คุณหนูโลลิคลั่งเนีย ลิสตัน - ตอนที่ 278 ปฏิบัติการแทรกซึมหมู่เกาะหมีอากาศ สลับฉาก ว่าที่ฮาเร็มของโลลิ
- Home
- คุณหนูโลลิคลั่งเนีย ลิสตัน
- ตอนที่ 278 ปฏิบัติการแทรกซึมหมู่เกาะหมีอากาศ สลับฉาก ว่าที่ฮาเร็มของโลลิ
278 ปฏิบัติการแทรกซึมหมู่เกาะโจรสลัดอากาศ สลับฉาก
“มีบางอย่างแปลกเกิดขึ้นเน๊ะ”
ทันทีที่กลับออกมาจากห้องทำงานบนชั้นสอง ผู้หญิงผมแดงก็บ่นด้วยสีหน้าสงสัย
เอด้า
เธออายุสามสิบเอ็ดปี และมาที่หมู่เกาะโจรสลัดอากาศแห่งนี้ในฐานะทาสเมื่อยี่สิบปีก่อน และเป็นบุคคลที่อายุมากที่สุดในร้านของวีรัส
(*11 ขวบ)
“…………”
“…………”
ลูเซียโดที่เป็นเด็กหญิงมนุษย์สัตว์เสือดาว และอาซีร์ เด็กหญิงที่ไม่เคยแสดงสีหน้าอื่นใดนอกจากใบหน้าหดหู่ ทั้งคู่นั่งลงบนเตียงโดยไม่พูดอะไร
ในเวลาทำงานจะมีการใช้ฉากกั้นพื้นที่ไว้ แต่ตอนนี้เป็นแค่ห้องใหญ่โล่ง ๆ เท่านั้น
ในห้องนี้มีเพียงสิ่งของจำเป็นเท่านั้น เตียงซึ่งแคบเกินไปสำหรับสองคน แต่เป็นที่เดียวที่พวกเธอจะพักผ่อนได้
“……ยังเอาแต่เงียบในเวลาแบบนี้เนี่ยน๊า”
เด็กสาวผมดำที่ไม่เคยเห็นมาก่อน จู่ ๆ ก็พูดประมาณว่า 「จากนี้ฉันจะเป็นเจ้าของร้านนี้」ยังไงก็ตามเธอบอกให้สมาชิกที่ปกติจะช่างพูดยกเว้นเอด้าให้อยู่ต่อ แล้วไล่คนอื่น ๆ ออกมา
พูดตามตรง เธอไม่เข้าใจอะไรเลย แม้จะอธิบายมาแล้วก็ตาม
อย่างการบอกว่าจะใช้ที่นี่เป็นฐาน หรือการจะกำจัดราชาแฟรกไจล์ ราชาผู้หลบหนี เธอก็ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่ามันหมายถึงอะไรกันแน่
มันกะทันหันมากจนเธอไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นเรื่องจริงจังหรือล้อเล่นกันแน่
มีบางสิ่งที่เป็นเรื่องสำคัญกำลังจะเกิดขึ้นงั้นเหรอ
วงล้อแห่งโชคชะตาอันยิ่งใหญ่กำลังพยายามดึงพวกเราเข้าไป และเริ่มหมุนใช่ไหม
เธอบอกไม่ได้แม้แต่เรื่องนั้น
นอกจากนี้ แม้ว่าจะไม่ได้เป็นห่วง แต่เธอก็อยากรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของวีรัส
เจ้าของเดิมอยู่ที่ไหน และตอนนี้เขาทำอะไรอยู่
วีรัสไม่มีวันให้อภัยกับความขุ่นเคืองเช่นนี้
นั่นเป็นเหตุผลที่เธออยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงจะไม่ได้เป็นกังวลเลยก็ตาม
……แม้ว่าเธอจะอยากคุยกับคนอื่น แต่ทั้งลูเซียโด ทั้งอาซีร์ ต่างก็เป็นคนประเภทที่ไม่ค่อยพูดมาก
พวกเธออายุยังน้อย และไม่ยอมรับชีวิตที่นี่――ครั้งหนึ่งเอด้าก็เคยเป็นเหมือนพวกเธอ ดังนั้นจึงไม่โกรธ หรือพยายามโน้มน้าวอะไร
เพราะในที่สุดพวกเธอจะต้องยอมรับความเป็นจริงนี้ ต่อให้พวกเธอจะไม่ชอบมันก็ตาม ละทิ้งความหวัง และใช้ชีวิตด้วยหัวใจที่เหนื่อยล้า
เช่นเดียวกับตัวเธอในอดีต
――ในขณะที่กำลังคิดถึงเรื่องนี้ สองคนที่ได้รับคำสั่งให้อยู่ในห้องก็กลับมา
“อ้า ยินดีต้อนระ……เอ๊ะ?”
โดยปกติแล้ว เธอคงพยายามถามสิ่งที่สงสัย เช่น「เป็นยังไงบ้าง?」หรือ「ทำไมถึงขอให้อยู่ต่อ?」
เธอพูดอะไรไม่ออก เมื่อเห็นรูปลักษณ์ของเพื่อนร่วมชะตากรรม
“กะ เกิดอะไรขึ้นกับใบหน้ากัน!?”
เป็นเวลานานแล้วที่เธอไม่ได้เห็นใบหน้าปกติของสาวน้อยเอสเธอร์ที่ควรจะมีผ้าพันแผลที่ตาซ้ายของเธอ
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ดวงตาของเอสเธอร์ยังคงมีรอยแผลเป็นจากการถูกลูกค้าที่เมาต่อย
เพราะไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเอด้าที่ทาครีมที่มีประสิทธิภาพน่าสงสัยลงบนบาดแผลของเธอเกือบทุกวัน
ผลของยายังเป็นที่น่าสงสัย และเนื่องจากรอยแผลเป็นบนใบหน้า เธอจึงรับลูกค้าได้ไม่เป็นที่พอใจ และนิสัยการกินของเอสเธอร์ที่แย่มาตลอด แต่ช่วงนี้ชีวิตของเอสเธอร์ยิ่งแย่เป็นพิเศษ
บาดแผลไม่สามารถรักษาให้หายได้
เช้านี้เธอยังกังวลว่าในที่สุดมันจะเน่าเปื่อย และแย่ลง หรือจะทิ้งรอยแผลเป็นถาวรไว้――นั่นคือสิ่งที่เธอกังวลใจมาก
ยังไงก็ตาม
“อืม ยังไงก็ไม่รู้ แต่หายดีแล้ว”
เอสเธอร์ที่พึ่งถูกรักษาจนหายเอง ก็ยังเหมือนไม่เชื่ออยู่ที่ไหนสักแห่ง ยังสับสนอยู่หรือเปล่า เธอยิ้มเจื่อน ๆ ออกมา สงสัยว่าอาจกำลังมีความสุขอยู่
“――เวทมนตร์ศักดิ์สิทธิ์?”
แล้วเธอก็ต้องรู้สึกประหลาดใจกับเสียงที่เหมือนกระซิบที่ไม่คาดคิด และเมื่อมองกลับไปก็เป็นอาซีร์ที่ไม่พูดมาเป็นเวลานานแล้วนั่นเอง แต่เธอกำลังจ้องไปที่เอสเธอร์ด้วยสีหน้าตกตะลึง
“มะ ไม่ใช่……เธอบอกว่าไม่ใช่เวทมนตร์ แต่ว่า……”
“……”
เมื่อเอสเธอร์ที่ยังสับสนกับหลายสิ่งหลายอย่าง ตอบกลับด้วยความสับสนกับปฏิกิริยาของอาซีร์ เมื่อได้ยินเธอก็ก้มหน้าลงราวกับว่าเธอหมดความสนใจในคำตอบแล้ว
ม๊า เรื่องของอาซีร์ตอนนี้ไว้ก่อน
“เด็กคนนั้นคืออะไรกันแน่?”
“ไม่รู้เหมือนกัน พวกเราไม่ได้คุยอะไรกันเป็นพิเศษด้วยซ้ำ พวกเราถูกรั้งไว้ เป็นเพราะว่าได้รับบาดเจ็บเท่านั้นเอง”
เอสเธอร์หันไปหาลุยซา ผู้หญิงอีกคนที่กำลังเดินไปที่เตียงขณะใช้ไม้ค้ำยัน
“ว่าไงดี ดูเหมือนว่าเธอจะสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ด้วยพลังลึกลับบางอย่างล่ะ เธอบอกว่าขาของลุยซาสามารถรักษาให้หายได้ แม้ว่าจะต้องใช้เวลาสักระยะก็ตาม”
“……ต้องล้อเล่นแน่ ๆ?”
เธอรู้ว่ามันสามารถรักษาให้หายขาดได้ หากเพิ่งได้รับบาดเจ็บ
ในแง่นั้น เธอยังยอมรับได้ เพราะว่าบาดแผลบนใบหน้าของเอสเธอร์หายดีแล้ว เพราะมันยังเป็นบาดแผลสดอยู่
ยังไงก็ตาม อาการบาดเจ็บของลุยซาเกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน และหายดีมานานแล้ว เธอได้ยินมาว่าไม่สามารถงอกใหม่ได้อีกต่อไป แม้จะมียาเวทมนตร์แสนวิเศษคุณภาพสูงสุดก็ตาม
“ฉันเองก็คิดอย่างงั้นเหมือนกัน แต่――”
“――ฉันกำลังคิดจะเดิมพันกับเด็กคนนั้นน่ะ”
คนที่พูดแบบนั้นก็คือ ลุยซาเองที่ในที่สุดก็นั่งลงบนเตียง ได้
“ฉันไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้รักษาตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้นหากว่ามีสองทางเลือกอย่าง รักษาสภาพที่เป็นอยู่หรืออาจจะฟื้นตัวเต็มที่ มาให้ ก็ไม่มีเหตุผลที่จะลังเลจริงไหม? ต่อให้จะไม่หายดี แต่ก็ไม่ขาดทุนล่ะนะ”
แน่นอนว่าจะก็ไม่ได้เสียหายอะไร
ทว่า เด็กสาวผมดำคนนั้นคือใครหรืออะไรกันแน่ ปัจจุบันทุกอย่างอยู่นอกเหนือขอบเขตความเข้าใจของเธอในทุกแง่มุม
“ฉัน……คงต้องรอดูล่ะน๊า ไหน ๆ ก็ถูกบอกให้ทำในสิ่งที่ต้องการได้แล้ว ดังนั้นฉันจะทำตามสิ่งที่ฉันต้องการแล้วกัน”
หรือก็คือ――
“ลุยซาจะอยู่ข้างเด็กคนนั้นใช่ไหม? แล้ว เอสเธอร์จะรอดูสินะ”
ทั้งสองพยักหน้าให้กับการยืนยันของเอด้า
“――เข้าใจแล้ว งั้นฉันก็จะอยู่ข้างเด็กคนนั้นด้วยแล้วกัน”
เธอยังอยู่ในระยะก่อนที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อ และก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าจากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เริ่มแรกเลย เธอยังไม่ได้ยินชื่อของเด็กคนนั้นเลย
ยังไงก็ตาม เอด้าตัดสินใจอย่างรวดเร็วเกี่ยวกับตำแหน่งของเธอในขณะนี้
ไม่ใช่แค่ลุยซา แต่เอด้าเองก็อยากจะเดิมพัน
ไม่ว่าในกรณีไหน เธอก็ถือว่าแก่แล้ว ในอีกไม่กี่ปีเธอก็จะไม่สามารถหาเงินได้ และจะถูกโยนทิ้งออกไป
หลังจากนั้น ก็มั่นใจได้เลยว่าจะไม่มีอะไรดีเกิดขึ้นกับเธอ และเธอก็จะต้องตายไป
มันเป็นชีวิตของหญิงมีอายุคนหนึ่ง ซึ่งไม่มีคุณค่าอะไรมากมาย และไม่มีใครต้องการ
เธอเคยคิดว่ามันเสียเปล่าที่จะเดิมพันอะไรกับเรื่องพวกนี้
“ดีล่ะ ในเมื่อตัดสินใจได้แล้ว ก็ต้องลงมือทำในสิ่งที่ฉันตัดสินใจเน๊ะ”
“จะทำอะไรล่ะ?”
“ฉันได้รับเงินแล้ว ฉันจะเตรียมอาหารให้เด็กคนนั้นไงล่ะ ฉันจะดูแลเด็กคนนั้นตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่”
ชีวิตที่เหลือของเธอก็ไม่สำคัญอยู่แล้ว
ถ้าอย่างงั้นแล้ว――การเดิมพันกับคนที่จะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดีจริงไหม แม้จะพูดไปไกลถึงขั้นว่า「ฉันจะกำจัดแฟรกไจล์ ราชาแห่งการหลบหนีที่ปกครองเกาะแห่งนี้ให้สิ้นซาก」ก็ตาม
เธอไม่ได้ตั้งความคาดหวังไว้สูงนัก แต่เธอก็รู้ดีว่าเธอไม่มีอะไรจะเสียหากหากว่าล้มเหลว
แม้มันจะรวมถึงชีวิตของเอด้าเองด้วย
――ผู้หญิงทั้งห้าคนพยายามตัดสินใจว่าอยากจะยืนตรงไหน ทั้งไม่แน่ใจ และดูเหมือนจะไม่สนใจ……ไม่สิ ผู้หญิงทั้งหกคน รวมทั้งโอลิเวียร์ด้วย
“ฉันจะต้องดูแลพวกเด็ก ๆ ให้ฉันดูแลคุณเถอะ”
ไม่นานเธอก็ได้เรียนรู้ว่าไม่มีสิ่งที่เรียกว่า ไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะยืนอยู่ตรงไหน หรือจะเข้าข้างหรือไม่
เพื่อดูแลทาสหญิงและเด็กที่เพิ่มมากขึ้นตั้งแต่คืนนั้นมา เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเข้าไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมของเด็กสาวผมดำ