย่งตำแหน่งและอำนาจตลอดเวลา
“เทวิกา!”
บัณฑิตาถูกการฟ้องของเทวิกาทำให้โมโหจนกระทืบเท้า
เหลือบไปเห็นดวงหน้าหล่อเหลาของลูกชายตัวเองที่มีอึมครึม บัณฑิตาก็รีบอธิบาย “ตาเบศวร์ ลูกอย่าฟังความจากเทวิกาข้างเดียว เธอกับกนกอรเป็นพวกเดียวกัน เธอเป็นภรรยาของยศพัฒน์ ยศพัฒน์กับลูกเป็นศัตรูกัน เธออยากให้พวกเราสองแม่ลูกทะเลาะกันใจจะขาด”
เทวิกาหัวเราะเสียงเย็น “คุณบัณฑิตาจะดูกล้องวงจรปิดมั้ยคะ ฉันสามารถให้คุณเบศวร์ดูเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ได้นะ”
บัณฑิตา : …
ตอนนี้กนกอรก็เอ่ยกับนฤเบศวร์ว่า “นฤเบศวร์ เครื่องประดับเซตนี้ล้ำค่าขนาดนี้ ฉันไม่ใส่หรอก เดิมวันนี้ฉันจะไปงานเลี้ยงเข้าสังคมเป็นเพื่อนคุณ แต่ก็เกิดเรื่องนี้ขึ้นมา ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจเกินไป ฉันจึงไม่สามารถแสร้งทำเป็นไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แล้วไปงานเลี้ยงเข้าสังคมเป็นเพื่อนคุณได้จริงๆ”
“คุณรอก่อน ฉันจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า คืนชุดราตรีชุดนี้ให้คุณ สวมชุดราตรีชุดนี้ทำให้ฉันถูกด่า ฉันไม่เคยอยู่ในสังคมชั้นสูง จึงไม่รู้ว่าสวมชุดราตรีที่คุณเอามาให้ฉันจะทำให้ถูกคนด่าว่าเป็นโสเภณี”
กนกอรพูดจบก็หมุนตัวจากไป
บัณฑิตา : “…”
เทวิกากับกนกอร ผู้หญิงสองคนนี้เป็นดาวข่มของเธอ ทุกครั้งที่มาหาพวกเธอ คิดจะหาเรื่อง แต่สุดท้ายตัวเองก็ล้วนเป็นฝ่ายแพ้ไป
“กนกอร กนกอร”
นฤเบศวร์รีบเดินตากนกอรไป
แต่เดินได้ไม่กี่ก้าวก็หยุด แล้วหันหน้ามาพูดกับมารดาว่า “คุณแม่ คุณณัฏฐาประจบสอพลอ เลียแข้งเลียขาคุณแม่ล้วนมีจุดมุ่งหมาย เมื่อไรคุณแม่จะได้สติครับ? มักจะถูกเธอหลอกใช้ทุกที”
“คุณแม่ชอบคิดว่าครอบครัวพวกเราสูงส่งสินะครับ มักจะมองว่าด้วยฐานะของผม กนกอรไม่คู่ควรกับผม ถ้าคืนวันนี้ผมกล่อมให้เธอไปงานเลี้ยงเข้าสังคมกับผมไม่ได้ พรุ่งนี้ ผมจะไปลาออกจากตำแหน่งประธาน และออกจากตระกูลเดชอุปไปตัวเปล่า รอผมไม่มีอะไรแล้ว ผมจะแต่งเข้าไปเป็นลูกเขยให้ตระกูลภูสิทธ์อุดม”
“แบบนั้น กนกอรก็จะสูงส่งกว่าผม มีเงินมากกว่าผม ดีกว่าผมมากเกินไป เป็นผมที่ไม่คู่ควรกับเธอ ไม่ใช่ว่าเธอไม่คู่ควรกับผม”
ได้ยินเช่นนั้น บัณฑิตาก็หน้าเปลี่ยนสี
กระทั่งวาจาที่บอกว่าจะออกบวชเป็นพระ ลูกชายก็ยังพูดออกมาได้ คุณพ่อสามีก็เคยพูดกับลูกชายว่า ถ้าลูกชายรู้ซึ้งทางโลกจริงๆ ผู้ชราก็จะเคารพการตัดสินใจของเขา
“ตาเบศวร์ ลูก ลูกขู่แม่!”
“ผมก็ไม่อยากจะขู่คุณแม่ เป็นคุณแม่ที่ทำให้ผมต้องทำแบบนี้”
นฤเบศวร์หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาบิดา รอบิดารับสายโทรศัพท์แล้ว เขาก็ใช้น้ำเสียงขอร้องเอ่ยกับบิดา “คุณพ่อครับ คุณพ่อดูแลภรรยาคุณพ่อให้ดีหน่อยได้มั้ย อย่าให้เธอคบกับคุณณัฏฐาแล้วทำเรื่องถ่วงแข้งถ่วงขาผมด้วยกันอีก”
“ตอนนี้คุณแม่ผมอยู่ที่ One Day In Coffee คุณพ่อรีบมาพาภรรยาคุณพ่อกลับไปทีครับ”
โทรศัพท์เสร็จ นฤเบศวร์ก็ทิ้งมารดาเอาไว้ แล้วรีบตามกนกอรไป
เดิมเทวิกาคิดว่านฤเบศวร์มีมารดาแบบนี้ จะเตือนให้เพื่อนสนิทพิจารณาจริงจังดีหรือไม่ แต่เมื่อได้ยินวาจาของนฤเบศวร์แล้ว เธอก็ถอนหายใจในใจ
เห็นแก่ความจริงใจและไม่สนใจสิ่งใดของนฤเบศวร์ เธอจะมองดูอยู่เฉยๆแล้วกัน
ก่อนจะพบเรื่องดีๆ มักจะพานพบอุปสรรคมากมาย
นฤเบศวร์กับเพื่อนสนิทสองคนต้องพบเจอกับอุปสรรคต่างๆ ถึงจะสามารถเดินไปถึงจุดหมายได้ แบบนั้นนฤเบศวร์ก็จะรักและทะนุถนอมเพื่อนสนิทเป็นพิเศษ
เทวิกาลากไม้กวาดไปวางไว้ที่เดิม
ตอนนี้ภายในร้านไม่มีลูกค้า เธอมองบัณฑิตาที่มีสีหน้าย่ำแย่สุดขีด ไม่รู้ว่าบัณฑิตาโมโหมากหรือถูกคำขู่ของนฤเบศวร์ทำให้ตกใจ เทวิกาสั่งสาวพนักงาน “รินน้ำเปล่าให้คุณบัณฑิตาแก้วหนึ่ง”
สาวพนักงานตอบค่ะ
และไปช่วยรินน้ำเปล่าให้บัณฑิตาแก้วหนึ่ง
บัณฑิตานั่งลงที่โต๊ะตรงหน้าอย่างอึ้งๆ สาวพนักงานยื่นน้ำเปล่าให้เธอแล้ว เธอก็ไม่รังเกียจอีก ดื่มไปหลายอึกตามสัญชาตญาณ ด้วยท่าทางนิ่งอึ้ง สีหน้ายังคงย่ำแย่เช่นเคย
เธออยากจะจากไปเดี๋ยวนี้
แต่ก็อยากรู้ว่าลูกชายจะกล่อมกนกอรกลับมา ให้เธอไปงานเลี้ยงเข้าสังคมเป็นเพื่อนเขาต่อไปได้หรือไม่
ลูกชายพูดว่า ถ้าเขากล่อมกนกอรกลับมาไม่ได้ พรุ่งนี้เขาจะไปลาออกจากตำแหน่งประธานRA กรุ๊ป
บัณฑิตามีลูกชายสองคน แต่เป็นเพราะลูกชายคนเล็กไม่ใช่คนโต จึงไม่มีแรงกดดันให้รับช่วงดูแลกิจการครอบครัว ได้ทำเรื่องที่เขาชอบ ถ้านฤเบศวร์ลาออกจากตำแหน่งประธานRA กรุ๊ป บริษัทจะต้องมีคริษฐ์รับช่วงต่อแน่นอน