คุณหนูโลลิคลั่งเนีย ลิสตัน - ตอนที่ 135 ฤดูใบไม้ผลิ และสู่จักรวรรดิหมีอีกครั้ง
135 ฤดูใบไม้ผลิ และสู่จักรวรรดิการบินแว็ง เดอ ครุช อีกครั้ง
“เราจะมอบเงินยี่สิบล้านครัมเป็นรางวัล”
โห้ว ยี่สิบล้าน
“น่าจะทราบอยู่แล้วใช่ไหมเพคะว่า ถึงแม้จะไม่กล่าวเช่นนั้น แต่หม่อมฉันก็พร้อมที่จะช่วย แม้ว่าจะไม่มอบเงินให้ก็ตาม?”
“ไม่ นี่คืองานที่ความล้มเหลวไม่ใช่ทางเลือก เราไม่ต้องการปัญหาแม้เพียงเล็กน้อย จากการมักง่ายที่เลือกจะไม่จ่ายค่าตอบแทน ดังนั้นเราจะจ่ายให้เธออย่างสมน้ำสมเนื้อ”
……ฟุมุ งั้นเหรอ
นี่หมายความว่าเขาจริงจังขนาดนั้นเลยสินะ
“เรารู้ว่าไม่สุภาพที่จะถามในสถานการณ์นี้ แต่เราต้องการฟังคำตอบของเธอได้รึไม่?”
นั่นเป็นคำถามที่ไร้สาระจริง ๆ
“หม่อมฉันคิดว่าพระองค์น่าจะมีคำตอบอยู่แล้ว ในเมื่อตอนนี้หม่อมฉันกำลังเดินทางไปแว็ง เดอ ครุชกับพระองค์อยู่――สิ่งที่ควรพูดคงเป็น
มาทำงานร่วมกันเพื่อให้งานในครั้งนี้สำเร็จกันดีกว่าเพคะ”
ฮิเอโร่ เจ้าชายระดับที่สองของอาณาจักรอาร์ตัวร์ พยักหน้าด้วยความพึงพอใจกับคำตอบที่ฉันกล้าพูดออกมา
กลางฤดูใบไม้ผลิ
ฮิเอโร่และฉันได้นัดพบกันเมื่อสิ้นสุดภาคเรียนที่สาม แต่เนื่องจากความไม่สะดวกของงานของพวกเรา และแม้ว่าจะพยายามปรับตารางงานให้ตรงกัน แต่ก็ยังหาเวลาไม่ได้
ในที่สุดเราก็สามารถพบกันได้เกือบจะกลางฤดูใบไม้ผลิ
เป็นช่วงเวลาที่เรียกว่านาทีสุดท้ายเลยก็ได้ เมื่อพวกเราได้พบกันในตอนที่ฮิเอโร่กำลังเดินทางไปยังแว็ง เดอ ครุชเพื่อเข้าร่วมงานแต่งงานของเพื่อนของเขา
ฉันพึ่งเสร็จสิ้นจากตารางการถ่ายทำอันแสนโหดเหี้ยมที่เผชิญหน้าจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ และฮิเอโร่ก็มารับฉันที่สถานที่ถ่ายทำ และก็ตรงไปทั้งแบบนั้นเลย
ตารางงานย่ำแย่กว่าช่วงวันหยุดฤดูหนาวที่ผ่านมา แต่――นี่ก็เป็นงานสำคัญ ก็เลยช่วยไม่ได้
และเมื่อในที่สุดก็ได้พบกับฮิเอโร่ ฉันจึงได้รับการอธิบายเหตุผลเกี่ยวกับงานแต่งงานของซัคเฟิร์ดกับฟิเลเดียที่ทำให้ต้องเรียกหาฉันในครั้งนี้ ซึ่งพอฟังแล้วฉันก็ยอมรับได้
――เหตุผลที่ฉันถูกเรียก
ภายในเรือความเร็วสูงที่มารับฉันถึงสถานที่ถ่ายทำ ฉันถูกพาตัวไปยังห้องรับแขกของเรือทันทีที่เท้าเหยียบขึ้นเรือ
จากนั้นฉันก็ได้นั่งลงที่โต๊ะ เผชิญหน้ากับฮิเอโร่ และได้รับการอธิบายเกี่ยวกับงานในครั้งนี้
“จริงอยู่ว่าน่าต้องประชุมกันอย่างละเอียด แต่ก่อนหน้านั้นหม่อมฉันขอยืนยันสถานการณ์ปัจจุบันก่อนจะได้หรือไม่เพคะ?”
สำหรับฉัน นี่คือแผนการที่พึ่งจะได้ยินที่นี่และตอนนี่ ฉันต้องการที่จะเข้าใจสาระสำคัญให้ละเอียดที่สุดเพื่อไม่ให้เหลือข้อสงสัย
“แน่นอน ถามเราได้ทุกเรื่อง”
บอกตามตรงว่าฉันเหนื่อยจนอยากจะไปนอนแล้ว แต่ด้วยความเร็วนี้ พอตื่นมาก็คงจะถึงแว็ง เดอ ครุชเรียบร้อยแล้ว
หลังจากที่ไปถึงที่นั่น ฉันจะต้องยุ่งมากอีกครั้ง ดังนั้นที่จำเป็นต้องทำในตอนนี้คือ รู้เรื่องราวที่จำเป็นขั้นต่ำ
……บอกตรง ๆ ตอนนี้อยากนอนแล้ว ร่างกายของฉันต้องการการพักผ่อน
“การถ่ายทำที่กำลังจะมาถึงนี้จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเมจิกวิชั่นที่จะได้ทำการถ่ายทำในประเทศอื่น ถูกต้องใช่ไหมเพคะ”
“อา นั่นคือเหตุผลที่เราเลือกเธอ”
“พระองค์ตัดสินใจว่าทั้งฮิลเด้ทั้งเรเลียเรดไม่เหมาะที่จะทำงานนี้สินะเพคะ?”
“ถูกแล้ว เพราะว่าฮิเด้มีสถานะเป็นสมาชิกของราชวงศ์ จึงอาจเป็นเรื่องยากสำหรับทางนั้นที่จะตัดสินใจว่าจะปฏิบัติกับเธอยังไงดี นอกจากนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เรากำลังจะทำการถ่ายทำในประเทศอื่น ดังนั้นเราจึงอยากจะให้มีบริบททางการเมืองให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
“เรเลียเรดก็ไม่ได้หรือเพคะ?”
“ถ้าขอให้เธอไปก็คงดูน่าสงสารเกินไป หากว่าเธอตื่นตระหนกแม้แต่กับเชื้อพระวงศ์ของอาร์ตัวร์เองก็ไม่มีทางที่จะไม่ตื่นตระหนกในสถานที่ที่ขุนนางระดับสูงของแว็ง เดอ ครุชมารวมตัวกันได้ ที่สำคัญเราไม่อยากมีปัญหา หากเธอหมดสติไปจากความเครียด”
「แถมถ้าเป็นเนียล่ะก็……」เขาพูดต่อ แต่ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาอีก บางทีเขาคิดว่าอาจกำลังจะพูดอะไรที่เสียมารยาทออกมา ไม่เป็นไร เพราะฉันไม่สะทกสะท้านหรอก ไม่เป็นไร เพราะฉันไม่ได้อ่อนไหวง่าย ไม่เป็นไร เพราะฉันไม่มีความเกรงใจอยู่แล้ว อะไรทำนองนั้น
ม๊า ฉันไม่มีปัญหา เพราะไม่ทุกข์ร้อนแน่นอน
ไม่ว่าจะเป็นราชวงศ์หรือขุนนางระดับสูง เมื่อเปลือยเปล่า ก็แค่มนุษย์คนหนึ่ง ไม่มีเหตุผลที่จะต้องกลัวอะไรแบบนั้น
“ครั้งแรกที่ถ่ายทำในประเทศอื่น วัฒนธรรมและเทคโนโลยีที่ไม่คุ้นเคย
อีกฝ่ายต้องระแวดระวังในการถ่ายทำอย่างไม่ต้องสงสัย――ยังไงก็ตาม หากผู้นำหน้าเป็นเพียงเด็กอายุน้อย เราคิดว่าน่าจะทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดระแวงน้อยลง เช่นว่า ทำไมพวกเราต้องหวาดกลัวต่อการทำงานของเด็กด้วย และอื่น ๆ”
นอกจากนี้ เธอยังได้รับการระบุชื่อจากแซ็คกับฟิลเองด้วย จากมุมมองของอาร์ตัวร์และจากมุมมองของแว็ง เดอ ครุช เธอคือคนที่ใช่”
อืม
ฉันไม่เคยคาดหวังเลยว่าการได้พบกันในฤดูหนาวครั้งนั้นจะนำไปสู่งานใหญ่ เช่นการถ่ายทำในต่างประเทศเป็นครั้งแรกแบบนี้ ในเวลานั้นฉันไม่เคยคิดไว้เลย
“นี่เป็นความอยากรู้ส่วนตัวของหม่อมฉันเอง แต่พระองค์ได้ทำการพูดคุยแบบไหนถึงทำให้เรื่องราวออกมาเป็นแบบนี้ได้กันเพคะ?”
ฉันอยากรู้ว่าพวกเขาหว่านเมล็ดแบบไหนเพื่อให้ได้ไปถ่ายทำในประเทศอื่น
เกิดจากการโน้มน้าวใจของเจ้าชาย――ไม่สิ แผนการชั่วร้ายของพวกเขาประสบความสำเร็จได้ยังไงต่างหาก
“หนึ่ง、 ปู่ย่าตายายของฟิลไม่สามารถออกจากอาณาจักรทหารจักรกลมาเวเลียได้ เราใช้ให้เป็นประโยชน์โดยการถามว่าไม่อยากให้พวกท่านได้เห็นงานแต่งงานของทั้งสองคนหรือ
สอง、 เราติดต่อธุรกิจโดยถามว่าอยากจะเก็บความทรงจำตลอดชีวิตของเราสองคนไว้หรือไม่
สาม、 เราย้ำว่านี่คือของขวัญแต่งงานจากเรา และทั้งหมดนี้ฟรี
สี่、 เราขายอย่างหนัก ด้วยการเสนอความสามารถในการทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ ว่าไม่อยากให้ลูก ๆ ได้เห็นช่วงเวลาที่เจิดจ้ามากที่สุดในชีวิตในตอนที่พวกเขาอายุเท่ากันกับตัวเองบ้างหรือ
ห้า、 เรายังโกหกเล็กน้อย โดยบอกว่าเนียต้องการแสดงความยินดีกับทั้งคู่ในการแต่งงานของพวกเขา เพราะนั่นคือทั้งหมดที่เธอทำได้
หก、 เรามั่นใจว่าการถ่ายทำในต่างประเทศเป็นครั้งแรกจะกลายเป็นประเด็นร้อนที่แว็ง เดอ ครุชอย่างแน่นอน เราอธิบายไปว่ามีความเป็นไปได้สูงที่นี่อาจเป็นก้าวแรกในการแนะนำเมจิกวิชั่น และการมีส่วนร่วมนั้นจะเป็นประโยชน์ในระยะยาวโดยไม่มีผลกระทบด้านลบใด ๆ
เจ็ด、 หากมีการต่อต้าน เราก็เสนอแผนสัมปทานโดยมีตัวเลือกให้ 『ถ่ายทำได้เฉพาะในสถานที่ที่ถูกจำกัดไว้เท่านั้น』
แปด、 เราถามว่าไม่อยากเก็บรักษาความงามของฟิลเอาไว้หรือ
เก้า、 คริสโตแสร้งทำเป็นโกรธ ว่าพวกข้าขอแค่นี้ไม่ได้รึไง
สิบ、 เราเองก็แสร้งทำเป็นโกรธเพื่อทำให้มั่นใจเป็นทวีคูณ
――ด้วยเหตุผลข้างต้น เรากับคริสโตจึงสามารถโน้มน้าวแซ็คและฟิล รวมถึงตระกูลอาสกิตัน และตระกูลคอร์คูลิสได้สำเร็จ”
…………
ฉันแค่อยากได้ยินว่าคุยกันยังไง แต่เขากลับแจกแจงร่ายยืดยาวได้อย่างไม่ติดขัด ถึงฉันจะไม่เข้าใจที่ร่ายมาเท่าไหร่
“แต่ว่า ม๊า ปฏิกิริยาที่ใหญ่ที่สุดคือ 『ไม่อยากเก็บรักษาความงามของฟิลเอาไว้หรือ』ซะงั้น ทั้งที่เป็นคำพูดที่เราพูดไปแบบไม่ได้ตั้งใจแท้ ๆ แต่ผลที่ได้นั้นกลับยิ่งใหญ่ที่สุด”
อ้า ใช่ ความหลงใหลในความงามของผู้หญิงนั้นแข็งแกร่ง เป็นเรื่องราวที่เป็นไปได้
“การประชุมเตรียมงานได้เสร็จเรียบร้อยไปในระดับหนึ่งแล้ว แต่การยืนยันขั้นสุดท้ายจะเริ่มขึ้นเมื่อพวกเราไปถึงที่นั่น นับจากนี้เราอยากให้เนียฝังกำหนดการเข้าไปในหัวให้แน่นที่สุด”
――อืม
“ตอนนี้ไม่ไหวหรอกเพคะ”
“เอ๊ะ?”
“ริโนกิส ฤดูใบไม้ผลินี้ฉันได้ถ่ายทำไปกี่งานแล้ว?”
เมื่อฉันหันไปหาริโนกิสซึ่งยืนอยู่ข้างหลังฉัน เธอก็ตอบทันทีว่า 「สิบเอ็ดงานค่ะ」 แม้ว่าจะถูกถามอย่างกะทันหันก็ตาม
“สิบเอ็ดงานในเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ ต้องใช้ชีวิตแบบออกจากบ้านแต่เช้า กลับบ้านเพียงเพื่อนอนในเวลากลางคืน ดำเนินมาเช่นนี้จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้
ตามที่คาดไว้ สมองของหม่อมฉันจะไม่ทำงานถ้าหากไม่ได้พักผ่อน หม่อมฉันง่วงแล้ว”
“………….”
ฮิเอโร่ยิ้ม
“ไม่เป็นไรหรอก มนุษย์สบายดีอย่างน่าประหลาดใจ แม้ว่าจะไม่ได้นอนต้องตื่นอยู่ตลอดทั้งคืนประมาณสี่วันก็ตาม”
โอ้ย อย่าพูดอะไรโง่ ๆ เซ้ ไม่มีทางที่จะไม่เป็นไรเด็ดขาด
“จริง ๆ แล้ว ตอนนี้เป็นวันที่สองที่เราอยู่โต้รุ่งล่ะนะ แต่กลับกัน หัวของเราปลอดโปร่งมาก”
กลับกันอะไรก๊าน ท้ายที่สุดแล้วจุดบกพร่องของงานนี้ก็คือ ดูเหมือนว่าเขากำลังประมาท
“อันที่จริง หม่อมฉันคิดว่าเจ้าชายฮิเอโร่ควรไปนอนได้แล้วเพคะ”
เมื่อคุณใช้ชีวิตแบบนั้น หัวจะเสื่อมเอาได้น่ะ
“จากนี้พวกเราจะมีงานสำคัญมากรออยู่ข้างหน้า นี่เป็นโครงการที่อาจกลายเป็นมาตรฐานของประเทศอื่น ๆ ได้เป็นครั้งแรก เรานอนไม่ได้หรอก”
เสียงดังจนหนวกหูเกินไปแล้ว พอแล้ว
ช่วงเวลาที่ฮิเอโร่มองลงไปที่ถ้วยในขณะที่พูด ฉันก็กระโดดลงจากเก้าอี้แล้วตีคอเขา ซึ่งทำให้เขาหลับไป ――ริโนกิสคว้าหัวของฮิเอโร่ไว้ได้ก่อนที่จะร่วงกระแทกโต๊ะ หยิบถ้วยขึ้นมา และค่อย ๆ วางลงช้า ๆ สมกับเป็นลูกศิษย์ที่น่าคาดหวังของฉัน เป็นการเคลื่อนไหวที่ดีเลย
งี่เง่าจริง
ฉันบอกให้หยุดพักก็เพราะมีงานใหญ่และสำคัญรออยู่ข้างหน้าไงล่ะ ถ้าว่างพอทำตัววุ่นวายก็ไปนอนซะ
……ฉันก็ง่วงเหมือนกัน วันนี้ไม่ไหวแล้ว
“เป็นโครงการที่น่าสนใจมากเลยนะคะ การถ่ายทำงานแต่งงานส่วนตัวแบบนั้น”
“ใช่ เป็นแผนที่สดใหม่ล่ะ”
เป็นเคสทดลองที่ดี แต่ฉันคิดว่าน่าจะเป็นที่นิยมในอาร์ตัวร์อย่างแน่นอน หากว่าสามารถลดราคาเมจิกวิชั่นลงมาได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะกลายเป็นสิ่งใกล้ตัว
――ทว่า ตอนนี้ดีแล้ว
“ฉันจะไปพักสักหน่อย ที่เหลือขอฝากด้วยนะ”
“ค่ะ ราตรีสวัสดิ์นะคะ คุณหนู”
มาพักเติมพลังสำหรับงานใหญ่ที่กำลังจะมาถึงกันเถอะ