คุณสามีพันล้าน - บทที่ 465 หยั่งเชิง
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 465 หยั่งเชิง
แก๊งอันธพาลและผู้หญิงชื่อเค้กคนนั้นที่คอยจับตากนกอร พวกมันเป็นคนต๊อกต๋อยทั่วไปที่พี่นอร์ทใช้เงินซื้อมา แถมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหัวหน้าใหญ่ที่รับมาอีกทอดของพี่นอร์ทคือใครกันแน่
กนกอรหน้าถอดสี จนบีบมือของเทวิกาไว้แน่น
“วิกา คงไม่ได้เกิดเรื่องอันตรายขึ้นกับแบตบอสใช่ปะ?”
เทวิการีบพูดปลอบใจเธอ “ไม่หรอก คนนั้นของแกชอบหน้าใหญ่ใจโตแตะท่าทะนงตัว นอกจากอยู่กับแกก็ไม่อยากให้คนอื่นมาเป็นก้างขวางคอ ส่วนเวลาที่เหลือ พอเดินไปไหนก็จะมีบอดี้การ์ดคอยล้อมหน้าล้อมหลังอยู่ตลอดเวลา”
“สถานะ หน้าที่การงานของเขา จึงทำให้ตระกูลเลิศธนโยธาไม่กล้าวู่วามแตะต้องเขา พลอยไพลินปวดหัวกับเขา จึงคิดอยากลงมือกับแกเพื่อให้เขาเสียใจ โดยที่ไม่อยากพุ่งเป้ามาที่ตัวเขาโดยตรง”
“งั้นทำไมหลายวันมานี้เขามามาที่นี่ล่ะ? ปกติแล้วเขาชอบทำตัวติดเป็นตังเม แถมยังทำตัวติดกับฉันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ไม่ได้มาหลายวัน ต้องแอบไปทำเรื่องอันตรายมาบ้างแล้วปิดบังฉันแน่นอน”
เทวิกา “…”
เธอไม่รู้จริงๆ ว่าหลายวันมานี้นฤเบศวร์ไปยุ่งอยู่กับอะไร
“ถ้าแกเป็นห่วงจริงๆ ก็โทรไปถามเขาตอนนี้เลยว่ากำลังทำอะไรอยู่”
กนกอรรีบโทรศัพท์หานฤเบศวร์ทันที
พักใหญ่นฤเบศวร์ถึงยอมรับโทรศัพท์
“แบตบอส นี่นายกำลังยุ่งอะไรอยู่เนี่ย?”
นฤเบศวร์พูดอย่างติดตลก “อรครับ ทำไมอยู่ดีๆ เรียกผมแบตบอส อีกล่ะ ผมเพิ่งจะนอนเอง ก็โดนคุณโทรมาปลุก ผมไม่ได้นอนหลับสนิทมาหลายวันแล้ว ง่วงมาก”
“นายยุ่งอยู่กับเรื่องอะไรล่ะ? ไม่ได้เห็นหน้ามาหลายวัน เรื่องอะไรถึงทำให้นายข่มตานอนไม่หลับอยู่หลายวัน?”
เสียงของกนกอรผ่อนคลายลงอย่างไม่รู้ตัว
เทวิกาลุกขึ้นเพื่อขอปลีกตัวออก
เธอเดินมานั่งลงด้านหน้ากัญณิศา
กัญณิศาเห็นว่าเธอเดินมา จึงวางถ้วยกาแฟที่ถืออยู่ในมือตลอดเวลาลงทันที พลางใช้แววตาอันอ่อนโยนจ้องมองมาทางเทวิกา
“ณิศา”
“อื้อ”
ขนาดฟัง โทนเสียงยังอ่อนโยน ราวกับสายลัดฤดูใบไม้ผลิอันอ่อนโยนพัดผ่าน
วิกาชอบฟังเวลาที่ณิศาเอื้อนเอ่ยออกมามากจริงๆ พอฟังเรื่อยๆ ก็รู้สึกสบายจนทำให้เธอเริ่มสัปหงก
เป็นครั้งแรกที่เธอรู้ถึงระดับความอ่อนโยนของผู้หญิงคนหนึ่ง เมื่อเอามาเปรียบกับมารดาของเธอกับเหนือชั้นขึ้นไปจนเทียบไม่ติดเลย
“เธอช่างสวยมากจริงๆ!”
ณิศายิ้มอบอุ่นราวสายลมอุ่นต้นฤดูใบไม้ผลิ เธอหน้าตาสะสวยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดวงตาสดใสอันมีเสน่ห์ตรึงใจ ช่วงเวลายิ้มอย่างอ่อนโยน วิกามองจนเหม่อตาลอย พลางยื่นมือสองมือออกมา สัมผัสใบหน้าของณิศาอย่างแผ่วเบาอย่างอดใจไม่ไหว พลันพูดทันที “ณิศา เธออย่ายิ้มอีกนะ ขืนยิ้มหวานอีก ฉันจะศิโรราบเกาะขาเกาะเท้าแก และจะแย่งแกจากว่าที่สามีของแกทันที”
เธอตั้งใจจะจับคู่ณิศากับพี่ชายแท้ๆ จากใจจริง และจะแย่งผู้หญิงกับพี่ชายแท้ๆ เนี่ยนะ!
“วิกาก็ไม่ได้หน้าตาขี้เหร่นี่ เธอเองก็สวยมาก”
ณิศาจับมือเทวิกาอย่างแผ่วเบา
เทวิกาพลิกมือเพื่อคว้ามือของเธอแทน ราวกับการชื่นชมหยกชิ้นงามเฉกเช่นนั้น อ่อนโยน โลภ คอยลูบคล้ำมือของณิศาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ความนวลเนียนละเอียดลออ มองไม่ออกจริงๆ ว่าเธอคือคนที่ร่ำเรียนวิทยายุทธ์มา
ว่ากันว่ามือของพวกนักต่อสู้มีแรงมาก ฝ่ามือจะด้านและเปลี่ยนเป็นหยาบกร้าน แต่มือทั้งสองข้างกับนุ่มนวลขาวเนียน ดูแลได้เป็นอย่างดีมาก มองไม่ออกสักนิด
ดวงตาสุกสกาวของณิศา ยิ้มพลางพูดออกมา “วิกา ฉันกลัวจริงๆ ถ้าจู่ๆคุณยศพัฒน์ปรากฏตัวขึ้น แล้วเห็นแกในตอนนี้ เขาจะตัดมือของฉันทิ้งนะสิ”
“ไม่เป็นไรน่า ถ้าเขาตัดมือแกทิ้ง ฉันจะช่วยรักษาแทนแกให้ดี แถมยังชื่นชมได้ทุกวันด้วย”
ณิศา : “……”
“เฮ้ย ไม่ใช่นะ ฉันพูดหมายความว่า ฉันจะไม่ให้พัฒน์แตะต้องนิ้วของแกสักนิ้วแน่นอน”
เทวิกาหดมือของตนเองกลับอย่างเขินอาย เมื่อครู่เธอเหมือนคนเจ้าชู้ใช่มั้ยเนี่ย
“ณิศา แกมีเรื่องในใจอยู่ใช่มั้ย? เมื่อกี้เห็นว่าแกนั่งมองนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอยอยู่ตลอด คิดอะไรอยู่เหรอ?”
กัญณิศาหัวเราะ “ไม่มีนะ ฉันชอบมองผู้คนอย่างเงียบๆ หลังจากกลับบ้านแล้ว พลันคิดอะไรออกทันที จึงวาดสิ่งที่เห็นเป็นรูปทันที”
“ฉันได้ยินพี่ชายคนโตของฉันพูดว่าแกชอบวาดรูปมาก ภาพที่แกวาดมาต้องดีมากแน่ๆ พี่รองฉันก็ชอบวาดภาพมาก คราวที่แล้วเขาถูกผู้หญิงคนหนึ่งช่วยเหลือครั้งใหญ่ แต่ไม่รู้ว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นหน้าตาเป็นแบบไหน แม้จะเป็นไปแบบนั้น เขาก็อาศัยความบังเอิญจากการเจอหน้าเพียงครั้งเดียววาดรูปเด็กสาวคนนั้นออกมา”
“วาดได้สวยมากจริงๆ ราวกับการถ่ายรูปมาเฉกเช่นนั้น”
ต่อหน้ากัญณิศา เทวิกาเยินยอพี่ชาย ในทางกลับกันเธอไม่ได้สร้างภาพสวยหรูให้พี่ชาย
พี่ชายของเธอยอดเยี่ยมมากรอบด้านจริงๆ
เพียงแต่ไม่ได้สนใจผู้หญิงแค่นั้นเอง
โชคยังดี พี่ชายแท้ๆ ก็ไม่ได้สนใจผู้ชายเช่นเดียวกัน
น่าจะเนื้อคู่ยังไม่เกิดมั้ง
ดวงตางดงามอันสดใสของณิศา แววตาสงบเสงี่ยม พลันพูดออกมา “เหรอ? คิดไม่ถึงคนที่แสนเย็นชาของพี่รองของแกประเภทนั้น วาดรูปได้ดีมาก เอาไว้คราวหน้า ไม่รู้ว่ามีโอกาสจะขอคำแนะนำจากพี่รองของแกได้มั้ย”
“ได้สิ เธออยากจะขอคำแนะนำอะไรจากพี่รองของฉันก็ได้หมดแหละ ฉันจะจัดการให้แกเอง”
ณิศายิ้มพลางกล่าวออกมา “คุณประยสย์งานยุ่งมาก อยู่ไกลจากเมืองซูเพร่ามาก วิกา แกก็อย่าไปรบกวนเขาเลย ที่ฉันวาดรูปก็เพื่อฆ่าเวลา เวลาของคุณประยสย์ราวกับเงินทอง ฉันทำให้เขาเสียเวลาไปหนึ่งนาที ก็รู้สึกเกรงใจมากพอแล้ว”
“ใช่สิ วิกา หลังจากพี่รองของแกวาดรูปเด็กสาวคนนั้นแล้ว แล้วให้คนไปตามหาใช่มั้ย? เจอตัวหรือเปล่า? ฉันขอนินทาหน่อย นิสัยพี่ชายคนรองของแกเย็นชามาก เด็กสาวคนที่ทำให้เขายอมวาดรูปด้วยตัวเอง ต้องพิเศษมากๆ แน่”
ณิศาแสดงท่าทางซุบซิบนินทา
“พี่ชายฉันฟังคำแนะนำจากคุณเบศวร์ เชิญสำนักงานนักสืบXX ช่วยเขาตามหาเด็กผู้สาวคนนั้น แต่ตอนนี้ไร้ข่าวคราว คุณเบศวร์พูดว่าสำนักงานนักสืบนั้นไม่เลวเลย ความคิดของฉันนะ ก็งั้นๆ นานป่านนี้แล้ว ไม่มีวี่แววให้พี่ฉันชายสักนิดเลย”
กัญณิศา:……
นี่ความสามารถของเธอโดนตั้งคำถามแล้วสิ!
“พูดจริงนะ หลังจากที่ฉันได้เห็นรูปที่พี่ชายฉันวาดแล้ว รู้สึกว่ารูปร่างของผู้หญิงลึกลับคนนั้นมันคุ้นตามาก ฉันอาจจะเคยเห็นนางก็ได้”
กัญณิศา:……
ไม่นะ เธอรู้จักมักจี่กับวิกาเพิ่งไม่นานนี้อีก ปรากฏว่าวิกาพูดว่ารูปร่างของเธอในภาพวาดนั้นคุ้นตามากงั้นเหรอ?
“งั้นแกคิดว่าเธอเป็นใคร?”
ณิศายังคงสอบถามด้วยความอยากรู้
ตอนที่วิกาพูดคำพูดเหล่านี้ออกมา ก็ยังจับสังเกตถึงแววตาของกัญณิศา จึงเห็นแววตาณิศายังปกติพลางแสดงเรื่องนินทาตามเดิม พลันพูดสบประมาทในใจ: วิทยายุทธ์ของณิศาลึกล้ำมาก หรือว่าเธอสงสัยผิดคน?
“คิดไม่ออกแหละ ถ้าฉันคิดออก พี่ชายรองของฉันก็ไม่ต้องใช้เงินมากมายเพื่อฝากฝังให้สำนักงานนักสืบXX ช่วยตามหาหรอก จ่ายเงินไปตั้งเยอะ แค่เงินมัดจำก็หลายแสน แต่ทางสำนักงานนักสืบXX เอาเงินไปแต่ก็ไม่ได้ทำงาน น่าจะทำงานไม่เก่ง แถมไม่รู้ว่าชื่อเสียงอันโด่งดังของสำนักงานนักสืบของพวกเขาได้มายังไง ต้องขี้โม้มาแน่ๆ”
กัญณิศา:……
เธอคิดเงินโดยการตรวจสอบประวัติที่มาที่ไปของคน งานของประยสย์ ลูกน้องเธอรับไว้ ถ้าเป็นเธอไม่รับงานของประยสย์แน่นอน
อีกอย่างเงินมัดจำหลายแสน ประยสย์เป็นคนเสนอมาก่อน
ลูกน้องของเธอพูดว่า ประยสย์ออกคำสั่งเอง จ่ายเงินทันที แทบไม่ให้โอกาสที่พวกเขาสามารถปฏิเสธ ไม่แถมยังไม่ต่อรองราคาสักนิด
อย่างไรก็ตาม ประยสย์แสดงท่าทางเจ้านายหัวแข็งอย่างเต็มเหนี่ยว
“ณิศา แกเคยได้ยินสำนักงานนักสืบXXบ้างมั้ย? ฉันล่ะสงสัยในชื่อเสียงของพวกเขาจริงๆ ว่าเอาเงินไปซื้อมาหรือเปล่า หรือไม่ก็เป็นพวกแสดงละครตบตาให้คนดู พวกหลอกลวง ทำให้คนรู้สึกว่าพวกเขาเก่งมาก”