คุณสามีพันล้าน - บทที่ 479 ในยามค่ำคืนของแม่ลูก
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 479 ในยามค่ำคืนของแม่ลูก
หลังจากขับไประยะหนึ่ง เธอรู้สึกโล่งใจเมื่อพบว่าประยสย์ไม่ได้ตามเธอมา
ณิศาหยุดอยู่ข้างถนน จากนั้นเปิดกล่อง หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เปิดไฟฉายของโทรศัพท์แล้วมองดูกองเงินสดในกล่อง
ค้นเจอเครื่องติดตามขนาดเล็กจากด้านใน
เธอยิ้ม “รู้อยู่แล้วนายจะต้องทำแบบนี้”
เธอหยิบเครื่องติดตามขนาดเล็กออกมา โยนทิ้งข้างถนน แล้วค้นหาอีกครั้งจนแน่ใจว่าไม่มีเครื่องติดตามในกล่องเก็บเงินอีก ค่อยปิดกล่องและสตาร์ทรถอีกครั้ง
ประยสย์คิดจะหาหลักฐานพิสูจน์ว่าเธอคือกัญณิศา
ใครจะไปรู้ว่าตำแหน่งเครื่องติดตามติดตามได้นั้นจะอยู่ใกล้บ้านตระกูลวาชัยยุงมาก ประยสย์ไม่จำเป็นต้องมองก็รู้ว่าณิศาพบเครื่องติดตามในกล่องและโยนเครื่องติดตามทิ้งไปแล้ว
ไม่เลวเลย ฉลาดมาก
ระแวดระวังพอสมควร
ถ้าไม่ได้ทำมาแล้วสักสองสามปี คงไม่มีความระมัดระวังเช่นนี้
ประยสย์รู้สึกชื่นชมและสนใจณิศามากขึ้นเรื่อยๆ
คำพูดและการกระทำของเธอกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของเขาในตัวเธอได้สำเร็จ
ตอนเช้าเธอเป็นคุณหนูรองตระกูลนนท์สัจทัศน์ ปรากฏให้ทุกคนเห็นคือใบหน้าที่สวยงามและนิสับที่อ่อนโยน ทำให้เขาหลงผิดว่าเธอเป็นผู้หญิงอ่อนแอ
ผู้หญิงเช่นดอกไม้ในเรือนกระจกควรได้รับการดูแลและเอาใจใส่อย่างเหมาะสม ไม่เหมาะสำหรับเขา
ภรรยาของประยสย์ไม่สนใจภูมิหลังของตระกูลและรูปลักษณ์ภายนอก แต่ต้องมีนิสัยแข็งแกร่ง มิฉะนั้นเมื่อเข้าประตูตระกูลสาระทาแล้ว เธอจะถูกเล่นงานจนไม่เหลือแม้แต่กระดูก
เขาไม่ต้องการให้โศกนาฏกรรมของแม่เกิดขึ้นซ้ำรอยกับภรรยาของเขา
หากหญิงสาวสวมหน้ากากคือกัญณิศา จริงๆ นิสัยที่ชอบแสร้งทำเป็นคนอ่อนแอหลอกศัตรูของเธอ เหมาะกับเขามาก
รูปลักษณ์ภายนอกของเธอหลอกคนได้ง่าย
แม้แต่เขาก็ยังถูกหลอก
ถ้าวิกาไม่พยายามจับคู่เขากับณิศา และเดาว่าณิศาก็คือสาวสวมหน้ากาก ประยสย์คงไม่ได้ค้นพบข้อเท็จจริงของณิศาเรื่องนี้
เมื่อกี้ณิศาบอกว่าเธอคอยจับตาดูเขาอยู่
หมายความว่าเธอมีแหล่งข้อมูลที่แข็งแกร่ง หากเธอเป็นหัวหน้าเบื้องหลังของสำนักงานนักสืบ XX นี่ก็สมเหตุสมผล
ในความเป็นจริง ก่อนที่เขาจะมาที่บ้านตระกูลวาชัยยุง มีเพียงวิกาเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้
ในเวลานั้นวิกาอยู่กับณิศา
เธอต้องได้ยินเสียงคุยระหว่างเขากับวิกาแน่ๆ ถึงได้ตามมาได้
อาศัยการล่อลวงต่างๆของพี่น้องสองคน ทั้งสองคนสามารถล็อคเป้าหมายได้แล้วว่ากัญณิศาคือสาวสวมหน้ากาก
“สักวันฉันจะถอดหน้ากากของเธอออกและเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเธอ”
ประยสย์กำลังพูดกับตัวเอง
หลังจากยืนอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ข่นกล่องเงินกลับไปที่รถ และพรุ่งนี้เขาจะคืนเงินให้กับพี่น้องตระกูลอริยชัยกุล
ประยสย์แจ้งให้ผู้คุ้มกันออกมาเฝ้ารถให้เขา ก็ในรถมีเงินจำนวนมากเลยนิ
เขากลับไปที่บ้านตระกูลวาชัยยุงคนเดียวอย่างเงียบๆ และเมื่อเขากำลังจะกลับไปที่ห้องรับแขก ทันใดนั้นไฟเซ็นเซอร์ก็เปิดขึ้น
ประตูห้องหนึ่งเปิดออก และแม่คนสวยของเขาก็ยืนอยู่ที่ประตู มองดูเขาอย่างเงียบๆ
ประยสย์ผงะ
“แม่ครับ ทำไมจู่ๆแม่ถึงเปิดประตูออกมา ผมตกใจมากเลย”
ญาณินมองลูกชายและพูดว่า: “พ่อของลูกปลูกฝังความกล้าหาญของลูกแค่นี้เหรอ”
“ปกติแล้ววัวสันหลังหวะ กินปูนร้อนท้อง ยสย์ เมื่อกี้ลูกไปทำอะไรมา”
ประยสย์ไม่แน่ใจว่าแม่ของเขาตื่นขึ้นเมื่อไหร่ ไม่รู้ว่าเธอยืนอยู่หน้าหน้าต่างมองเขาและณิศารึเปล่า เวลานี้เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดความจริงหรือโกหกดี
“ผู้หญิงคนนั้นที่สวมหน้ากากผีเสื้อสีเงินเมื่อกี้คือใคร ฝีมือดีทีเดียว”
คำพูดของญาณินทำให้ประยสย์รู้ว่าเขาไม่สามารถโกหกต่อหน้าแม่ของเขาได้อีกต่อไป
เขาพูดด้วยอาการปวดหัวเล็กน้อยว่า: “แม่ครับ เที่ยงคืนแล้ว ทำไมถึงตื่นได้ล่ะ”
“อย่าเปลี่ยนเรื่อง ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”
เมื่อเห็นว่าไม่สามารถปิดบังได้ ประยสย์ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพูดตามตรงว่า: “ผมก็ไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร อย่างไรก็ตามแม่รู้ได้ไงว่าเธอฝีมือดี”
ญาณินหันหลังกลับแล้วสั่งลูกชายของเธอว่า: “เข้ามาสิ มาคุยกับแม่ดีๆ”
ประยสย์: “……”
วิกาบอกว่าแม่ขอให้เธอช่วยดูผู้หญิงที่เหมาะสมให้เขา
ตอนนี้แม่ของเขาเห็นว่าเขาอยู่กับณิศา แม้เป็นเพียงเวลาไม่กี่นาที แม่ของเขาก็สามารถจินตนาการเรื่องเป็นหมื่นคำได้
ประยสย์เดินตามแม่เลยของเขาเข้าไปในห้องอย่างไม่เต็มใจ
ญาณินชี้ไปที่โซฟาไม้ในห้องและพูดเบาๆว่า: “นั่งลงสิ”
“แม่ ดึกแล้ว มีอะไรค่อยว่ากันพรุ่งนี้”
ประยสย์นั่งลงบนโซฟา
ญาณินทำเหมือนไม่ได้ยินที่เขาพูด เธอยังคงถามเขาอย่างอ่อนโยนว่า: “ห้องของแม่มีแต่น้ำอุ่น ลูกจะดื่มไหม”
ตระกูลวาชัยยุงเทียบกับตระกูลสาระทาไม่ได้ มีกาต้มน้ำในห้องพักที่ญาณินอาศัยอยู่ เผื่อว่าเธอกระหายน้ำกลางดึกก็ไม่ต้องลงไปเทน้ำดื่มข้างล่าง
แม้แต่โซฟาไม้ชุดนี้ ยังเป็นเพราะหากญาณินกลับมาพักแปปนึ่งกับคนของตระกูลวาชัยยุง พิชญ์สินีจึงไปซื้อมสเป็นพิเศษและวางไว้ในห้องเพื่อให้ญาณินนั่งเวลาว่าง
เคยอาศัยอยู่ในคฤหัสน์เมเปิลมาระยะหนึ่งแล้ว พิชญ์สินีรู้ว่าบ้านคฤหาสน์เป็นยังไง ถึงแม้จะเป็นห้องรับแขก แต่ก็มีเฟอร์นิเจอร์ครบครัน
ตระกูลวาชัยยุงของพวกเขาไม่สามารถเทียบกับคฤหัสน์เมเปิลได้ ดังนั้นพวกเขาจึงจัดวางชุดโซฟาไว้เท่านั้น
“แม่ครับ ผมไม่หิวนำ้”
ญาณินไม่ได้เทน้ำให้เขา เธอนั่งลงตรงข้ามเขา มองเขาอย่างอ่อนโยนและถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า: “ยสย์ หลังจากที่แม่ได้สติ แม่ก็รู้กฎข้อหนึ่งของลูก นั่นคือภายในระยะสามเมตรของลูก ห้ามมีผู้หญิงอื่นนอกจากครอบครัว”
“ผู้หญิงสวมหน้ากากคนนั้นสามารถคุยกับลูกในระยะใกล้ได้ ลูกชอบเธอไหม บอกแม่สิว่าเธอเป็นลูกสาวคนไหน แล้วแม่จะไปช่วยลูกขอหมั้นให้”
ประยสย์: “…… แม่ คิดไปถึงไหนกัน”
“ผมไม่รู้ชื่อเธอด้วยซ้ำ อย่างที่แม่เห็น เธอมีฝีมือและระวังตัวตัวดีมาก ผมยังไม่รู้เลยว่าเธอเป็นใคร แล้วจะไปมีความสัมพันธ์กันได้ยังไง”
ยิ่งพูดว่าไปขอหมั้นอีก
แม้ว่าเขาจะรู้ว่าหญิงสาวสวมหน้ากากคือกัญณิศา แต่จะกล้าให้แม่ของเขาไปขอหมั้นที่ตระกูลนนท์สัจทัศน์เหรอ
ประธานกิติยาสามารถไล่แม่ของเขาออกมาได้เลย
เขาได้ยินวิกาพูดไม่น้อยกว่าหนึ่งครั้งว่าประธานกิติยารักณิศามาก
“นอกจากนี้ ผมยอมรับว่าผมชื่นชมเธอ แต่ก็แค่ชื่นชมในความสามารถการปรับตัวและทักษะฝีมือของเธอเท่านั้น ไม่มีอะไรอย่างอื่นเลย”
อย่างน้อยตอนนี้ไม่มี
จะบอกว่าเขาตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น นั่นมันเป็นไปไม่ได้
จะบอกว่าค่อยๆเกิดเป็นความรัก ก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน
เพราะเขายังไม่เคยเห็นหน้าที่แท้จริงของเธอเลยด้วยซ้ำ
“การชื่นชมเธอก็คือมีความประทับใจ หลังจากเวลาผ่านไปก็จะชอบเธอเอง”
ประยสย์มองไปที่แม่ของเขาโดยไม่พูดอะไร
ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมน้องสาวของเขาถึงคิดว่าเขาเป็นสินค้าที่ขายไม่ดี และต้องการขายเขาออกไปเสมอ
สืบทอดมาจากแม่ของเขานี่เอง
ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ
“แม่ครับ เธอมาเอาค่าตอบแทน เพราะเธอเคยช่วยผมไว้หรือเรียกได้ว่าช่วยชีวิตผมไว้ ผมไม่อยากติดหนี้บุญคุณเธอ ดังนั้นผมเลยเอาเงินให้เธอเป็นค่าตอบแทน”
“ก็แค่นั้น ไม่มีอะไรมากอย่างที่แม่คิด”
ถ้าแม่ของเขาไม่ได้แต่งงานกับพ่อของเขา ด้วยจินตนาการอันล้นเหลือของแม่ของเขา คิดว่าเธอคงจะเดินเส้นทางแห่งการเขียนนิยายแล้วมั้ง
ด้านนี้ของเทวิกา ต้องได้รับสืบทอดจากแม่แน่ๆ