คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 194 ได้บุตรสาว
ตอนที่ 194 ได้บุตรสาว
เมื่อมีการสนับสนุนขององค์หญิงเฉิงหยาง เรื่องการช่วยเหลือภัยพิบัติขององค์ชายสามเซียวเฉิงอี้จึงเป็นไปอย่างราบรื่นอย่างยิ่ง
จากนั้นองค์ชายใหญ่เซียวเฉิงเย่จึงทำลายข้าวของในห้องตำราที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งทิ้งไป
เขาโกรธจนเลือดขึ้นหน้า มองไปยังกุนซือที่หลอกเขาในตอนนั้น
“ตอนแรกเจ้าพูดอย่างไร เมื่อเจ้าสามออกจากเมืองหลวงไปบรรเทาภัยพิบัติ เขาย่อมต้องหัวร้างข้างแตก เวลานี้ข้าไม่เพียงไม่เห็นเขาหัวร้างข้างแตก หากแต่สามารถคาดการณ์เห็นภาพที่เขาประสบความสำเร็จในการบรรเทาภัยพิบัติ กลับเมืองหลวงมาอย่างสง่างาม เจ้าว่าข้ามีเจ้าไว้เพื่อประโยชน์ใด เจ้ามันไร้ความสามารถ!”
จะต้องหัวเปื้อนเลือดแน่นอน ฝ่าบาทไม่เห็นหัวที่เปื้อนเลือด แต่ฉันสามารถคาดเดาได้แล้วว่าฉากที่และกลับมาปักกิ่ง เจ้าคิดว่าฝ่าบาทต้องการเจ้าเพื่ออะไร
กุนซือก็รู้สึกไม่เป็นธรรมอย่างมาก!
เขาเพียงแค่ทำหน้าที่ของกุนซือ บรรเทาความทุกข์ให้เถ้าแก่ เสนอแผนการ ปลอบอารมณ์ของเถ้าแก่
ตอนนั้นหากเขาไม่พูดเช่นนั้น องค์ชายใหญ่จะสงบลงได้หรือ
กุนซือรู้สึกว่าตนเองช่างยากเหลือเกิน!
แน่นอนว่าเขายังคงเป็นคนที่มีไหวพริบ เขาเริ่มใช้วาจาหลอกลวงอีกครั้ง “องค์ชาย ตระกูลใหญ่บนแผ่นดินนี้ล้วนเหมือนกัน พวกเขาต่างหวังว่าผู้ประสบภัยจะอดตาย องค์ชายสามออกจากเมืองหลวงเพื่อช่วยบรรเทาภัยพิบัติย่อมเป็นการแก่งแย่งผลประโยชน์จากพวกเขา การสกัดหนทางหาเงินของผู้อื่นก็เหมือนกับการฆ่าบิดามารดาของพวกเขา ตระกูลใหญ่ไม่มีทางปล่อยองค์ชายสามไป หากพระองค์ไม่ทรงเชื่อก็รอดู เรื่องที่ข้าคาดการณ์ย่อมต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน”
เซียวเฉิงเย่เย้ยหยัน “เจ้าคือว่าข้าโง่หรือ อะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในการบรรเทาภัยพิบัติ เสบียง! เจ้าสามมีเสบียงมากมายอยู่ในมือ เขายังไม่ได้ออกจากเมืองหลวง การบรรเทาภัยพิบัติก็สำเร็จไปแล้วครึ่งทาง”
กุนซือถามเสียงเบา “องค์ชายทรงมั่นใจได้อย่างไรว่าเสบียงเหล่านั้นจะไปถึงพื้นที่ภัยพิบัติได้อย่างปลอดภัย”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร” เซียวเฉิงเย่หรี่ตาลง “เจ้าคงไม่คิดจะยุยงให้ข้าไปปล้นเสบียงใช่หรือไม่”
“พระองค์ทรงเข้าใจข้าผิดแล้ว พระองค์ไม่ต้องออกแรงแม้แต่น้อย ไม่ต้องรับผิดชอบแม้แต่น้อย ตระกูลใหญ่เหล่านั้นจะจัดการปัญหาทั้งหมดเอง เมื่อถึงเวลาพระองค์ทำแค่เพียงนั่งกอบโกยผลประโยชน์”
“มีเรื่องที่ดีเช่นนี้เชียวหรือ”
“พระองค์ทรงคิดว่าตระกูลใหญ่เหล่านั้นจะปล่อยให้องค์ชายสามบรรเทาภัยพิบัติได้สำเร็จจริงหรือ”
เซียวเฉิงเย่เงียบ
หลังจากนั้นสักพัก เขาจึงพูดขึ้น “เจ้าคิดว่าข้าสามารถคาดหวังต่อตระกูลใหญ่ได้จริง”
“บนแผ่นดินนี้ มีเพียงตระกูลใหญ่ทำให้องค์ชายสามล้มเหลวกลับเมืองหลวงได้”
เซียวเฉิงเย่ส่งเสียงไม่พอใจ “ได้! ข้าจะเชื่อเจ้าอีกครั้ง หากเจ้าสามกลับเมืองหลวงมาอย่างสง่างาม เมื่อนั้นเจ้าก็ออกไปเสีย!”
กุนซือตอบรับ
หาหองค์ชายสามสามารถกลับเมืองหลวงมาอย่างสง่างามจริง เมื่อถึงเวลานั้นไม่ต้องให้องค์ชายใหญ่เตือนเขา เขาก็จะลาออกเอง
ข้าวในจวนองค์ชายใหญ่ไม่เหมาะกับเขา อย่างมากก็แค่เปลี่ยนที่
…
อากาศร้อนมาก!
ท่ามกลางอากาศราวกับไม่มีน้ำแม้แต่น้อย แห้งจนทำให้คนหงุดหงิด
เยียนอวิ๋นฉีใกล้คลอดแล้ว
เมื่อเซียวฮูหยินรู้ข่าว นางเดินทางมายังจวนองค์ชายสองเป็นเวลาแรก บัดนี้กำลังเฝ้าอยู่ที่หน้าห้องคลอด
การคลอดลูกสำหรับวตรีแล้วก็เป็นเหมือนกับการเดินผ่านประตูผี
สามารถดึงดันกลับจากประตูผีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับโชคชะตา
หมอหลวงเตรียมพร้อม
ไต้ฟูสตรีที่เซียวฮูหยินเชิญมาแบ่งแยกจากหมอหลวงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งสองฝ่ายไม่ยุ่งเกี่ยวซึ่งกันและกัน
ประตูห้องคลอดปิดสนิท ด้านในมีเสียงลอยออกมาเป็นครั้งคราว รวมทั้งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของเยียนอวิ๋นฉี
เยียนอวิ๋นเกอไม่อาจทนฟังเสียงร้องของพี่สองได้ นางรู้สึกกังวล มวนท้อง พะอืดพะอม อยากจะอาเจียน
เซียวฮูหยินสั่งสาวรับใช้ พยุงคุณหนูสี่กลับจวนท่านหญิง”
เยียนอวิ๋นเกอโบกมือ ยืนกรานจะอยู่ต่อ “ข้าจะรอพี่สองให้กำเนิดบุตรอย่างราบรื่นเสียก่อน”
เซียวฮูหยินทำหน้าบึ้ง “นี่เพิ่งจะเริ่มต้น อย่างน้อยก็ต้องหกถึงเจ็ดชั่วยามกว่าจะคลอดออกมา เวลานี้เจ้าก็เป็นเช่นนี้แล้ว อีกเดี๋ยวด้านในจะยิ่งเสียงดัง เจ้ารับไหวหรือ กลับเถิด! ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่คุณหนูควรมา”
เยียนอวิ๋นเกอไม่เคยคิดว่านางจะมีปฏิกิริยาใหญ่เช่นนี้เมื่อเผชิญกับการคลอดบุตร
นางแทบอยากจะอาเจียนจนตายอยู่ตรงนี้
ภายในห้องคลอดมีเสียงร้องโอดครวญของพี่สอง เยียนอวิ๋นฉีดังขึ้นอีกครั้ง เยียนอวิ๋นเกอรู้สึกเกร็งไปทั้งตัว อึดอัดเหลือเกิน
นางไม่ทนฝืน “ข้าฟังท่านแม่ ข้าจะกลับไปบัดนี้ หลังจากพี่สองคลอดแล้ว ต้องส่งคนมาบอกข้า”
เซียวฮูหยินกำชับนาง “รีบกลับเถิด ดูสีหน้าเจ้าซีดเพียงนี้ อย่าอีกเดี๋ยวเจ้าก็ลมลงตาม”
เยียนอวิ๋นเกอสูดลมหายใจเข้า พลันจากไปอย่างรวดเร็ว
หากนางอยู่ต่อคงจะรู้สึกไม่สบายทั้งตัว
…
องค์ชายสอง เซียวเฉิงเหวินนั่งรออย่างสงบอยู่ในห้อง
อารมณ์ของเขาเสถียรอย่างมาก ไม่แสดงถึงความตื่นตระหนกแม้แต่น้อย
หากแต่เฟ่ยกงกงกังวลกว่าเขาอย่างมาก เดินไปเดินมา ออกไปชะเง้อมองที่หน้าประตูเป็นครั้งคราว จ้องมองประตูห้องคลอดด้วยสีหน้าวิตก
เซียวเฉิงเหวินดื่มชา ในมือถือตำราหนึ่งเล่ม เขายังอ่านได้อีกหรือ
เฟ่ยกงกงร้อนใจจนกระทืบเท้า “องค์ชายไม่ทรงกังวลพระทัยหรือพ่ะย่ะค่ะ”
เซียวเฉิงเหวินพูดอย่างใจเย็น “กังวลก็ไร้ประโยชน์ คลอดลูกมีสตรีทำคลอด หากเกิดเรื่องใดขึ้นมีหมอหลวงมีไต้ฟู สิ่งที่ข้าทำได้ก็คือไม่สร้างความวุ่นวาย ไม่ทำให้ทุกคนเบี่ยงเบนความสนใจ”
เฟ่ยกงกงหายใจเข้าออกเพื่อสงบอารมณ์ของตนเอง “ไม่รู้ครรภ์นี้ของฮูหยินเป็นชายหรือหญิง”
“ไม่สำคัญ! คุณหนูก็ไม่เลว!” เซียวเฉิงเหวินไม่ได้ยึดติดกับเพศของเด็กมากมายนัก
เฟ่ยกงกงกลับไม่คิดเช่นนี้ “เป็นนายน้อยจะดีกว่า!”
เซียวเฉิงเหวินยิ้มบาง จ้องมองหน้าตำราต่อไป
เสียงที่ส่งออกมาจากห้องคลอดเป็นครั้งคราวมักทำให้คนอกสั่นขวัญแขวน
เซียวเฉิงเหวินกำชับเฟ่ยกงกง “ไปดูท่านหญิงจู้หยาง มีเปลี่ยนน้ำชาของว่างหรือไม่ รับสั่งให้บ่าวรับใช้ปรนนิบัติให้ดี อย่าได้ล่าช้าแม้แต่น้อย”
ความจริงแล้ว ท่านหญิงจู้หยาง เซียวฮูหยินก็อยู่ที่ห้องด้านข้าง
แต่เซียวเฉิงเหวินกลับตั้งใจหลีกเลี่ยง
เยียนอวิ๋นฉีเริ่มคลอดตั้งแต่บ่าย เมื่อถึงกลางคืน เด็กก็ยังไม่คลอดออกมา
เซียวฮูหยินและเซียวเฉิงเหวินต่างอดทนอย่างมาก แต่เฟ่ยกงกงกลับร้อนใจ กลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น
จากตอนค่ำถึงกลางดึก จากกลางดึกถึงรุ่งสาง…
จนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น พระอาทิตย์ลอยขึ้นจากทางตะวันออก เสียงร้องไห้หนึ่งดังขึ้นจากภายในห้องคลอด
“คลอดแล้ว! คลอดแล้ว!”
ทุกคนต่างดีใจ
หัวใจที่แขวนไว้สูงในที่สุดก็ถูกวางกลับที่เดิม
เซียวฮูหยินโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด
เซียวเฉิงเหวินอดนอนมาทั้งคืนจึงไม่กระปรี้กระเปร่านัก เขามีขอบตาดำเพิ่มขึ้น
แต่ดูออกว่าเขาก็ดีใจมากเช่นเดียวกัน
เขาและเซียวฮูหยินเดินออกจากห้องแทบจะในเวลาเดียวกัน พวกเขาต่างเดินไปทางประตูห้องคลอด
หญิงทำคลอดเปิดประตูส่งข่าวดีด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ปลอดภัยทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่! ยินดีกับองค์ชายได้คุณหนู!”
“ให้รางวัล!” เซียวเฉิงเหวินดีใจอย่างมาก
“ขอบพระทัยองค์ชาย!”
หญิงทำคลอดก็ดีใจอย่างมาก
เดิมทีนางยังกังวลว่าองค์ชายสองจะรังเกียจบุตรสาว ไม่มอบรางวัลให้
ไม่คิดว่าองค์ชายสองจะดีใจ เปิดปากก็คือให้รางวัล!
เซียวฮูหยินผิดหวังเล็กน้อย นางคาดหวังให้ครรภ์นี้ของเยียนอวิ๋นฉีเป็นบุตรชาย
แต่เมื่อนางเห็นเซียวเฉิงเหวินไม่สนใจเพศของเด็ก นางก็วางใจ
อวิ๋นฉีและลูกไม่มีทางได้รับความไม่เป็นธรรม ดีมาก!
เพียงแค่เซียวเฉิงเหวินไม่ใส่ใจ ไม่ว่าหญิงหรือชายล้วนเป็นหลานของนาง นางล้วนโปรดปราน
…
เมื่อเยียนอวิ๋นเกอตื่นมา นางก็รับรู้ว่าพี่สองคลอดแล้ว อีกทั้งยังเป็นหลานสาว นางดีใจอย่างมาก
แม้แต่มื้อชาวยังไม่ทันกิน ก็เดินทางไปยังจวนองค์ชายสองอย่างเร่งรีบ
ไม่คิดว่าพี่ใหญ่จะมาเร็วกว่านางเสียอีก
พี่สองถูกเคลื่อนย้ายจากห้องคลอดไปยังห้องนอน คนกำลังหลับอยู่
เด็กวางไว้ข้างหมอนของนาง กำลังหลับอยู่เช่นเดียวกัน
“น่ารักเสียจริง!”
เยียนอวิ๋นเกอพูดจากใจ
เด็กคลอดออกมาก็สะอาดสะอ้าน ดูท่าทางเชื่อฟัง น่ารักอย่างมาก
ไม่มีลักษณะเหี่ยวย่นแม้แต่น้อย
เยียนอวิ๋นเฟยถามด้วยความสงสัย “ท่านแม่ เด็กคลอดออกมาล้วนมีลักษณะเช่นนี้หรือ”
เซียวฮูหยินส่ายหน้า “ไม่หรอก! เด็กส่วนใหญ่ที่เพิ่งคลอดออกมา ผิวของพวกเขาจะเหี่ยวย่นและแดง เหมือนสัตว์ประหลาด”
ฮ่าๆ…
เยียนอวิ๋นเกอเม้มปากแอบหัวเราะ
เยียนอวิ๋นเฟยทำหน้าอิจฉา “ลูกของน้องสองคลอดออกมาก็งดงามเพียงนี้ โตไปยิ่งต้องเป็นหญิงงาม”
เซียวฮูหยินพูดด้วยรอยยิ้ม “อวิ๋นฉีและองค์ชายสองต่างมีลักษณะที่โดดเด่น ลูกย่อมไม่ขี่เหร่ ดูจากลักษณะของเด็ก ช่างเหมือนกับองค์ชายสองเสียจริง”
“มองออกว่าเหมือนผู้ใดหรือ” เยียนอวิ๋นเกอชะเง้อเข้ามา “เหตุใดข้าจึงดูไม่ออก รู้สึกว่าเด็กที่โตขนาดนี้ล้วนเหมือนกัน”
เซียวฮูหยินส่ายหน้าระรัว “ดูคิ้ว ตา สันจมูก ปาก เห็นได้ชัดว่าคัดลอกมาจากองค์ชายสอง”
“แต่ว่านางไม่มีคิ้ว!” เยียนอวิ๋นเกอพูด
เด็กที่เพิ่งคลอด นอกจากผลแล้ว บนตัวไม่มีขนแม้แต่น้อย
คิ้ว ขนตา แม้แต่ขนแขนก็ยังไม่มี
แม้จะเกลี้ยงเกลา แต่ไม่รู้สึกอักปลักษณ์ หากแต่รู้สึกน่ารักอย่างมาก
เซียวฮูหยินระอาต่อเยียนอวิ๋นเกออย่างมาก
เยียนอวิ๋นเฟยหัวเราะร่า รู้สึกมีความสุขมาก
นางคล้อยตามคำพูดของมารดา “เด็กหน้าตาเหมือนองค์ชายสองเสียจริง ไม่รู้ภายหน้าจะทำให้ชายหนุ่มหลงใหลเพียงใด”
ทุกคนต่างรู้ว่าองค์ชายสอง เซียวเฉิงเหวินมีใบหน้าที่งดงาม ลับหลังผู้คนต่างเรียกเขาว่าคนงามผู้อ่อนแอ
ผู้ที่สามารถถูกเรียกคนงามผู้อ่อนแอ อีกทั้งยังเป็นบุรุษ รูปลักษณ์ต้องโดดเด่นเพียงใด เพียงแค่คิดก็รู้ได้
ใช้โอกาสที่เยียนอวิ๋นฉียังหลับอยู่ เซียวฮูหยินยังคงแสดงความเสียดายของตนเองออกมา “เสียดายไม่ใช่บุตรชาย”
“ท่านแม่เหลวไหล!” เยียนอวิ๋นเฟยคัดค้านเสียงเบา “น้องสองคลอดบุตรสาวเป็นครรภ์แรกดีมาก รอครรภ์ที่สองค่อยคลอดบุตรชาย เมื่อมีชายหญิงครบคู่ ชีวิตของน้องสองก็สมบูรณ์แบบแล้ว”
เซียวฮูหยินถอนหายใจ “แม้จะพูดเช่นนี้ แต่ร่างกายขององค์ชายสองไม่ดี หากอวิ๋นฉีอยากมีครรภ์ที่สอง ไม่รู้ต้องรอถึงเมื่อใด ผู้เป็นสตรีย่อมต้องคลอดลูกตอนอายุยังน้อย หากอายุมากยิ่งอันตราย”
เยียนอวิ๋นเฟยหัวเราะเสียงเบา พลันพูด “ท่านแม่วางใจเสียเถิด ข้าเชื่อว่าน้องสองจะมีลูกคนที่สองในไม่ช้า ท่านไม่ต้องกังวลแทนนาง ท่านแม่ก็เห็นแล้ว องค์ชายสองทรงโปรดบุตรสาวคนนี้มากเพียงใด บุตรสาวดี บุตรสาวมีวาสนา!”
เซียวฮูหยินตอบรับ “องค์ชายสองทรงโปรดเด็กคนนี้เสียจริง”
…
เยียนอวิ๋นฉีนอนหลับไปห้าถึงหกชั่วยาม
นอนจนเพียงพอแล้วจึงตื่นขึ้นมา
เมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นท่านแม่ พี่ใหญ่และน้องสี่
รวมทั้งเด็กที่อยู่ข้างหมอน
“กรี๊ด!”
เมื่อเห็นเด็ก นางก็ตื่นเต้นเล็กน้อย
นางอยากกอดลูก อยากหอมลูก แต่กล้าเพียงสัมผัสอย่างระมัดระวัง
เด็กยังอ่อนแอเพียงนั้น นางเกรงว่าตนเองจะควบคุมแรงไม่ได้ จนทำให้เด็กได้รับบาดเจ็บ
เมื่อได้ยินเสียงร้องของเยียนอวิ๋นฉี เซียวฮูหยินจึงกังวลอย่างมาก “อวิ๋นฉี เจ้าไม่สบายตรงใดหรือ อย่าอดทนไว้ มีตรงใดไม่สบายต้องพูดออกมา สตรีคลอดบุตรมักทิ้งโรคเอาไว้ ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ต่อจากนี้คงมีเวลาที่เจ้าทรมาน”
เยียนอวิ๋นฉีได้ยิน จึงหัวเราะออกมา “ท่านแม่วางใจ ข้าหลับไปตื่นหนึ่ง รู้สึกดีขึ้นมากแล้ว ข้าเพียงแค่ดีใจ ร้องออกมาอย่างห้ามไม่ไหว”
“น้องสองเป็นแม่ก่อนข้าเสียอีก ยินดีกับน้องสองที่ได้บุตรสาว!” เยียนอวิ๋นเฟยอวยพร
เยียนอวิ๋นฉีหัวเราะ “อีกไม่กี่เดือน พี่ใหญ่ก็จะเป็นแม่แล้ว เมื่อถึงเวลาลูกสาวข้าจะมีน้องชายเพิ่มอีกคน”
“ขอบใจน้องสอง!”
“พี่สอง ยินดีด้วย!” เยียนอวิ๋นเกอเดินเข้าใกล้เตียง “ไม่รู้พี่สองกินอาหารได้หรือไม่ ข้าให้ห้องครัวต้มน้ำแกงเอาไว้”
เมื่อเยียนอวิ๋นฉีได้ยินว่ามีอาหาร ทันใดนั้นก็รู้สึกหิวมาก
“มีอาหารหรือ เวลานี้ข้ากินได้หรือ”
นางอยากกินอาหารอย่างมาก
เซียวฮูหยินห้ามนางเอาไว้ “เจ้าเพิ่งตื่นขึ้นมา ให้หมอหลวงตรวจดูเจ้าก่อน เมื่อมั่นใจว่าไม่มีปัญหาค่อยกินก็ยังไม่สาย”
เยียนอวิ๋นฉีเชื่อฟัง
นางยื่นมือออกไปสัมผัสกับผิวของเด็กแผ่วเบา
เด็กตื่นขึ้นมากลางคันหลายครั้งแล้ว อีกทั้งยังดื่มนมไปแล้ว แต่นางก็พลาดไป น่าเสียดาย
คราวนี้เด็กกำลังหลับสบาย เมื่อถูกคนรบกวน คิ้วเล็กก็ขมวดขึ้น ทำท่าเหมือนจะปล่อยเสียงร้องไห้
เซียวฮูหยินรีบพูด “เด็กนอนอยู่ อย่าแหย่นาง”
“อ่อ!”
เยียนอวิ๋นฉีเชื่อฟังมารดาเหมือนเด็กเช่นเดียวกัน
นางอดถามไม่ได้ “ข้าอยากอุ้มลูก ได้หรือไม่”
เซียวฮูหยินพูด “รอเด็กตื่นขึ้นมา ข้าจะสอนวิธีอุ้มให้เจ้า”
เยียนอวิ๋นฉีทำหน้าเฝ้ารอ
เยียนอวิ๋นเฟยเม้มปากยิ้ม “ข้าก็ต้องเรียนวิธีอุ้มเด็ก อย่ารอจนเด็กคลอดออกมา ไม่ชินมือ”
“ควรเรียน” เซียวฮูหยินพูดด้วยรอยยิ้ม
เยียนอวิ๋นเกอก้าวถอยหลังไปสามก้าว ตรงนี้ไม่มีเรื่องของนาง
อุ้มเด็ก?
เพียงแค่ได้ยินก็รู้สึกน่ากลัว
ทุกคนต่างสังเกตเห็นปฏิกิริยาของนาง จึงหัวเราะออกมา
เยียนอวิ๋นเฟยพูดขึ้นก่อน “ดูท่าทางหวาดกลัวของนางสี่ ควรเรียกคนที่บอกว่าน้องสี่ดุร้ายมาดูเสียจริง ที่แท้นางก็มีเวลาที่กลัว”
“พี่ใหญ่ปล่อยข้าไปเถิด! ข้าไม่ถูกกับเด็ก!”
เยียนอวิ๋นเกอพูดด้วยความจริงจัง ทำให้ทุกคนหัวเราะออกมา
หลังจากเซียวฮูหยินหัวเราะเสร็จ นางจึงพูดขึ้น “อวิ๋นเกอเลี้ยงเด็กไม่เป็นที่สุด จำได้ว่าตอนเด็ก นางเล่นกับเด็กคนอื่น เล่นได้อยู่ไม่นานก็ทำให้เด็กคนอื่นร้องไห้”
เยียนอวิ๋นเกอแก้ต่างให้ตนเอง “พวกเขาร้องไห้เองต่างหาก”
นางเป็นคนมาสองชั่วชีวิต ย่อมไม่มีทางลงมือกับเด็ก
แต่เด็กเหล่านั้นจิตใจอ่อนแอ ชอบร้องไห้
เยียนอวิ๋นเฟยก็พูดด้วยรอยยิ้ม “จำได้ว่าทุกครั้งที่สองสี่พบเจอเด็กล้วนกระโดดหลบหนีไปไกล ดูท่าคนที่สามารถกำราบน้องสี่ได้ก็มีเพียงเด็กเหล่านั้น”
เยียนอวิ๋นเกอยกมือขึ้นอ้อนวอนให้ทุกคนไว้ชีวิต อย่านำเรื่องน่าอายของนางออกมาพูด
นางไม่รักเกียรติของตนเองหรือ!
เยียนอวิ๋นเฟยพูดต่อ “แต่ว่าน้องสี่ยิ่งเกลียดเด็ก ภายหน้าเมื่อได้เป็นแม่แล้ว นางกลับจะเป็นแม่ที่ดี”
หลักการอันใดกัน
เยียนอวิ๋นเกอทำหน้าฉงน
นางไม่อยากออกเรือน ยิ่งไม่อยากคลอดบุตร นางจะเป็นแม่ได้อย่างไร
เรื่องที่ห่างไกลอย่างมาก เมื่อพี่ใหญ่พูดออกมา ทำให้เยียนอวิ๋นเกอเกิดความรู้สึกหวาดกลัว
ฮือๆ…
ปิดหูเอาไว้ ไม่ฟัง ไม่ฟัง
ประเด็นนี้ไม่เป็นมิตรต่อหญิงสาวอย่างมาก
ทุกคนต่างหัวเราะออกมาอีกครั้ง
“แว้ด…”
เสียงร้องไห้ดังขึ้น เด็กตื่นจากการรบกวน
เยียนอวิ๋นเฟยเม้มปากยิ้ม “พวกเราเสียงดังเกินไป ทำให้เด็กตื่นแล้ว”
เซียวฮูหยินอุ้มเด็กขึ้นมาอย่างเชี่ยวชาญ บีบก้นเบาๆ “ฉี่แล้ว! มิน่าร้องไห้ได้น่าสงสารเพียงนี้”
———————————————-