คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 1 บิดาชั่ว
ตอนที่ 1 บิดาชั่ว
แคว้นซ่างกู่ จวนโหวกว่างหนิง
เซียวฮูหยินของท่านโหวกว่างหนิงพาสาวรับใช้ทั้งเด็กทั้งคนชราเดินทางไปยังหอฮุ่ยปิงที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือในจวนโหว
โครม!
เมื่อเดินมาถึงทางเข้าประตู นางก็ได้ยินเสียงดังราวกับสิ่งของมีน้ำหนักตกกระทบพื้น
สีหน้าของนางเคร่งเครียด หรือว่ามาช้าเกินไป?
“รออยู่ที่เดิม!”
ด้านในสถานการณ์ไม่ชัดเจน ไม่เหมาะให้คนจำนวนมากเห็น เซียวฮูหยินจึงพาแค่สาวรับใช้คนสนิทสองคนเดินเข้าไปด้านใน
ที่หน้าประตูห้อง มีสาวรับใช้คนหนึ่งและบ่าวรับใช้อีกคนหนึ่งนอนสลบอยู่บนพื้น
ภายในห้อง หนึ่งชายหนึ่งหญิงฟุบอยู่บนพื้น นอนหมดสติเช่นเดียวกัน
เซียวฮูหยินของท่านโหวกว่างหนิงเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ คิ้วของนางก็พลันขมวดมุ่น
ไม่ต้องคิดนางก็รู้ คนที่ลงมือคือคุณหนูสี่แห่งจวนโหวบุตรสาวของนาง เยียนอวิ๋นเกอ
เยียนอวิ๋นเกอ อายุเพียงสิบต้นๆ รูปร่างก็สูงผอมจนแทบจะเทียบเท่าหญิงสาวอายุสิบสองสิบสามปีแล้ว
ใบหน้าของนางประณีต งดงาม ดวงตาแหลมคมดุดัน
นางสวมชุดยิงธนู เรียบง่าย ไม่สวมใส่เครื่องประดับ มีเพียงแขนเสื้อทั้งสองข้างใช้ด้ายหลากสีเย็บขอบ ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเพียงสิ่งนี้ที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นสตรี
หญิงสาวตัวน้อยที่งดงามประณีตเพียงนี้กลับกลายเป็นหญิงใบ้เพียงเพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นตอนอายุห้าขวบ นับแต่นั้นมานางก็ไม่อาจเปล่งเสียงออกมาได้อีก
เมื่อเห็นเซียวฮูหยินผู้เป็นมารดาเดินทางมาถึง เยียนอวิ๋นเกอก็เผยยิ้มหวาน
นางชี้ไปที่สาวรับใช้และบ่าวรับใช้ด้านนอกประตู จากนั้นหยิบกระดาษและดินสอถ่านออกมา เขียนคำว่า ‘สมควรตี’ ลงไปอย่างรวดเร็ว!
คำว่า ‘สมควรตี’ นั้นเขียนด้วยลายมืองดงาม แสดงให้เห็นถึงความน่าเกรงขาม
จากนั้น นางชี้ไปที่ชายหญิงที่นอนสลบอยู่ภายในห้อง ก่อนจะเขียนลงไปว่า ‘สมควรฆ่า’
เกรงว่าพลังของคำว่า ‘สมควรฆ่า’ ยังไม่เพียงพอ นางจึงทำท่าทางปาดคอเพิ่ม
เซียวฮูหยินเลิกคิ้วขึ้น สีหน้าระอาเป็นอย่างมาก
“ท่านแม่มาได้อย่างไร เรื่องวันนี้ไม่เกี่ยวกับน้องสี่ ข้าเป็นคนลากน้องสี่มาเพื่อเพิ่มความกล้าหาญ ไม่คิดว่าจะบังเอิญเช่นนี้ พบทั้งสองคนนี้กำลังนัดพบกันอย่างลับๆ ที่นี่ ที่แท้ทั้งสองคนนี้มีความสัมพันธ์ที่ไม่กระจ่างเสมอมา”
คุณหนูใหญ่แห่งจวนโหว เยียนอวิ๋นเฟยเดินออกมา ขวางตรงหน้าของน้องสี่ เยียนอวิ๋นเกอ เห็นได้ชัดว่านางต้องการแบกรับความผิดทั้งหมด
เยียนอวิ๋นเกอร้อนใจ นางมุดออกมาจากด้านหลังของพี่สาวคนโต ยกมือขึ้นทำท่าทาง
นางเป็นคนลากพี่หญิงใหญ่มาจับชู้ที่หอฮุ่ยปิงเอง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพี่หญิงใหญ่
กลัวว่าเซียวฮูหยินผู้เป็นมารดาไม่เข้าใจ นางจึงเขียนลงบนกระดาษอย่างแรงว่า ‘จับชู้’
อีกทั้งยังไม่ลืมชี้ไปยังชายหญิงที่นอนสลบอยู่บนพื้น อีกฝ่ายก็คือหญิงร้ายชายชั่วคู่นี้
เซียวฮูหยินยกมือ บอกให้บุตรสาวทั้งสองคนอย่าตื่นตระหนก
นางจ้องมองชายหญิงที่นอนสลบอยู่บนพื้น สีหน้าดำทะมึน
ถึงแม้จะไม่เห็นใบหน้าตรงๆ ของชายหญิงคู่นี้ แต่ดูจากเครื่องแต่งกายของทั้งสองคน รวมทั้งสาวรับใช้และบ่าวรับใช้ที่สลบอยู่นอกประตู นางก็พอจะเดาตัวตนของชายหญิงคู่นี้ได้แล้ว
นางสั่งสาวรับใช้ “พลิกตัวทั้งสองคนกลับมา!”
สาวรับใช้รับคำสั่ง เดินขึ้นหน้าพลิกตัวชายหญิงคู่นั้นกลับมาอย่างรุนแรง เผยให้เห็นใบหน้าของพวกเขา
“คุณชายหลิงและคุณหนูอวิ๋นเพ่ยของฮูหยินรอง”
สาวรับใช้ร้องออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะมองเซียวฮูหยินด้วยสีหน้ากังวล อีกทั้งยังสังเกตสีหน้าของคุณหนูใหญ่ เยียนอวิ๋นเฟยอย่างระมัดระวัง
เซียวฮูหยินคิ้วขมวดมุ่น ถึงแม้นางจะคาดเดาตัวตนของคนทั้งสองได้ก่อนหน้านี้ แต่ก็ยังไม่สะเทือนจิตใจเท่าได้เห็นกับตา
สารเลวทั้งสองคน!
สาวรับใช้ถามเสียงเบา “ฮูหยิน บัดนี้ทำอย่างไรดีเจ้าคะ”
คุณชายหลิงผู้เป็นว่าที่สามีของคุณหนูใหญ่กับเยียนอวิ๋นเพ่ยแอบพบกันอย่างลับๆ ดูจากชุดหลุดลุ่ยของทั้งสอง เกรงว่าจะมีความแนบชิดทางกายกันแล้ว
จะทำอย่างไรดี
อีกสิบวัน คุณหนูใหญ่เยียนอวิ๋นเฟยก็จะแต่งงานกับคุณชายหลิงครองคู่เป็นสามีภรรยากันแล้ว
แต่ในเวลานี้ คุณชายหลิงแอบลอบมีความสัมพันธ์กับคุณหนูของบ้านรอง งานแต่งจะยังสามารถดำเนินต่อไปได้หรือ
หากงานแต่งยังคงดำเนินไปโดยมีเรื่องนี้แทรกกลาง สามีภรรยาจะอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขได้อย่างไร
หากยกเลิกงานแต่ง คุณหนูใหญ่เยียนอวิ๋นเฟยจะทำอย่างไร นางจะยังสามารถแต่งงานกับผู้ใดได้
ถูกน้องสาวแย่งสามี ไม่ใช่เรื่องดีเลย
น่าอับอายยิ่งนัก!
ถึงแม้ทุกคนจะตำหนิหลิงฉางเฟิงว่าหลงใหลในความงาม กระทำการไม่สมควร แต่เขาเป็นชาย อย่างมากก็แค่ถูกตำหนิเท่านั้น หลังจากนั้นหนึ่งถึงสองปี ทุกคนย่อมลืมเรื่องนี้
ส่วนเยียนอวิ๋นเพ่ย ในเมื่อนางบังอาจลอบมีความสัมพันธ์กับอีกฝ่ายย่อมแสดงให้เห็นถึงความไร้ยางอายของนางแล้ว
คนที่ต้องแบกรับผลสุดท้ายที่แท้จริงคือเยียนอวิ๋นเฟยผู้บริสุทธิ์
นางต้องถูกคำนินทารายล้อม อีกทั้งถูกคนสาดน้ำสกปรกใส่…
เพียงแค่คิดถึงสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น สาวรับใช้ก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที
มิน่าคุณหนูสี่เยียนอวิ๋นเกอถึงได้แสดงสีหน้าโกรธเคือง ท่าทางราวกับจะฆ่าคนได้เช่นนั้น
หากสองคนนี้ตายไปก็ถือเป็นวิธีแก้ปัญหาอย่างหนึ่ง
เซียวฮูหยินใบหน้าดำทะมึน สิ่งที่สาวรับใช้นึกถึง นางย่อมสามารถตระหนักได้
สิ่งที่สาวรับใช้นึกไม่ถึงคือนางย่อมมีแผนการอยู่ก่อนแล้ว
เวลานี้ไม่อาจรีบร้อนได้
เซียวฮูหยินถาม “เหตุใดพวกเขาทั้งสองจึงสลบ ตอนที่พวกเจ้ามาถึง สถานการณ์เป็นอย่างไร”
เยียนอวิ๋นเฟยสีหน้าราบเรียบ ราวกับชายหนุ่มที่นอนอยู่บนพื้นไม่ใช่ว่าที่สามีของนาง
นางพูดเสียงเบา “ตอนที่พวกข้ามาถึง สองคนนี้คงกำลังเริ่มแนบชิดกัน พวกเขากำลังปลดเปลื้องเสื้อผ้า น้องสี่มือหนักไปเล็กน้อย ลงมือแค่คนละที ทั้งสองคนก็สลบไปแล้ว”
เยียนอวิ๋นเกอไม่เพียงแค่ลงมือหนักไปเล็กน้อยเท่านั้น
เมื่ออดีตชาตินางเป็นหญิงสาวที่หลงเหลือเป็นคนสุดท้ายในวันสิ้นโลก อาศัยพละกำลังที่มีมาก อยู่รอดในยุควันสิ้นโลกมาอย่างยากลำบาก
หลังจากตายแล้วจึงมาเกิดใหม่ในตระกูลเยียน แต่พรสวรรค์ด้านพละกำลังเมื่ออดีตชาติก็ติดตัวมาด้วย
ถึงแม้นางจะอายุสิบต้นๆ แต่นางมีกำลังมาก ย่อมสามารถรับมือกับคนเจริญวัยสองสามคนได้
เยียนอวิ๋นเกอไม่พอใจแทนพี่ใหญ่
นางทำท่าปาดคอ
หญิงร้ายชายชั่วคู่นี้ ทำร้ายคนไม่น้อยเลย
เวลานี้ข่าวยังไม่แพร่กระจายออกไป จัดการปาดคอคนทั้งสองแล้วแสร้งทำเป็นอุบัติเหตุเสียดีกว่า
“อวิ๋นเกออย่าบุ่มบ่าม!” เซียวฮูหยินพูดอย่างกังวล “อวิ๋นเพ่ยของบ้านรองเราอาจไม่ต้องสนใจ แต่หลิงฉางเฟิง เขาเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลหลิงแห่งเคว้นหงหนง หากเขาเกิดเรื่อง ตระกูลหลิงย่อมต้องเอาเรื่องจนถึงที่สุด เมื่อถึงเวลา ท่านพ่อของเจ้าย่อมต้องส่งตัวเจ้าให้ตระกูลหลิงจัดการเพื่อระงับความโกรธ”
เซียวฮูหยินกังวลว่าเยียนอวิ๋นเกอจะกระทำการบุ่มบ่าม ทำร้ายตนเอง นางเป็นห่วงอย่างมาก
เยียนอวิ๋นเฟยพูดขึ้นเช่นเดียวกัน “น้องสาวอย่าได้มือเปื้อนเลือดเพราะข้าเลย หญิงร้ายชายชั่วคู่นี้มีวิธีจัดการพวกเขามากมายโดยไม่ต้องเปื้อนมือของพวกเรา อีกทั้งพวกเราไม่มีความสำคัญมากพอให้ท่านพ่อปกป้องพวกเราโดยไม่สนใจตระกูลหลิง”
“อวิ๋นเฟยพูดถูก อวิ๋นเกอเจ้าอย่าทำให้มือของตนเองต้องแปดเปื้อน ยิ่งไม่อาจทิ้งจุดอ่อนให้ผู้อื่นจับได้”
เซียวฮูหยินกังวลจนสีหน้าซีดเผือด
เมื่อเห็นมารดาและพี่สาวต่างเป็นกังวลต่อนาง เยียนอวิ๋นเกอก็รู้สึกอบอุ่นภายในใจ
นางยิ้ม เพื่อให้มารดาและพี่สาวคนโตไม่ต้องกังวล นางย่อมรู้ว่าไม่สามารถฆ่าสองคนนี้ได้
ฆ่าคนเป็นเรื่องง่ายดาย แต่การจัดการเรื่องราวหลังจากนั้นกลับเป็นเรื่องที่ยุ่งยากนัก
ด้วยเหตุนี้ ตอนที่นางลงมือจึงออมแรงเอาไว้แต่แรก เพียงแค่ทำให้คนทั้งสองสลบไม่ได้ทำให้พวกเขาถึงแก่ความตาย
นางเพียงแค่เป็นห่วงพี่สาวคนโตเยียนอวิ๋นเฟย
ท่านพี่จะทำอย่างไร
ท่านยังจะแต่งงานกับหลิงฉางเฟิงหรือ
ตอนนั้นท่านพ่อกำหนดงานแต่งนี้ ดวงตาของเขาคงถูกขี้หมาบดบังเอาไว้!
ลักษณะของหลิงฉางเฟิงแค่เห็นก็รู้ว่าเป็นผู้ที่ชมชอบกามารมณ์ หากท่านพี่แต่งงานไปแล้วนางจะมีชีวิตที่ดีได้อย่างไร
เยียนอวิ๋นเฟยยื่นมืออกไป บีบแก้มของเยียนอวิ๋นเกอ ช่างอ่อนนุ่มเสียจริง
นางยิ้ม พูด “ชายประเภทนี้ ไม่แต่งก็ดี”
เซียวฮูหยินได้ยินดังนั้น คิ้วของนางก็ขมวดขึ้นอีกครั้ง แต่ไม่ได้เอ่ยปาก
เรื่องงานแต่งจะดำเนินการต่อไปหรือไม่ ยังต้อพิจารณาดูให้ละเอียด
ส่วนหลิงฉางเฟิง เซียวฮูหยินเผยสีหน้ารังเกียจออกมา
ครานี้หลิงฉางเฟิงเดินทางมาแคว้นซ่างกู่เพื่อมาสู่ขอเยียนอวิ๋นเฟย
ไม่คิดว่า เวลาเพียงไม่กี่วัน เขาจะไปข้องเกี่ยวกับเยียนอวิ๋นเพ่ยของบ้านรอง อีกทั้งยังมีการแนบชิดกันเกิดขึ้น
เห็นได้ชัด ตั้งแต่แรกเริ่ม เขาไม่ได้มีเยียนอวิ๋นเฟยอยู่ในใจ ไม่เคยคำนึงถึงนางแม้แต่น้อย
เยียนอวิ๋นเฟยไม่คู่ควรกับเขาอย่างไร
บุตรสาวคนโตของท่านโหวกว่างหนิง มีทั้งชาติตระกูล มีทั้งรูปลักษณ์ ตรงใดที่ไม่คู่ควร
เขาบังอาจนักที่ทำกับเยียนอวิ๋นเฟยเช่นนี้ สมควรตายยิ่งนัก!
เซียวฮูหยินเกิดความแค้นฝังลึกภายในใจ แต่นางยังไม่ขาดสติ
“เยียนอวิ๋นเพ่ยนางตัวดีไร้ยางอาย แม้แต่ว่าที่สามีของคุณหนูใหญ่ยังบังอาจแย่งชิง” สาวรับใช้ถ่มน้ำลาย ท่าทางรังเกียจยิ่งนัก
เซียวฮูหยินตัดสินใจทันที “มัดทั้งสองคนเอาไว้ก่อน แยกขังพวกเขาไว้ เรื่องนี้ไม่อาจเผยแพร่ออกไปได้ ออกคำสั่งปิดปากคนทั้งจวน”
“เยียนอวิ๋นเพ่ยไม่กลับจวนเสียที หากบ้านรองถามขึ้นมาจะตอบอย่างไรดีเจ้าคะ” หญิงชราถาม
เซียวฮูหยินทำหน้าบึ้งตึง พูดเสียงแหลม “ให้นางออกไป! จวนโหวของพวกเราไม่มีหน้าที่ดูแลบุตรสาวแทนพวกเขา”
สาวรับใช้รับคำสั่ง แอบสะใจเล็กน้อย
ภายในใจของนางมีแผนการ รอบ้านรองมาถามหาเยียนอวิ๋นเพ่ย นางจะเหยียดหยามอีกฝ่ายให้หนัก
…
สาวรับใช้ได้ข่าวก็รีบเดินเข้าประตูไปเพื่อรายงาน
“ฮูหยิน ท่านโหวกลับจวนแล้ว กำลังเดินทางมาเจ้าค่ะ”
เมื่อได้ยิน ทุกคนต่างตกตะลึง
เซียวฮูหยินขมวดคิ้วมุ่น “ท่านโหวเดินทางกลับมาในเวลานี้ หรือว่าท่านโหวรู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ผู้ใดปล่อยข่าวรั่วไหลออกไป”
ไม่มีผู้ใดตอบ
ไม่ช้า ด้านนอกก็มีเสียงของฝีเท้าดังขึ้น
ท่านโหวกว่างหนิงเยียนโส่วจ้านนำองครักษ์ส่วนตัวและบ่าวรับใช้เดินทางมายังหอฮุ่ยปิง
สาวรับใช้ข้างตัวของเซียวฮูหยินล้วนถูกองครักษ์เชิญออกไปด้านนอกลาน
แม้แต่สาวรับใช้คนสนิททั้งสองของเซียวฮูหยินก็ไม่ได้รับการยกเว้น
ท่านโหวกว่างหนิงเยียนโส่วจ้านเดินเข้ามาในห้อง กวาดตามองหลิงฉางเฟิงและเยียนอวิ๋นเพ่ยที่สลบไม่ได้สติอย่างเงียบๆ
เมื่อเห็นชุดหลุดลุ่ยของคนทั้งสอง ไม่ต้องอธิบาย เขาก็รู้เรื่องที่เกิดขึ้นของทั้งสองแล้ว
เขาออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด “นำตัวสองคนนี้ลงไป แยกขังเอาไว้ ไม่มีคำสั่งของข้า ผู้ใดก็มิอาจเข้าใกล้สองคนนี้ โดยเฉพาะคุณชายรองและคุณหนูสี่”
เยียนอวิ๋นเกอโกรธจัด ไม่ยุติธรรม!
ท่านโหวกว่างหนิงเยียนโส่วจ้านส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ ชี้ไปยังเยียนอวิ๋นเกอ “กีดกันเจ้า”
เหตุใดจึงต้องกีดกันข้า
โครม!
เยียนอวิ๋นเกอเตะเก้าอี้ตัวเล็กพลิกคว่ำ
“อวิ๋นเกอ อย่าได้เสียมารยาท!”
เซียวฮูหยินตำหนิเสียงเบา แต่ไม่มีเจตนาตำหนิแม้แต่น้อย
เพียงแต่ในฐานะมารดา นางจึงต้องเอ่ยตักเตือน
เยียนโส่วจ้านสั่งการขึ้นอีกครั้ง “ถือคำสั่งของข้า ให้คุณชายรองนำเสบียงเดินทางข้ามเขา ภายในเจ็ดวัน มิให้เขากลับมา มิฉะนั้นลงโทษตามกฎทหาร”
“ขอรับ!” องครักษ์รับคำสั่งก่อนจากไป
เซียวฮูหยินสีหน้าดำทะมึน “ท่านโหวช่างพยายามช่วยชีวิตของหลิงฉางเฟิงและเยียนอวิ๋นเพ่ยยิ่งนัก หากอวิ๋นเกอมีเจตนาฆ่าคน เหตุใดจึงต้องรอท่านโหวกลับมาจึงค่อยลงมือ นางคงตัดหัวของสองคนนี้ไปนานแล้ว ส่วนคุณชายรอง เขาก็แค่เป็นห่วงน้องสาว ย่อมไม่มีทางฆ่าคนด้วยความบุ่มบ่าม”
ท่านโหวกว่างหนิงเยียนโส่วจ้านหัวเราะร่า “ฮูหยินเข้าใจผิดแล้ว! ข้าเตรียมการเช่นนี้ เพียงแค่ป้องกันเท่านั้น ไม่ได้คิดว่าคุณชายรองและอวิ๋นเกอจะฆ่าคน อีกอย่าง งานแต่งของอวิ๋นเฟยใกล้เข้ามาแล้ว เวลานี้ไม่เหมาะกับการนองเลือด”
เสแสร้ง!
เขาไม่คิดจะหาข้ออ้างที่มีเหตุผลกว่านี้หรือ เขาก็เพียงแค่พูดส่ง ๆ เพื่อให้จบเรื่องไป
เขาเพียงแค่กลัวหลิงฉางเฟิงเป็นอะไรไปแล้ว เขาจะไม่สามารถอธิบายกับตระกูลหลิงได้ ทำลายโอกาสที่จะได้สานสัมพันธ์กับตระกูลหลิง อีกทั้งยังอาจก่อให้เกิดการแก้แค้นจากตระกูลหลิง
เพื่อผลประโยชน์ เขาใช้ชีวิตของบุตรสาวในการแลกเปลี่ยน ช่างสมเหตุสมผลเสียจริง!
พูดตามตรงย่อมได้ ต้องสรรหาเหตุผลเหลวไหลอันใดกัน
เห็นได้ชัด เยียนโส่วจ้านไม่สนใจความรู้สึกของพวกนางแม่ลูกแม้แต่น้อย ยิ่งไม่สนใจอนาคตของลูกสาวคนโตอย่างเยียนอวิ๋นเฟย
บิดาชั่ว!
เยี่ยนอวิ๋นเกอหัวเราะเสียงเย็น ยกมือขึ้น ฟาดลงไป เพียงแค่ทีเดียวก็ทำให้มุมของโต๊ะหัก
นางมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา ไม่ปิดบังความเหยียดหยามที่มีต่อบิดาเยียนโส่วจ้านแม้แต่น้อย