คุณสามีพันล้าน - บทที่ 471 วิกามาแล้ว
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 471 วิกามาแล้ว
เขาที่เป็นถึงนายน้อยของตระกูลสาระทา แต่ในปากของน้องสาวของเขา เขากลับเป็นสินค้าที่ขายไม่ดี!
“พัฒน์อยู่ไหม?”
ประยสย์ถาม
“อยู่สิ พี่ตามหาเขาอยู่เหรอ เดี๋ยวฉันจะให้เขามารับสายนะ”
เทวิกาส่งโทรศัพท์ให้สามีทันที
ยศพัฒน์หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วตอบพี่ชายของภรรยาที่อยู่อีกฝั่งของโทรศัพท์
ประยสย์บ่นกับเขาทันที: “ความจอมเผด็จการและจิตใจคับแคบของนายล่ะ ฉันคุยโทรศัพท์กับวิกาตั้งนาน แต่นายไม่โกรธ ไม่เอาโทรศัพท์ไป และไม่วางสาย ทำให้ฉันถูกวิกาหยอกล้อ จนหมดความเกรงขามของพี่ชายต่อหน้าเธอเลย”
ยศพัฒน์: ……
เขาอยู่เฉยๆยังโดนบ่นเลย
ถ้าเขาจอมเผด็จการขี้หึงหวง พี่ชายของภรรยาก็จะบอกว่าเขาจิตใจคับแคบ แม้แต่พี่ชายของภรรยาก็ยังหึงหวง
และถ้าเขาใจกว้าง พี่ชายของภรรยาก็จะตำหนิเขาเช่นกัน
เขากลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆ
ประยสย์ยังคงอยากจะบ่นต่อ แต่ยศพัฒน์วางสายโทรศัพท์ไปซะก่อน
ตามที่เขาต้องการ!
“พัฒน์ พัฒน์ ฉันยังพูดไม่จบเลยนายก็ว่าสายฉันไปซะแล้ว จริงๆเลย ตอนฉันอยากให้นายวางสายนายไม่วายสาย แต่ตอนไม่อยากให้นายวางสายนายกลับวางสายเร็วกว่าใครๆ”
ประยสย์บ่นสองสามคำ แต่ก็ไม่ได้โทรไปหาอีก
เพราะถ้ายังคุยต่อไปก็เกรงว่าจะถูกน้องสาวโกรธเอา
วางโทรศัพท์กลับเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ประยสย์ยืนอยู่หน้ากระจก แล้วรู้สึกว่าตัวเองยังสูงและหล่อเหลา เขาหันหลังเดินออกจากห้องด้วยความพึงพอใจ
หลังจากเจอปู่กับย่า ประยสย์กล่าวทักทายกับปู่ย่าด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบ
“ยสย์ออกไปแต่เช้าเลยเหรอ”
หญิงชราถามด้วยความรักและเมตตา
ประยสย์พูดอย่างเฉยเมย: “อาสะใภ้สามมักบอกว่ารองประธานอย่างฉันคนนี้ขี้เกียจ ไม่เก่งเท่าเจนสัน ฉันเลยต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองบ้าง ไม่งั้นอาสะใภ้สามต้องบ่นฉันเสมอแน่”
หญิงชราสำลัก
เจนสันถูกย้ายไปที่สำนักงานสาขาแล้ว และอาจเป็นเรื่องยากมากที่จะกลับมาที่สำนักงานใหญ่
ซึ่งทั้งหมดนี้ต่างเป็นฝีมือของหลานคนนี้
และแม้ว่าที่เจนสันถูกย้ายจากสำนักงานใหญ่ไปที่สาขานั้นประยสย์จะเป็นคนออกหน้า แต่คนของตระกูลสาระทารู้ดีว่าประยสย์เป็นคนจับผิดเจนสัน และต้องการขับไล่เจนสันออกจากสำนักงานใหญ่ของโอเอ กรุ๊ป
หลานชายคนโตคนนี้เป็นคนเย็นชา และไม่เห็นถึงความสัมพันธ์ของพี่น้องเลย
“เมื่อวานพ่อฉันดื่มเหล้าและเมานิดหน่อย ฉันจะไปดูพ่อก่อนล่ะ”
ประยสย์ไม่มีอะไรจะพูดกับปู่กับย่า
แม้ว่าพวกเขาจะแสดงความรักและเมตตาต่อเขาเสมอ แต่มันก็เป็นความเมตตาจอมปลอม
หลายปีมานี้ พวกเขาต่างลำเอียงช่วยเหลืออาสามโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ และลำเอียงเจนสัน อยากให้เจนสันมาเป็นนายน้อยแทนเขา ซึ่งเขารู้ดีอยู่ในใจ
ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพ่อไม่ค่อยดีนัก ก็เพราะมีย่าคอยหนุนคลื่นลมให้สูง
ปู่ไม่ได้ขัดขวางแต่เขาก็ไม่ได้ห้ามเช่นกัน ดังนั้น…… เขาก็ไม่อยากเข้าใกล้ปู่ย่ามากเกินไป
ก่อนที่จะหาน้องสาวเจอ ประยสย์ก็เป็นคนนอกรีตในคฤหัสน์สาระทา มีญาติพี่น้องมากมาย แต่ยิ่งกว่าคนแปลกหน้าซะอีก
เมื่อเห็นประยสย์เดินผ่านพวกเขาและจากไปในไม่ช้า หญิงชราก็ถอนหายใจและพูดกับสามีว่า: “ดูหลานชายคนโตของคุณสิ เขาปฎิบัติต่อเรายังไง”
หลังจากที่ชายชราเงียบ เขาก็กล่าวขึ้นว่า: “ใจแลกใจ”
หญิงชราอ้าปากค้างและในที่สุดก็พูดอะไรไม่ออก
ผิดไปแล้วก็คือผิดไปแล้ว
พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์
ถึงตอนนี้รู้ว่าผิดไปแล้วและต้องการชดเชย ก็ต้องดูว่าหลานชายให้โอกาสพวกเขาชดเชยหรือเปล่า
ประยสย์ไปที่ห้องแม่ของเขา
เมื่อต้องการเปิดประตูก็พบว่าเปิดไม่ออก จึงจำได้ว่าเมื่อคืนเขาล็อกและปิดประตูแล้ว
แต่โชคดีที่เขามีกุญแจห้องแม่อยู่
ประยสย์ใช้กุญแจเปิดประตูเข้าไปและเห็นว่าพ่อของเขายังคงหลับสนิทอยู่บนเตียง กอดหมอนที่แม่ของเขาเคยนอนไว้แน่น
ประยสย์เข้าไปใกล้ ยืนอยู่หน้าเตียงครู่หนึ่ง ก้มลงและพยายามเอาหมอนออก ใครจะรู้ว่าแม้พ่อของเขายังไม่ตื่น แต่เขากลับกอดหมอนไว้แน่นจนเขาไม่สามารถเอามันออกไปได้
“ถ้าเก่งจริงก็ไปกอดแม่สิ กอดหมอนของแม่นับประสาอะไร”
ประยสย์พึมพำเบาๆ
แทนที่จะปลุกพ่อของเขา เขาทิ้งโน้ตถึงพ่อของเขาไว้ วันนี้เขาจะบินไปเมืองแอคเซสซ์เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ และจะพาน้องสาวของเขากลับมาหลังจากไปร่วมงานแต่งงานของลูกคนที่สองของตระกูลอริยชัยกุล
ส่วนภาระของโอเอ กรุ๊ปก็ทิ้งไว้ให้พ่อของเขา
แต่ในตอนท้ายของโน้ต เขาเขียนประโยคเพิ่มเติมว่า: ดูแลตัวเองด้วย
ถือซะว่าเป็นความห่วงใยของลูกชายที่มีต่อพ่อ
หลังจากออกจากห้อง ประยสย์ก็ล็อคและปิดประตู
หลังจากทำแบบนี้แล้วเขาก็ออกไป
ขึ้นเครื่องบินส่วนตัวที่เตรียมไว้เมื่อนานมาแล้ว บินไปยังเมืองแอคเซสซ์และส่งเงินสดไปให้ผู้ช่วยชีวิตของเขา
เทวิกาที่อยู่ห่างไกลในเมืองแอคเซสซ์ หลังจากลาออกที่บริษัทก็ไปที่บ้านตระกูลนนท์สัจทัศน์เลย
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาบ้านตระกูลนนท์สัจทัศน์
กิติยาได้ออกจากบ้านไปนานแล้ว ในบ้านจึงมีคนรับใช้เพียงไม่กี่คนและกัญณิศาที่ยังนอนหลับอยู่
หลังจากกัญณิศาไปเยี่ยมประยสย์เมื่อคืน เธอก็รีบกลับจากเมืองซูเพร่าทันที จึงไม่โดนพี่สาวจับได้
ทันทีที่เธอกลับถึงบ้าน เธอก็เปลี่ยนเสื้อผ้า ซ่อนหน้ากากสีเงินไว้ ขึ้นเตียงและหลับไป เช้านี้จึงไม่ได้ทานอาหารเช้ากับพี่สาว
จู่ๆเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น กัญณิศาอยากจะด่าคนจริงๆ แต่เธอเป็นคนอารมณ์ดีและอ่อนโยนในสายตาคนอื่นเสมอ ดังนั้นเธอจึงดุด่าคนอื่นไม่ได้
เธอทำได้เพียงลุกขึ้นไปเปิดประตู
“คุณหนูรอง คุณนายน้อยอริยชัยกุลมาแล้วคะ”
คนใช้ที่มาเคาะประตูรู้สึกประหลาดใจ
ที่ผ่านมา คุณหนูรองตื่นเช้ากว่าคุณหนูใหญ่ เพราะคุณหนูรองชอบทำอาหารและเตรียมอาหารเช้าให้คุณหนูใหญ่เสมอ ดังนั้นจึงตื่นเร็วกว่าคุณหนูใหญ่
แต่วันนี้กลับนอนจนพระอาทิตย์ขึ้นแล้วก็ยังไม่ตื่น
คุณหนูใหญ่โทรมาถามถึงสองครั้งแล้ว เป็นห่วงว่าคุณหนูรองจะไม่สบาย
และบังเอิญที่คุณนายน้อยอริยชัยกุลมาเยี่ยม ดังนั้นคนรับใช้จึงมีข้ออ้างมาเคาะประตู
กัญณิศากระพริบตา จากนั้นพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า: “เชิญคุณนายน้อยอริยชัยกุลเข้ามานั่ง ฉันจะรีบลงไปเดี๋ยวนี้”
ทว่าในใจคิดว่าวิกาไม่ต้องไปทำงานเหรอ
ทำไมถึงมีเวลามาเยี่ยมได้
และเลือกมาเยี่ยมเธอที่ต้องการนอนด้วย
เป็นไปได้ไหมที่ประยสย์พบอะไรบางอย่าง เลยให้วิกามาทดสอบเธอ
ณิศาถอนหายใจในใจ ว่าแล้วว่าการต้องรับมือกับคนฉลาดอย่างประยสย์จะถูกสงสัยได้ง่าย
เธอไม่รู้ว่าเธอมีช่องโหว่ตรงไหน จนทำให้ประยสย์สงสัยว่าเธอคือกัญณิศา
“ได้ค่ะ คุณหนูรอง คุณสบายดีอยู่ใช่ไหมคะ”
คนใช้ถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่มีอะไร เมื่อคืนฉันดูหนังจนนอนดึกมาก เช้านี้เลยตื่นไม่ไหว ไม่ได้ไม่สบาย”
ณิศาหาข้อแก้ตัว
คนรับใช้เชื่อแล้วแต่ยังคงพูดด้วยความเป็นห่วงว่า: “คุณหนูรอง การนอนดึกไม่ดีต่อร่างกาย คราวหลังคุณอย่าดูจนถึงดึกนะคะ ถ้าคุณหนูใหญ่รู้เข้าต้องบ่นคุณอีกแน่”
“อืม ฉันรู้แล้ว ครั้งหน้าจะไม่ทำอีก”
คนรับใช้จึงหันหลังเดินลงไปข้างล่าง
กัญณิศาปิดประตู ยืนพิงประตูและลูบขมับ ถ้านอนไม่เพียงพอก็จะรู้สึกปวดหัวเล็กน้อยในบางครั้ง
ยังไงก็ตาม มาดูกันว่าเธอมีรอยคล้ำใต้ตาไหม
ณิศารีบเดินไปส่องกระจก
มีรอยคล้ำจริงๆด้วย
ไม่กี่วันมานี้ เธอเคลื่อนไหวตอนดึกมากเกินไป จึงส่งผลกระทบต่อการนอนหลับของเธออย่างมาก
เธอต้องแต่งหน้าอย่างดีเพื่อปกปิดใบหน้าที่เหนื่อยล้า ไม่ให้วิกามองเห็น ดวงตาของวิกานั้นคมราวกับมีดโกน ณิศาจึงไม่กล้าที่จะประมาทเลย