คุณหนูโลลิคลั่งเนีย ลิสตัน - ตอนที่ 117 ไปด้วยเรือหมี
117 ไปด้วยเรือเดี่ยว
“――จะไปงั้นเหรอครับ!? เอาจริงเหรอครับ!?”
“――ค่ะ ปกติฉันจะหลีกเลี่ยงการล่าที่มีความเสี่ยงสูง เพราะหากฉันบาดเจ็บหรือตายไป ลิลลี่คงโศกเศร้าเหมือนตาย แต่……คราวนี้ฉันจะให้ความสำคัญกับชีวิตมนุษย์เป็นอันดับแรก”
“――ไม่ครับ แต่ว่า! สัตว์อสูรที่ตัวใหญ่ขนาดนั้น คุณจะไปทำอะไรได้กันครับ!? มันใหญ่เกินกว่าที่คน ๆ เดียวจะจัดการได้เลยนะครับ!”
“――จริงอยู่ที่ไม่ง่ายอย่างแน่นอน แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะชนะอยู่”
และ ม๊า หลังจากบทสนทนาที่ฟังดูน่าขันระหว่างทอร์คกับริโนกิสอยู่ข้าง ๆ ทั้งทอร์ค ทั้งชายวัยกลางคน……กัปตันก็ตกลงเห็นด้วย
“ผมจะจัดการเรื่องการเจรจาในภายหลังให้เอง ดังนั้นได้โปรดช่วยดับควันสัญญาณเมื่อการล่าสิ้นสุดลงด้วยนะครับ เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้ว ผมจะนำเรือเหาะเข้าไปหา”
ตอนนี้ ไม่ว่าจากมุมมองของใครก็เป็นเหตุฉุกเฉินจริง
แต่ยังไงก็ตาม หากขึ้นเรือลำอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต และทำการล่าสัตว์อสูรจนไปทำลายบางสิ่งบางอย่างเข้าในจังหวะนั้น ก็อาจก่อปัญหาความรับผิดที่ต้องรับผิดชอบขึ้นได้
ถึงจะดูน่ารำคาญมาก แต่ก็เข้าใจได้ บางครั้งเราก็จำเป็นต้องมีข้อตกลงเอาไว้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
ทว่า ในสถานการณ์เช่นนั้น เราไม่มีเวลาหรือเวลาว่างที่จะพูดคุยกับผู้รับผิดชอบเรือทีละคน
นั่นเป็นเหตุผลที่ทอร์คจะจัดการเรื่องเจรจาในภายหลัง เป็นเรื่องที่อยากขอบคุณมากเลย
“แน่นอนครับ จะจักรวรรดิแว็ง เดอ ครุช หรือ สมาคมเรือเหาะ ผมก็จะยื้อเอาไว้ด้วยทุกวิถีทางเอง”
โอ้ น่าเชื่อถือมาก
สมกับที่เป็นพ่อค้าของบริษัทเซโดนีที่แย่งชิงความเป็นอันดับหนึ่ง、สองของอาร์ตัวร์อย่างที่คาดหวังไว้
“――ดูเหมือนว่าจะเตรียมการเสร็จแล้ว กรุณาไปที่ท้ายเรือของชั้นล่างด้วย”
ฉันกับริโนกิสลงไปที่ชั้นล่างตามคำพูดของกัปตัน……ชั้นล่างที่พวกเราผ่านมาตอนขึ้นเรือ
“เรือเดี่ยวพร้อมแล้วครับ!”
พวกเราถูกนำทางตรงไปยังเรือเดี่ยวโดยลูกเรือในชุดทำงานซึ่งกำลังรออยู่
เรือเดี่ยวหลายลำจอดเรียงรายถูกยึดไว้อย่างแน่นหนาด้วยเชือกและสายรัด แต่มีลำหนึ่งที่ลอยเหนือพื้นเล็กน้อย
นั่นต้องเป็นเรือเดี่ยวที่เตรียมพร้อมขับไว้ให้พวกเรา
เรือเดี่ยว
โดยพื้นฐานแล้ว เป็นเรือสำหรับขับคนเดียว แต่ถ้าฝืนสักหน่อย ก็สามารถรับน้ำหนักคนได้สามหรือสี่คนได้ พูดง่าย ๆ ก็คือ เป็นเรือเหาะขนาดเล็กนั่นเอง
รูปร่างเหมือนม้าไม่ขา รึเปล่านะ
ถึงรูปร่างจะแตกต่าง แต่ก็มีอยู่ที่คฤหาสน์ของตระกูลลิสตันเช่นกัน รถที่พ่อแม่ของฉันนั่งไปที่ท่าเรือทุกวัน ส่วนฉันโดยหลักแล้วเคยนั่งแค่ประเภทรถม้า หรือประเภทกล่องที่ใหญ่กว่าเล็กน้อย จึงไม่เคยนั่งมาก่อน
เนื่องจากมีขนาดเล็ก แรงม้าไม่มาก และมีความสามารถในการบรรทุกน้อยที่รู้กันดี อีกทั้งดูเหมือนว่าจะมีปัญหาด้านการป้องกันลมที่ทำได้ยากเนื่องจากปัญหาด้านโครงสร้าง แต่นี่ก็เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการเดินทางระยะสั้น
ยังไงก็ตาม เนื่องมีความเร็วพอสมควร จึงถูกห้ามขับในตัวเมืองด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย
นั่นเป็นเหตุผลที่ไม่มีโอกาสมากนักที่จะได้เห็น และเมื่อคำนึงถึงค่าใช้จ่าย หลายคนก็เลือกที่จะเดินทางด้วยม้าหรือรถม้า
ปกติก็คงไม่มีใครเตรียมเรือเหาะแบบนี้เอาไว้ แต่ถึงจะบอกว่าเป็นการเดินทางระยะสั้น ๆ ก็ยังไกลเกินกว่าระยะเดินเท้าอยู่ดี ดังนั้นนี่คือคำตอบ
ริโนกิสผู้ห้าวหาญ ไม่สิ นักผจญภัยริโนะผู้ยอดเยี่ยมกำลังนั่งคร่อมเรือเดี่ยวอยู่
คนงานที่ต้องช่วยกันเพื่อเตรียมเรือเดี่ยวกำลังมองมาที่พวกเราอย่างร้อนร้นด้วยความคาดหวังและความวิตกกังวล
ดูเหมือนว่าเขาจะมีความคิดที่หลากหลายเกี่ยวกับนักผจญภัยที่กำลังจะออกล่าสัตว์ขนาดยักษ์ต่อจากนี้
ฉันต้องขอโทษทุกคนที่คาดหวังเอาไว้ด้วย เพราะคนที่จะฆ่าคือฉันเอง
ฉันกระโดดไปนั่งข้างหลังริโนกิส
ริโนกิสพูดขึ้นมาว่า「ช่วยกอดให้แน่นกว่านี้ด้วย」ฉันเลยตกปากรับคำ รัดเธอแน่นจนเหมือนได้ยินเสียงกร๊อบแกร๊บที่แทบทำให้ร้องไห้
“พร้อมไหมครับ!? ประหลังจะเปิดแล้ว!สาม、สอง、หนึ่ง、――”
ตามการตะโกนให้สัญญาณของคนงาน เรือเดี่ยวก็พุ่งสู่ท้องฟ้ากว้างทันที
――ลมทั้งแรง และเย็นยะเยือก
อากาศของฤดูหนาวซึ่งไม่สามารถรู้สึกได้เลยเมื่ออยู่ในเรือเหาะ จู่ ๆ ก็เข้ามากระทบตัวฉันทันที และครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ฉันกอดริโนกิสไว้แน่น
ลมแรงซึ่งดูเหมือนจะสามารถพัดพาร่างของฉันให้ปลิวออกไปได้ แถมยังหนาวอีกต่างหาก
“ไปกันเถอะค่ะ คุณหนู!”
เรือเดี่ยวที่ถูกปล่อยออกมากลางอากาศ เริ่มเต้นรำแล่นไปบนท้องฟ้าตามความประสงค์ของริโนกิส
เพื่อไม่ให้หลงเข้าไปโดนหนวดของสกายสควิดจับรัด จึงต้องรักษาระยะห่างที่หนวดมาไม่ถึง ซึ่งค่อนข้างห่างพอสมควร
เรือเดี่ยวนั้นค่อนข้างเร็ว ดังนั้นจึงสามารถไปถึงเรือเหาะที่ถูกจับไว้ได้ในพริบตา
――สกายสควิดเริ่มขยับตัว
ดวงตาสีดำขนาดใหญ่ซึ่งโดดเด่นมากเมื่ออยู่บนร่างกายสีขาว และมีขนาดที่ดูเหมือนจะใหญ่พอ ๆ กับตัวของฉัน ขยับไปรอบ ๆ และเห็นพวกเราที่เข้ามาใกล้
“คุณหนู จะทำยังไงดีคะ?”
ริโนกิสหยุดชั่วคราว เมื่อเข้าไปใกล้พอ
สกายสควิดกำลังจ้องมาที่พวกเรา หากพุ่งเข้าไปโดยไม่มีแผนการอะไรก็มีแต่จะถูกหนวดรอบ ๆ เล่นงาน
เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอก เพราะฉันมาอยู่ตรงนี้แล้วไงล่ะ
“ไปบนดาดฟ้าเล……โอยะ?”
นั่นอะไร?
……อะ งั้นเหรอ
เรือเหาะที่ลอยอยู่
กับสกายสควิดที่รัดอยู่
และที่ช่องว่างระหว่างทั้งสอง มีบางสิ่งบางอย่างที่เหมือนคนกำลังห้อยลงมาจากเรือเหาะ และแกว่งไปมาในอากาศด้วยเชือกเส้นเดียว
บางทีเขาคงพยายามตอบโต้สกายสควิด แต่ล้มเหลว และถูกโยนออกจากเรือเหาะ
ต้องขอบคุณสายชูชีพที่ทำให้รอดอยู่
ฉลาดเหมือนกันน๊า การมีสายชูชีพย่อมดีกว่าแน่นอน
ที่ระดับความสูงขนาดนี้ แม้ว่าน้ำทะเลจะอยู่ด้านล่างคุณ คุณก็ไม่สามารถรอดได้เลยหากคุณถูกโยนออกจากเรือ
สำหรับตอนนี้ การปลดพันธนาการของสกายสควิดไปพร้อมกับตัวเรือด้านนอกนับเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ต้องผ่านไปก่อน
เพราะหากตัวเรือด้านนอกหลุดออก มีความเป็นไปได้ที่คนที่ห้อยอยู่จะตกลงไปด้วย
――เอาล่ะ ถ้างั้นตัดสินแผนการได้แล้ว
“พุ่งชาร์จใส่ดาดฟ้าเรือทั้ง ๆ แบบนี้เลย! ฉันจะปกป้องเธอจากหนวดเอง!”
“ค่ะ! แต่นั่นคือขา ไม่ใช่หนวดนะคะ!”
เอ๊ะ เป็นงั้นเหรอ?
ริโนกิสพุ่งตรงไปข้างหน้าเข้าใส่สกายสควิดที่กำลังจ้องมาทางนี้โดยไม่ลังเล
เล็งไปที่ดาดฟ้าที่สามารถมองเห็นได้จากช่องว่างระหว่างขาและลำตัว และตอนที่เริ่มออกตัว
――ทันใดนั้น ร่างกายของสกายสควิดก็เริ่มบวมขึ้น และราวกับคลื่นที่ซัดเข้ามา
หนวด……ไม่สิ ขาข้างหนึ่งปล่อยออกจากการพันตัวเรือเหาะ และเหวี่ยงมาจากด้านบน
ทั้งช้าและไม่เฉียบคม แต่เมื่อมองใกล้ ๆ ขานั่นทั้งใหญ่ทั้งยาวยิ่งกว่าที่คิดไว้ จนยากที่จะหลบหลีก
แต่ถึงอย่างงั้น ริโนกิสก็ยังตรงไปตามคำสั่งของฉันโดยไม่คิดที่จะหลบ
ถ้าเป็นแบบนี้จะต้องโดนแน่ ๆ
” ――ดีมาก”
ฉันจับไหล่ของริโนกิสและยืนขึ้นจากนั้นตั้งท่าเตรียมพร้อม ฉันเตะขาที่อ่อนนุ่มที่ฟาดลงมาจนกระเด็นกลับไปข้างหลัง
ตู้ม!
แล้วขาที่ฉันเตะก็ระเบิด
ฉันอดไม่ได้ที่จะแลบลิ้น
―― ดูเหมือนว่าจะอ่อนแอกว่าที่ฉันคิดไว้ แต่ก็ตื่นเต้นอยู่ดี