คุณหนูโลลิคลั่งเนีย ลิสตัน - ตอนที่ 146 การทักทายที่หมายถึงโลลิยกพวกไปรับน้องสถานีออกอากาศของสถาบัน
- Home
- คุณหนูโลลิคลั่งเนีย ลิสตัน
- ตอนที่ 146 การทักทายที่หมายถึงโลลิยกพวกไปรับน้องสถานีออกอากาศของสถาบัน
146 การทักทายที่หมายถึงไปรับน้องสถานีออกอากาศของสถาบัน
ผ่านไประยะหนึ่งแล้วนับตั้งแต่ชีวิตใหม่ของนักเรียนประถมปีที่สองเริ่มต้นขึ้น
นี่เป็นช่วงเวลาที่นักเรียนใหม่ที่กังวลเกี่ยวกับการใช้ชีวิต จากที่จู่ ๆ ก็ต้องมาอาศัยอยู่ในหอพักที่ห่างไกลจากพ่อแม่ เริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
การถ่ายทำก็เป็นไปได้ด้วยดี การฝึกฝนของเหล่าลูกศิษย์ก็เป็นไปได้ด้วยดีเช่นกัน
ปัญหาเรื่องเงินหนึ่งพันล้านครัมก็อาจกล่าวได้ว่าดำเนินไปอย่างราบรื่น เนื่องจากฉันไม่สามารถเข้าร่วมได้ จึงไม่สามารถทำเงินจำนวนมากได้เท่าที่ควร แต่ก็ดูเหมือนว่ายังคงเพิ่มขึ้นทีละน้อย ฉันรู้สึกขอบคุณเหล่าลูกศิษย์ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
ทั้งนี้ยังได้รับการติดต่อจากราชาด้วย
「หากเจ้าสามารถหาเงินได้มากกว่าสี่ร้อยล้านครัมภายในสิ้นสุดฤดูร้อนนี้ เราจะถือว่าเป็นไปได้ที่จะจัดการแข่งขัน ยิ่งมีเงินมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น แต่เราจะเริ่มเตรียมลงมือก็ต่อเมื่อเก็บเงินได้ครบสี่ร้อยล้านแล้วเท่านั้น」
วันที่กำหนดคือ ฤดูหนาวหน้า
หากนับเวลาจากตอนนี้ ก็จะเป็นเวลาหนึ่งปีครึ่ง
เหมือนที่ราชาบอกไว้เมื่อปีที่แล้ว เขาวางแผนที่จะใช้เวลาหนึ่งปีในการประชาสัมพันธ์อย่างระมัดระวัง และเห็นได้ชัดว่ากำลังวางแผนที่จะทำให้เป็นทัวร์นาเมนต์ใหญ่ที่จะดึงดูดแขกและผู้เข้าร่วมจากประเทศอื่น ๆ
ตอนนี้ฉันมีเงินสะสมมากกว่าสองร้อยล้านครัม
และตั้งแต่ปลายฤดูหนาว ฉันก็เตรียมแผนการออกล่า และอยู่ในระหว่างกำลังวางแผนเดินทางเพื่อออกหาเงิน
แม้ว่าแผนจะยังไม่สมบูรณ์ในระยะปัจจุบันนี้ แต่มีแนวโน้มว่าจะหาได้เกินสี่ร้อนล้านครัมในช่วงวันหยุดฤดูร้อนหน้า
ม๊า ยิ่งมีมาก การแข่งขันก็จะยิ่งใหญ่ขึ้นตามไปด้วย จึงไม่ใช่ความคิดที่แย่อะไรหากจะหารายได้ต่อไปเรื่อย ๆ
สำหรับเมจิกวิชั่น ช่องของดินแดนซิลเวอร์ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก นับตั้งแต่ที่มีการเปิดตัวรายการนิทานภาพเล่าเรื่อง
และไม่ว่าที่เมืองหลวงหรือดินแดนลิสตัน ต่างก็มีการทำนิทานภาพเล่าเรื่องตามเช่นกัน แต่……ก็ต้องบอกว่ายังด้อยกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับของในดินแดนซิลเวอร์
เดาว่าเป็นผลจากความสามารถในการวาด
ดูเหมือนว่าจะมีการสร้างทีมนิทานภาพขึ้นมา นำโดยลูกสาวคนที่สอง ริเคลวิต้า และทุกคนก็เก่งมาก นอกจากนี้โครงเรื่องก็ยังได้รับการเขียนมาเป็นอย่างดี เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ชมรู้สึกเบื่ออีกด้วย
อาจจะมีประสิทธิภาพมากกว่าหากโจมตีในเส้นทางอื่น และยอมแพ้ที่ต้องสู้ในข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์และเรื่องราวสงครามเดียวกัน ――นี่คือคำพูดของฮิลเดโทร่า
ฉันเองก็เข้าใจยอมรับ และเขียนถึงพ่อแม่ว่า「มีความคิดเห็นแบบนั้นออกมา」แล้วส่งออกไป
เรื่องที่สอง จำนวนช่องของสถานีออกอากาศเมืองหลวงมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
「ทำอาหารกับเจ้าหญิง」ซึ่งถ่ายทำกันอย่างบ้าคลั่งนับตั้งแต่ที่เปิดตัวโปรเจ๊กต์มา ดูเหมือนจะได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในหมู่ผู้ชม
เป็นรายการมาแรงที่กลายเป็นมาตรฐาน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดูเหมือนว่าจะเข้ากันได้ดีกับวลีประจำตัว「เจ้าหญิงที่คุณสามารถพบได้โดยไม่คาดคิด」ของฮิลเดโทร่า รายการนี้ดูเหมือนว่าจะได้รับการตอบรับอย่างดี เพราะเป็นการเปิดโอกาสให้พบปะผู้คนทั่วไป
ในทางกลับกันแล้ว ช่างเป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิด แต่ดินแดนลิสตันมีการเติบโตที่ไม่มากนัก
「วิ่งไล่จับ」ที่เรียกได้ว่าเป็นรายการฮิต กำลังถูกมองว่าเริ่มจะน่าเบื่อขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากแทบจะกลายเป็นเรื่องปกติแล้วที่ฉันจะวิ่งไปรอบ ๆ ได้เร็วกว่าสุนัขที่ประมาท และชนะ
ฉันคิดว่าน่าจะถึงเวลาแล้วที่จะต้องเพิ่มจุดหักมุม หรือการก้าวกระโดดทางความคิด……แต่สถานการณ์ปัจจุบันคือ ฉันไม่สามารถคิดถึงวิธีที่จะกลายเป็นหัวใจสำคัญได้
「คราวหน้า ลองเป็นเรื่องแบบให้หนูหลบหนีจากสัตว์กินเนื้อตัวอันตรายดีไหมคะ」ฉันลองเสนอไป แต่ก็ถูกปฏิเสธอย่างรวดเร็วตามที่คาดไว้ พวกเขาไม่สามารถปล่อยให้ฉันไปเสี่ยงชีวิตได้ แม้ว่าฉันจะไม่กังวลเลยสักนิด
การเยี่ยมชมธุรกิจ หัวใจหลักก็ถูกเปลี่ยนไปแล้ว……ซ้า ฉันจะทำเรื่องอะไรต่อไปดี
เรื่องของช่วงนี้
“เห๊~ ในที่สุดก็มีสำนักงานเป็นของตัวเองแล้วสินะ”
รายงานติดตามผลของสถานีออกอากาศที่ฉันได้ฟังเมื่อต้นภาคเรียนใหม่มาถึงแล้ว ในที่สุดพวกเขาก็มีสำนักงานเป็นของตัวเอง――หรือก็คือมีการตั้งสถานีออกอากาศในสถาบันเรียบร้อยแล้วนั้นเอง
จนถึงตอนนี้ พวกเขายืมห้องเรียนว่างเพื่อเก็บอุปกรณ์ และรวมตัวกัน แต่ตอนนี้ไม่ต้องกังวลกับการหาสถานที่เก็บอุปกรณ์ หรือจุดรวมตัวอีกต่อไปแล้ว
“ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนจะมีนักเรียนไปสมัครเป็นสมาชิกในทันทีเลยล่ะ”
หลังเลิกเรียน ตอนที่ฉันกำลังดูการฝึกของริโนกิสกับลินเนตต์อยู่ในหอพัก เรเลียเรดก็เข้ามาคุยกับฉัน และตอนนี้กำลังดื่มชากันอยู่
มาได้ผิดจังหวะมากมาย แต่ฉันก็ทำเป็นใจร้ายใส่ไม่ได้
ริโนกิสกับลินเนตต์กำลังฝึกต่ออยู่ในห้องคนใช้ข้าง ๆ อาจจะเล็กและแคบไปบ้าง แต่ก็ช่วยอดทนกันไว้ก่อนล่ะ
“โฮร่า เธอเคยโดนถามบ่อย ๆ ใช่ไหมล่ะ? ว่าต้องทำยังไงถึงจะได้ปรากฎตัวบนเมจิกวิชั่นน่ะ ดูเหมือนพวกเด็ก ๆ จะเข้าร่วมเพราะเรื่องนั้นเลย”
อ้า เข้าใจล่ะ ฉันแน่ใจว่าเคยถูกคำถามแบบนั้นเป็นครั้งคราว
“หรือก็คือจะมีจำนวนนักแสดงเหมือนพวกเราเพิ่มมากขึ้นนะสิ”
หากได้รับความนิยม บางทีพวกเขาอาจจะถูกว่าจ้างจากสถานีออกอากาศของเมืองหลวงแทนที่จะเป็นของสถาบัน ถ้ามีคนมาทำงานในดินแดนลิสตันแทนฉันได้มากกว่านี้ ฉันคงจะมีช่วงเวลาที่ดีได้――
“――นี่วิกฤติแล้วนะ”
……หืม?
สายตาของเรเลียเรดที่นั่งอยู่ ดูเหมือนว่าจะตรงกันข้ามกับความคิดในแง่ดีของฉัน แม้ว่าจะยังเด็ก แต่ดวงตาของเธอก็ให้ความรู้สึกถึงความเตรียมใจ
“หน่ออ่อนใหม่ที่กำลังงอกออกมาอาจจะขโมยความนิยม และวิ่งแซงพวกเราไปก็ได้ นี่จะไม่เรียกว่าวิกฤติได้ยังไงกัน”
หน่ออ่อน นั่นไม่ใช่คำพูดที่เด็กที่ยังไม่ทันจะเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นจะพูดเลยน่ะ
“ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะเข้าไปหยุดจริงไหม”
เช่นเดียวกับโลกแห่งศิลปะการต่อสู้
มีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับผู้มาใหม่ที่เริ่มต้นทีหลัง แต่กลับเข้มแข็งอย่างรวดเร็ว มีคนมากมายที่สามารถเข้าใจทุกอย่างได้อย่างรวดเร็วจริงไหม
แน่นอนว่าการแข่งขันกับผู้อื่นเป็นสิ่งสำคัญ แต่ท้ายที่สุดแล้ว ศัตรูที่ใหญ่ที่สุดของคุณก็คือตัวคุณเอง
หากมัวแต่ยึดติดอยู่กับสิ่งอื่น และลืมที่จะเผชิญหน้ากับตัวเอง ในเวลาเช่นนี้เองที่เราจะเบี่ยงเบนไปจากทั้งเส้นทางการต่อสู้ และเส้นทางของมนุษย์
เมื่อคุณรู้สึกกังวลก็แปลว่าถึงเวลาแล้วที่จะมองดูตัวเอง
ใจเย็น ๆ เข้าใจให้ถ่องแท้ว่าตนเองต้องทำอะไร และสรรพสิ่ง――
“ฉันขอพูดที่นี่ให้ชัดเจนเลยว่า ฉันจะแสดงให้พวกเขาเห็นเองว่าจริง ๆ แล้วโลกแห่งเมจิกวิชั่นไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น”
……………
ก็ต้องมีอะไรทำนองนี้บ้าง เธอเป็นเหมือนรุ่นพี่ที่ทำตัวน่ารังเกียจที่คอยขัดขวางรุ่นน้องที่มีพรสวรรค์เลย
“――เพราะแบบนั้นแล้ว พวกเราไปดูสถานการณ์กันเถอะ”
เอ๊ะ? อะ ต้องขนาดนั้นเลยเหรอ
“ฉันด้วย? ฉันไม่มีเวลาว่างหรอกนะ”
วันนี้แค่บังเอิญที่ไม่มีการถ่ายทำ แต่นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันมีเรื่องที่ตั้งใจจะไปทำอยู่ ฉันกำลังจะทำในสิ่งที่ควรทำก็คือ การไปฝึกลูกศิษย์ หลังจากนี้ ฉันตั้งใจว่าจะไปดูแกนดอล์ฟสักหน่อยว่าเป็นยังไงบ้าง
“ฉันเองก็ไม่มีเวลาว่างเหมือนกัน แต่คิดว่าไม่น่าจะเสียหายอะไรที่จะไปทักทายกันอย่างน้อยสักครั้งหนึ่ง”
ทักทายสิน๊า
“ฉันคิดว่าถ้าแค่ไปทักทายก็ไม่เป็นไรหรอก แต่การทักทายของเรเลียไม่ใช่แค่การทักทายใช่ไหมล่ะ?”
พูดอีกอย่างคือ เหมือนกับการไปส่งสารท้าทายมากกว่าจะเป็นการทักทายอะไรทำนองนั้น หมายความว่าได้เวลาไปควบคุมพวกหน้าใหม่สินะ
ม๊า ก็ไม่ใช่จะเป็นความคิดที่ฉันไม่ชอบ
หากเป็นการทักทายในแง่ที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงของศิลปะการต่อสู้ ฉันยินดีที่จะออกไปข้างนอกกับเธอ
“ถึงแม้สุดท้ายพวกเราจะไม่ได้เป็นสมาชิก แต่ถ้าถูกฮิลเด้ซามะเรียกให้ไปช่วย พวกเราก็ต้องร่วมมือกับสถานีออกอากาศของสถาบันจริงไหมล่ะ? เพราะแบบนั้น ถ้าพวกเราไม่แนะนำตัวไว้แต่เนิ่น ๆ เดี๋ยวจะลำบากทีหลังไง”
“ไม่ๆๆ ฉันไม่ได้คัดค้านที่จะไปทักทาย ก่อนอื่นมาคุยปัญหาเรื่องคำทักทายของเรเลียกันก่อน――”
“――ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะไปทักทาย! จ๊า อย่างงั้นพรุ่งนี้ค่อยคุยกันนะ!”
เรเลียเรดพูดในสิ่งที่เธอต้องการจะพูดและออกจากห้องไป
…………
ม๊า ฉันก็เข้าใจสิ่งที่เรเลียเรดพูด และตั้งแต่แรกก็ไม่ได้มีปัญหาที่จะคัดค้านการไปทักทาย แต่
ฉันจะพยายามจับตาดูเธอให้ดีที่สุด เพื่อที่จะไม่ให้เธอทำเกินเลยไป