คุณสามีพันล้าน - บทที่ 434 จูบหนึ่ง
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 434 จูบหนึ่ง
กนกอรตะลึงค้าง
เธอเบิกตากว้างมองดวงหน้าหล่อเหลาที่อยู่ใกล้มาก
นฤเบศวร์ถอนริมฝีปากออกอย่างรวดเร็ว กระซิบเสียงอ่อนโยนข้างหูเธอเบาๆ “อร หลับตา”
กนกอรสบตากับเขาครู่หนึ่งแล้วหลับตาลงอย่างเชื่อฟัง
นฤเบศวร์ดีใจ และได้รับขวัญกำลังใจ จึงปิดปากเธออีกครั้ง
แม้จะบอกว่าแต่ก่อนเขาแอบจูบเธอ แต่ตอนนั้นไม่มีสติ แทบจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจูบเธอ ไม่แน่ว่าเธอคงจะนึกว่าเธอกำลังฝันอยู่
ตอนที่มีสติ ตอนนี้เธอยินยอมพร้อมใจให้เขาจูบเธอ
แรกเริ่มนฤเบศวร์เร่งรีบ และเอาใจแต่มาก แต่ในไม่ช้า เขาก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยน กลัวว่าความเร่งรีบของตัวเอง จะทิ้งภาพความทรงจำผีที่หิวโหยไว้ให้เธอ
สวรรค์เห็นแล้วสงสาร เขาใกล้จะสามสิบแล้ว ยังเป็นผู้ชายบริสุทธิ์อยู่เลย เรื่องระหว่างชายหญิง แม้ว่าเขาจะรู้ แต่กลับไม่เคยมีประสบการณ์จริง
หลังจากจูบลึกซึ้งจบลง กนกอรก็ผลักเขาออกทันที
นฤเบศวร์อยากจะจูบอีกครั้ง แต่กลับถูกเธอผลักออก
“อร”
เสียงของเขาแหบพร่า เปี่ยมไปด้วยความปรารถนาที่ไม่ได้รับการปลดปล่อย
“คุณยังจะไปงานเลี้ยงเข้าสังคมมั้ย ถ้าจะไปก็ไปเถอะ”
กนกอรมองตำหนิเขาแวบหนึ่ง แล้วเบนสายตาออกไป จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น พร้อมกับลากเขาออกไป โดยไม่รอเขาตอบรับ
แม้ว่านฤเบศวร์จะเสียใจที่ไม่ได้จูบอีกครั้ง แต่เมื่อเกิดเรื่องดีๆขึ้น หลังจากปัญหาผ่านไป เขาก็ยังคงดีใจมาก
ทั้งสองคนนับว่ามีความก้าวหน้าเล็กน้อย เขาสามารถจูบผู้หญิงของเขาเหมือนกับคู่รักปกติได้แล้ว
เห็นสองคนจูงมือกันออกมา สายตาของเทวิกาก็มองร่างของเพื่อนสนิทกลับไปกลับมา
กนกอรร้อนตัว อดบ่นเพื่อนสนิทไม่ได้ว่า “วิกา เธอมองฉันแบบนี้ทำไม พวกเราสองคนไม่ได้ทำอะไรกันสักหน่อย”
เทวิกาเป็นคนที่เคยผ่านมาก่อน สุดท้ายสายตาของเธอก็หยุดอยู่ที่ริมฝีปากของเพื่อนสนิท เมื่อได้ยินคำพูดของเพื่อนสนิท เธอก็ยิ้มคลุมเครือ พลางเอ่ยว่า “ฉันยังไม่ได้พูดเลยว่าพวกเธอทำอะไรกัน หรือว่าพวกเธอทำอะไรกันจริงๆ รีบร้อนอธิบายขนาดนี้ ให้ความรู้สึกว่าอยากปกปิดซ่อนเร้น แต่สุดท้ายกลายเป็นเปิดเผยนะ”
“มีที่ไหนกัน พวกเราไม่ได้ทำอะไรกันเลย”
ดวงหน้ากนกอรย้อมไปด้วยริ้วแดง
ก็แค่จูบปากกันเอง เธอจะหน้าแดงไปทำไมกัน
เห็นเธอหน้าแดงอย่างหลุดการควบคุม อย่าพูดเลยว่าคนที่เคยผ่านมาอย่างเทวิกาจะมองออก กระทั่งสาวพนักงานที่ยังไม่ได้แต่งงานก็พอจะเดาได้บางส่วน มองหน้าเธอยิ้มๆ แต่สายตากลับเต็มไปด้วยนัยยะ
กนกอร : “…”
คำพูดเธอยิ่งพูดก็ยิ่งแย่
“เทวิกา ผมพากนกอรไปก่อนนะ รองานเลี้ยงเข้าสังคมจบ ผมจะส่งเธอกลับมา ส่วนร้านก็ต้องฝากคุณแล้วล่ะ”
นฤเบศวร์เอ่ยเสียงทุ้มนุ่ม เขาสุขุมกว่ากนกอร หน้าไม่แดง ลมหายใจไม่กระชั้น แสดงท่าทีว่าไม่มีเรื่องอะไรจริงๆออกมา
เทวิกากลับมองออกจากมุมปากของเขาที่โค้งขึ้นเล็กน้อย ตอนนี้เขาดีใจจนอยากจะเต้นรำเลยทีเดียว
“คุณเบศวร์ ดูแลกนกอรให้มากหน่อย อย่าให้เธอดื่มจนเมา”
เทวิกาตั้งใจเอ่ยประโยคนี้
นฤเบศวร์นัยน์ตาเป็นประกายวูบ
กนกอรเคยบอกกับเขาว่าเธอคออ่อน ตอนนี้เทวิกาก็ตั้งใจเน้นย้ำกับเขา เขาพลันอยากรู้ว่า กนกอรเมาแล้วจะเป็นยังไง
แต่ปากกลับรับคำ “วางใจเถอะ ผมจะดูแลกนกอรให้ดี”
เขาที่จูงมือกนกอรพยักหน้าให้เทวิกาแล้ว ก็เดินออกไปข้างนอก ขณะที่เดินผ่านหน้ามารดา นฤเบศวร์ก็หยุด นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก็เอ่ยกับมารดาว่า “คุณแม่ครับ เรื่องในคืนนี้ อย่าให้มีอีกนะครับ! ผมนัดลูกค้าคนสำคัญไว้ ต้องไปก่อน คุณพ่อจะมารับคุณแม่ในเร็วๆนี้แล้ว”
กนกอรรอเขาพูดจบ ก็พูดกับบัณฑิตาว่า “คุณป้า ไม่ว่าคุณป้าจะชอบหนูหรือไม่ หนูก็ต้องเน้นย้ำเรื่องนี้ นฤเบศวร์กับเปรมากลายเป็นอดีตไปแล้ว หนูก็ไม่ได้แคร์อดีตของเขา ขอแค่ตอนนี้และในอนาคตเขาชอบหนูก็พอ”
“คุณป้าไม่ชอบหนูก็คือไม่ชอบ หนูก็ไม่สามารถฝืนให้คุณป้ายอมรับหนูได้ ชอบหนูได้ แต่ขอให้คุณป้าเคารพการเลือกของนฤเบศวร์หน่อยนะคะ เขาเป็นผู้ใหญ่ มีความคิดเป็นของตัวเอง เขารู้ว่าเขาต้องการอะไร”
“อย่าเอาสิ่งที่คุณป้าคิดว่าดีที่สุดมาฝืนบังคับให้เขา ต้องถามเขาด้วยว่าต้องการหรือไม่ แน่นอน หนูก็หวังว่าจะมีวันหนึ่งที่คุณป้าสามารถยอมรับในตัวหนูได้ หนูจะใช้การกระทำมาพิสูจน์ว่า การที่นฤเบศวร์เลือกหนู จะทำให้เขามีความสุขค่ะ”
บัณฑิตาหน้าตึงไม่พูดไม่จา
นฤเบศวร์มองมารดาครู่หนึ่ง สุดท้ายก็จูง กนกอร ออกไป โดยไม่พูดอะไรอีก
บัณฑิตาอ้าปากคิดจะเรียกเขาเอาไว้ แต่กลับส่งเสียงไม่ออกเลยสักนิด ได้แต่มองเขาจูงกนกอรออกไปแบบนั้น
มองแผ่นหลังของทั้งสองคนแล้วเหมาะสมกันมาก
วิจารณ์กันด้วยจิตใจที่สงบ กนกอรก็ไม่มีอะไรที่ไม่ดีเป็นพิเศษ แม้ตระกูลภูสิทธ์อุดมจะรวยสู้ตระกูลเดชอุปไม่ได้ แต่ก็เป็นครอบครัวที่ขาวสะอาด คนทั้งครอบครัวล้วนพยายามที่จะใช้ชีวิต ไม่ใช่คนชอบตีสนิทผู้มีอำนาจ มีเทวิกาอยู่ ก็มากพอให้พวกเขาตีสนิทแล้ว จำเป็นต้องตีสนิทตระกูลเดชอุปของพวกเขาด้วยหรอ
ตอนแรกที่ทั้งสองคนแต่งงาน ก็เป็นคุณปู่เร็นที่บังคับ
กนกอรจดทะเบียนแต่งงานกับนฤเบศวร์เพราะจะคืนหนี้น้ำใจ และไม่เคยบอกกับคนข้างนอกว่าเธอมีฐานะเป็นตระกูลเดชอุปคุณนายน้อย
บัณฑิตาไม่ค่อยรู้เรื่องเล็กๆน้อยๆของลูกชายกับกนกอรมากนัก แต่เธอรู้ว่าลูกชายตัวเองเป็นฝ่ายทนไม่ได้ เอ่ยถึงความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาของเขากับกนกอรออกมาก่อน
จนกระทั่งรถของนฤเบศวร์ขับออกไปจนมองไม่เห็นแล้ว บัณฑิตาถึงได้ถอนสายตากลับมา และเดินไปนั่งลงที่หน้าโต๊ะตัวหนึ่ง
สาวพนักงานมองไปทางเทวิกา
เทวิกาหมุนตัวเดินเข้าไปหยิบขนมหวานสองสามอย่าง วางลงบนจานงดงามหนึ่งใบ แล้วยกออกไปวางลงตรงหน้าบัณฑิตา
“คุณบัณฑิตารอสามีคุณมารับสินะคะ รอเฉยๆนั้นน่าเบื่อ ไม่สู้ลองชิมขนมในร้านฉันดู จะว่าไป คุณก็มาที่ร้านฉันสองครั้งแล้ว แต่ยังไม่ได้ชิมขนมหวานกับกาแฟอย่างจริงจังเลย ตอนนี้ดึกแล้ว เกรงว่าจะกระทบกับการนอนของคุณ ฉันคงไม่เสิร์ฟกาแฟให้คุณแล้ว”
บัณฑิตามองเทวิกาครู่หนึ่ง ถึงได้เอ่ยว่า “ขอบคุณ”
“ไม่ต้องเกรงใจค่ะ ฉันจะเก็บเงิน”
บัณฑิตา : “…”
เธอมองจานขนมหวาน สุดท้ายก็ยื่นมือออกไปหยิบชิ้นหนึ่งใส่ปากลองชิม
หลังจากชิมไปชิ้นหนึ่ง เธอก็ชิมอีกชิ้นหนึ่ง
ขนมหวานไม่เลว ไม่ด้อยไปกว่าอาจารย์ที่ทำขนมหวานตระกูลเดชอุปของพวกเขาเลย
“กนกอรถือหุ้นร้านนี้เท่าไร”
บัณฑิตาพลันถาม
เทวิกาครุ่นคิดแล้วตอบว่า “ตอนนี้ฉันมีเวลาจัดการดูแลร้านนี้น้อยมาก โดยพื้นฐานมีกนกอรเป็นคนรับผิดชอบ ฉันเป็นฝ่ายมอบหุ้นให้ คิดจะมอบทั้งหมดให้กนกอร แต่กนกอรคนนี้มีน้ำใจต่อมิตรสหาย และไม่โลภ เธอบอกว่าฉันกับเธอสร้างร้านนี้ขึ้นมาด้วยกันพวกเราล้วนทุ่มเทกำลังสมองและกำลังกายให้กับร้านนี้มาก”
“แม้ว่าฉันจะยอมให้กำไรด้วยความสมัครใจ เธอก็ไม่ยอมรับ ภายใต้การขอร้องครั้งแล้วครั้งเล่าของฉัน เธอยอมรับหุ้นแค่หกส่วน และให้ฉันสี่ส่วน ตอนนี้ร้านของพวกเราค้าขายได้ดีมาก และเตรียมจะขยายร้านแล้ว หลังจากนี้ก็จะมีร้านสาขาอีกมากมาย”
“รองานแต่งงานของกษิดิผ่านไป ฉันก็จะกลับไปเมืองซูเพร่า และไม่มีทางกลับมาเมืองแอคเซสซ์ภายในระยะเวลาสั้นๆ คงต้องฝาก One Day In Coffeeไว้ที่กนกอร ฉันก็เชื่อว่ากนกอรสามารถทำให้One Day In Coffeeดีขึ้นเรื่อยๆ เจริญรุ่งเรืองเหมือนกับดวงอาทิตย์กลางท้องฟ้า
แม้ว่าบัณฑิตาจะไม่ฉลาด แต่เทวิกาพูดแบบนี้ เธอก็ยังเข้าใจความหมายของเทวิกา
เทวิกากลับเมืองซูเพร่าแล้ว โดยพื้นฐาน One Day In Coffee ก็เป็นของกนกอรแล้ว