คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 332 ปฏิเสธการแต่งงาน
ตอนที่ 332 ปฏิเสธการแต่งงาน
สุดท้าย พระพันปีเถาก็ยังคงเลือกที่จะยอมจำนน
นางยอมจำนนภายใต้ความโกรธ!
อย่างไรคนตรงหน้าก็เป็นบุตรชายที่ตนเองใช้ความทุ่มเททั้งหมดในการอบรมเลี้ยงดูออกมา!
นางจะบีบต้อนบุตรชายแท้ๆ ของนางจนจนมุมได้อย่างไร
หัวใจของนางกำลังเจ็บปวด กำลังหลั่งเลือด!
ในฐานะมารดา สุดท้ายก็จะพ่ายแพ้ให้กับบุตร
อย่างไรแล้วนางก็ไม่ใช่วีรสตรี ไม่มีความคิดที่จะแทนที่กษัตริย์
ถึงแม้ในชั่วขณะหนึ่ง ในหัวของนางจะมีความคิดนั้นปรากฏขึ้นมา แต่นางก็จะสะบัดความคิดที่อันตรายนี้ทิ้งไป
แผ่นดินเป็นของตระกูลเซียว เป็นของบุตรชายนาง ไม่ใช่ของตระกูลเถา และไม่ใช่ของนาง
นางพยายามย้ำเตือนตนเอง พร้อมทั้งบังคับตัวเองอย่างเข้มงวด ควบคุมตัวเองอย่างเข้มงวด
นางมองฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้พลันหัวเราะเสียงขมขื่น
“ในเมื่อฮ่องเต้ตัดสินพระทัยที่จะใช้ตระกูลจ้ง ข้าก็ไม่มีสิ่งใดจะพูด แต่ข้าจะบอกเอาไว้ก่อน หากตระกูลจ้งมีอำนาจมากขึ้นจนเป็นภัยคุกคามต่อราชสำนักและราชวงศ์ ข้าจะลงมือประหารตระกูลจ้งด้วยตนเอง ข้าจะไม่ยอมให้ตระกูลจ้งมีอำนาจเด็ดขาดอย่างแน่นอน”
ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้โล่งใจอย่างเห็นได้ชัด
“ขอบพระทัยเสด็จแม่ที่ทรงเข้าใจ! หากตระกูลจ้งเติบโตจนไม่อาจควบคุมได้ ไม่ต้องเสด็จแม่ทรงเป็นกังวล ข้าจะลงมือจัดการกดขี่ตระกูลจ้งเอง”
“หวังว่าเจ้าจะพูดได้ทำได้ ในแต่ละยุคสมัย ญาติฝ่ายนอกล้วนไม่มีจุดจบที่ดีหากได้ครอบครองอำนาจ มันย่อมจะก่อให้เกิดพายุนองเลือดขึ้นมา เจ้าจงรู้เอาไว้เถิด!”
“ข้าเข้าใจ! ข้าจะจดจำคำสอนของเสด็จแม่”
เมื่อไม่มีอุปสรรคแล้ว ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้จึงได้เลื่อนขั้นสามีขององค์หญิงเฉิงหยางตามความปรารถนา พระราชบุตรเขยจ้งได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าสำนักเส้าฝู่คนใหม่
พระราชบุตรเขยจ้งเข้ารับตำแหน่งก็เริ่มปรับเปลี่ยนคนในสำนักเส้าฝู่
สำนักเส้าฝู่ครอบครองทรัพยากรชั้นดี แต่กลับไม่รู้จักการบริหาร ทำให้นับวันยิ่งยากจน มันช่างโง่เขลาและน่าเสียดายสำหรับพระราชบุตรเขยจ้ง
คนโง่เขลา!
การสิ้นเปลืองทรัพยากรช่างเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย
ทรัพยากรที่มีอยู่แล้วแต่ไม่รู้จักใช้ประโยชน์ หากแต่เสียเงินซื้อสินค้าจากภายนอก เหลวไหล!
ดังนั้น การสั่งซื้อของสำนักเส้าฝู่ที่มีต่อเรือนพักร่ำรวยจึงถูกยกเลิก
เยียนอวิ๋นเกอ “…”
นางจะพูดอย่างไรได้
โอรสสวรรค์ราชวงศ์หนึ่ง ขุนนางราชวงศ์หนึ่ง หัวหน้าสำนักเส้าฝู่เปลี่ยนคน นางคิดอยู่แล้วว่าจะมีวันนี้
เมื่อไม่มีคำสั่งซื้อของสำนักเส้าฝู่ ปริมาณการผลิตของโรงงานทอผ้าในเรือนพักร่ำรวยจึงลดปริมาณลงตาม
ไม่ลงไม่ได้!
ช่องทางการขายของเรือนพักร่ำรวยไม่สามารถรองรับผ้าผืนจำนวนมากเช่นนั้นได้
หากเก็บสินค้าเอาไว้เองจะมีความเสี่ยงอย่างมาก
สามารถเก็บสินค้าจำนวนน้อยได้ แต่ไม่อาจเก็บในปริมาณมากได้
หานฉีจงไม่เต็มใจ เขาพร่ำบ่นต่อหน้าเยียนอวิ๋นเกอ “คุณภาพของผ้าที่ผลิตในเรือนพักร่ำรวยของพวกเรานั้นยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน นำออกไปบนตลาด ร้านผ้าพวกนั้นยังหาที่ติไม่ได้ ดีกว่าผ้าที่ถักทอจากแปลงนาหลวงภายใต้สำนักเส้าฝู่เสียอีก นอกจากนี้ยังมีปริมาณการผลิตมาก แต่สำนักเส้าฝู่กลับยกเลิก เหลวไหลเสียจริง!”
เยียนอวิ๋นเกอปลอบเขา “เจ้าอาจไม่รู้จักตระกูลจ้งเบื้องหลังของพระราชบุตรเขยจ้งนัก แม้ตระกูลจ้งจะไม่โดดเด่น แต่พวกเขาถือได้ว่าเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของเมืองหลวง มีกิจการมากมาย สิ่งที่มีมากที่สุดก็คือเสบียงและผ้า พวกเขามีร้านผ้าของตนเอง มีโรงงานทอผ้าของตนเอง เหตุใดต้องจับจ่ายจากเรือนพักร่ำรวย เจ้าไม่ต้องหวังพึ่งการสั่งซื้อของสำนักเส้าฝู่อีกเลย เอาเวลามาคิดที่จะขยายจลาดนอกนครบาลเสียดีกว่า”
หานฉีจงได้ยินก็อดถอนหายใจไม่ได้
“เถ้าแก่ คำสั่งซื้อของสำนักเส้าฝู่ไม่มีทางอื่นแล้วจริงหรือ”
เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้า พลันพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “หมดหนทาง! นอกจากหัวหน้าสำนักเส้าฝู่เปลี่ยนคน”
“แต่ว่า…”
หานฉีจงลังเล
เยียนอวิ๋นเกอพูด “มีเรื่องใดก็พูด!”
“ข้าขอบังอาจถาม ข้ารู้มาว่าตระกูลจ้งมีเจตนาจะสู่ขอเถ้าแก่ อีกทั้งยังส่งแม่สื่อมาสู่ขอ เหตุใดเวลานี้ตระกูลจ้งจึงไม่ดูแลเรือนพักร่ำรวยแม้แต่น้อย หรือเป็นเพราะองค์หญิงไม่ได้ตอบรับการสู่ขอของตระกูลจ้ง พระราชบุตรเขยหลิวแค้นอยู่ในใจ ดังนั้นจึงยกเลิกการสั่งซื้อ ไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย”
เยียนอวิ๋นเกอไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้
“แม้แต่เจ้ายังรู้ว่าตระกูลจ้งเคยมาสู่ขอหรือ”
หานฉีจงพยักหน้า “เรื่องนี้ข้าพอได้ยินมาบ้าง”
เยียนอวิ๋นเกอยิ้มพลันส่ายหน้า “เรื่องสู่ขอ เจ้าลืมไปเสียเถิด ถือว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”
หานฉีจงทำหน้าสงสัย
เยียนอวิ๋นเกอพูดขึ้นอีก “ตระกูลจ้งให้คนมาสู่ขอไม่เท่ากับพระราชบุตรเขยจ้งกับองค์หญิงเฉิงหยางจะพอใจในตัวข้า อีกทั้งยังไม่เท่ากับพวกเขาหวังให้ข้ากลายเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลจ้งจริงๆ เข้าใจหรือไม่”
หานฉีจงกระจ่าง “ข้าเข้าใจแล้ว! ลำบากเถ้าแก่แล้ว สุดท้ายคนตระกูลจ้งก็ไร้แวว”
เยียนอวิ๋นเกอโบกมือให้เขาออกไป
…
องค์หญิงจู้หยางหรือเซียวฮูหยินเป็นห่วงเยียนอวิ๋นเกอมาก
นางเรียกอีกฝ่ายมาตรงหน้าเพื่อซักถาม “ข้าได้ยินว่าสำนักเส้าฝู่ยกเลิกการสั่ง มีผลกระทบหรือไม่”
เยียนอวิ๋นเกอยิ้ม “หากจะบอกว่ามีผลกระทบ ปีนี้ขาดรายได้นี้ไปคงจะเป็นผลกระทบที่ใหญ่ที่สุด ส่วนหนี้สินระหว่างเรือนพักร่ำรวยกับสำนักเส้าฝู่หมดไปตั้งแต่ปีที่แล้วแล้ว เวลานี้ระหว่างเรือนพักร่ำรวยและสำนักเส้าฝู่ไม่มีหนี้สินติดค้างกัน ไม่มีการค้าต่อกัน ทั้งสองฝ่ายสะอาดสะอ้าน ไม่มีเรื่องพัวพันหรือบัญชีเก่า”
เซียวฮูหยินปลอบนา “สูญเสียกำไรเพียงเล็กน้อย เจ้าอย่าได้ใส่ใจเลย”
เยียนอวิ๋นเกอพูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านแม่วางใจเถิด ข้าไม่เคยหวังพึ่งหารายได้จากสำนักเส้าฝู่ เรือนพักร่ำรวยไม่ได้หวังพึ่งสำนักเส้าฝู่ในการอยู่รอด สำนักเส้าฝู่ยกเลิกการสั่งซื้อ คนงานในโรงงานถักทอก็เพียงทำงานน้อยลง ซองแดงในปีใหม่น้อยลงเท่านั้น”
“ก็ดี!” เมื่อเซียวฮูหยินมั่นใจว่าการยกเลิกคำสั่งซื้อของสำนักเส้าฝู่ไม่มีผลกระทบต่อบุตรสาว นางจึงวางใจ
จากนั้นนางจึงพูดต่อ: “หากเป็นเช่นนี้ องค์หญิงเฉิงหยางและพระราชบุตรเขยจ้งคงไม่ชอบเจ้าจากใจจริง พวกเขาสองสามีภรรยาต่างไม่เห็นด้วยที่จ้งซูหาวจะแต่งงานกับเจ้า”
หากตระกูลจ้งจริงใจสู่ขอเยียนอวิ๋นเกอเป็นลูกสะใภ้จริง พระราชบุตรเขยจ้งก็คงไม่รีบร้อนในการยกเลิกคำสั่งซื้อ ขีดเส้นแบ่งกับเรือนพักร่ำรวยอย่างชัดเจนเพียงนี้
มันเป็นท่าทีแบบหนึ่ง
ทั้งเป็นท่าทีของสำนักเส้าฝู่ แต่ก็เป็นท่าทีของคนตระกูลจ้ง
เยียนอวิ๋นเกอไม่สนใจ “คนตระกูลจ้งไม่พอใจข้า ข้าก็ไม่คิดที่จะแต่งงานกับจ้งซูหาว”
“เจ้าคิดได้เช่นนี้ย่อมดีมาก! จ้งซูหาวเป็นเด็กดี เสียดายที่เจ้ากับเขาไม่มีวาสนาต่อกัน”
นาทีนี้ เซียวฮูหยินล้มเลิกความคิดที่จะปรองดองกับตระกูลจ้งอย่างสิ้นเชิง
บิดามารดาทางฝ่ายชายไม่ชอบบุตรสาวของตนเอง ย่อมไม่จำเป็นต้องร้อนรนแต่งเข้าไป
บุตรสาวของตนเองใช่ว่าจะแต่งไม่ออก
หากต้องการรีบแต่งงานจริง เซิ่นซูเหวินไม่ดีกว่าหรือ
ในสายตาของเซียวฮูหยิน เซิ่นซูเหวินดีกว่า โดดเด่นกว่าจ้งซูหาว นางพอใจมากกว่า
นางสามารถปล่อยเซิ่นซูเหวินไป ย่อมสามารถปล่อยจ้งซูหาวไกป
อีกอย่าง เดิมทีนางกับองค์หญิงเฉิงหยางก็ไม่ถูกกันอยู่แล้ว เดิมทีนางก็ลังเลต่อเรื่องงานแต่งนี้อยู่แล้ว หากไม่ใช่บุตรสาวบอกว่าต้องการลองไตร่ตรองดู เหตุใดจะยืดเยื้อจนถึงเวลานี้
เวลานี้บ่าวรับใช้มารายงาน “ทูลองค์หญิง นายน้อยจ้งซูหาวขอเข้าพบ”
เซียวฮูหยินหัวเราะเสียงเย็น “มาเร็วเสียจริง ไม่พบ!”
“รอก่อน!” เยียนอวิ๋นเกอรั้งบ่าวรับใช้ที่กำลังจะออกไปไล่จ้งซูหาวเอาไว้ “ท่านแม่ ข้าคิดว่าควรพบเขาสักครั้ง พูดให้กระจ่าง ตัดขาดความคาดหวังของเขาให้สิ้นซาก”
เซียวฮูหยินขมวดคิ้ว “หากจ้งซูหาวรู้สถานการณ์ในเวลานี้ดี เขาก็ไม่ควรมาขอพบ”
เยียนอวิ๋นเกอพูด “จ้งซูหาวเป็นคนที่รู้สถานการณ์ แต่เขาก็เป็นคนที่ดื้อรั้น หากไม่พูดให้กระจ่างต่อหน้า ข้ากลัวว่าเขาจะไม่ล้มเลิก ให้ข้าพบกับเขา พูดในเรื่องที่ควรพูดให้ชัดเจน ตัดให้ขาด”
เซียวฮูหยินถาม “เจ้าแน่ใจว่าจะพบกับเขา”
เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้า “ข้าคิดว่าควรพบเขาสักครั้ง”
เซียวฮูหยินยอมจำนน นางสั่งบ่าวรับใช้ “ไปเชิญจ้งซูหาวเข้ามาในโถงรับแขก”
บ่าวรับใช้รับคำสั่งพลันเดินออกไป
เซียวฮูหยินถามเยียนอวิ๋นเกอ “เจ้าคิดจะพูดกับเขาอย่างไร”
“ย่อมมีสิ่งใดก็พูดสิ่งนั้น”
เซียวฮูหยินครุ่นคิด “สู้ให้ข้าคุยกับเขาดีกว่า”
เยียนอวิ๋นเกอพูด “หากข้าไม่สามารถโน้มน้าวเขาได้ ท่านแม่ค่อยออกหน้าก็ไม่สาย”
“เอาเถิด! เห็นแก่ที่เขาสอนระบำดาบ ข้าจะไว้หน้าเขา”
…
จ้งซูหาทั้งกังวลทั้งหัวเสีย
สำนักเส้าฝู่ยกเลิกคำสั่งซื้อของเรือนพักร่ำรวย เขาไม่ได้ข่าวมาก่อนแม้แต่น้อย ท่านพ่อและท่านแม่ปิดบังเขาเสียสนิท
รอจนกระทั่งเขารู้เรื่องนี้ ทุกอย่างก็จบลงแล้ว
สำนักเส้าฝู่ยากจนจนถึงกับต้องยกเลิกคำสั่งซื้อจากเรือนพักร่ำรวยแล้วหรือ
ไม่ใช่อย่างนั้น
พระราชบุตรเขยจ้งและองค์หญิงเฉิงหยางต้องการใช้การยกเลิกคำสั่งซื้อเพื่อแสดงท่าทีอย่างชัดเจน
พวกเขาไม่ชอบเยียนอวิ๋นเกอ ไม่อยากให้เยียนอวิ๋นเกอเป็นลูกสะใภ้ของตนเอง
เมื่อเกลี้ยกล่อมบุตรชายของตนเองไม่ได้ ก็ทำได้เพียงลงมือจากฝ่ายหญิง
หวังว่าฝ่ายหญิงจะสามารถปฏิเสธอย่างแน่วแน่
จ้งซูหาวยังคงโอบกอดความหวังเล็กๆ เอาไว้
แต่ทันทีที่เขาเห็นเยียนอวิ๋นเกอ ความหวังของเขาก็ดับสลายอย่างสิ้นเชิง
ไม่ต้องพูดแม้แต่ประโยคเดียว เขาก็เห็นคำตอบจากดวงตาของเยียนอวิ๋นเกอแล้ว
เขาถอนหายใจ พลันก้มหน้าหัวเราะเยาะตนเอง “ข้าไม่เจียมตัวเอง! คิดว่าตนเองจะสามารถต่อต้านผู้ใหญ่ในตระกูลได้ ไม่คิดว่าจะเป็นข้าที่คิดไปเองฝ่ายเดียว”
เยียนอวิ๋นเกอบอกให้เขานั่งลง “น่าเสียดาย เวลานี้ข้าต้องให้คำตอบอย่างเป็นทางการกับท่าน ข้าปฏิเสธงานแต่งนี้!”
จ้งซูหาวหัวเราะเสียงขมขื่น “ขอบคุณ! ในเวลานี้เจ้ายังยอมออกมาพบข้า อีกทั้งยังให้คำตอบอย่างเป็นทางการกับข้า”
เยียนอวิ๋นเกอพูดด้วยรอยยิ้ม “ตอนนั้นรับปากท่านเอาไว้ ไม่ว่าจะยอมรับหรือปฏิเสธ ข้าจะให้คำตอบอย่างเป็นทางการกับท่าน ข้าเป็นคนมีสัจจะเสมอ”
จ้งซูหาวไม่รู้ว่าควรแสดงสีหน้าอย่างไรเวลาเผชิญหน้ากับความสง่าผ่าเผยของเยียนอวิ๋นเกอ
สุดท้าย เขาเพียงหัวเราะเยาะตัวเอง “ข้าไม่มีโอกาสตั้งแต่แรกใช่หรือไม่”
เยียนอวิ๋นเกอตั้งใจครุ่นคิด จากั้นส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่ใช่ ตอนนั้น ข้าตั้งใจที่จะไตร่ตรองจริง ข้าเคยคิดว่าจะแต่งงานกับท่านดีหรือไม่”
จ้งซูหาวทำหน้าสงสัย “เหตุใดจึงไม่ยอมให้คำตอบข้าเสียที”
“ข้าก็กำลังรอ! ข้ากลัวตัวเองจะตัดสินใจผิดพลาด ดังนั้นข้าจึงตักเตือนตัวเองอยู่เสมอ อย่ารีบร้อน ดูให้มาก คำนึงให้มากย่อมไม่มีผลเสีย”
สุดท้ายแล้ว ก็ยังคงเป็นเพราะเยียนอวิ๋นเกอไม่มีความรักแบบหญิงชายต่อจ้งซูหาว ดังนั้นนางจึงตัดสินใจไม่ได้เสียที
แต่งงานกับผู้ชายที่ดีมาก แต่ไม่มีความรัก?
สำหรับเยียนอวิ๋นเกอแล้ว มันร้ายแรงและเสี่ยงยิ่งกว่าการล้มละลายเสียอีก
นางย่อมไม่สามารถตัดสินใจง่ายๆ ได้
จ้งซูหาวมองนาง “หากข้าบอกว่าข้าไม่รู้เรื่องการยกเลิกคำสั่งซื้อของสำนักเส้าฝู่ เจ้าจะเชื่อหรือไม่”
เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้า พลันพูดอย่างมั่นใจ “ข้าเชื่อ! หากท่านรู้เรื่องก่อน ไม่จำเป็นต้องมาในเวลานี้”
จ้งซูหาวอยากร้องไห้ แต่เขาก็จำเป็นต้องอดทนเอาไว้
เขาร้องไห้ไม่ได้ อย่างน้อยไม่อาจร้องไห้ต่อหน้าเยียนอวิ๋นเกอ
เขาถามอย่างระมัดระวัง “ข้ากับเจ้า ระหว่างพวกเรา ไม่มีความเป็นไปได้แม้แต่น้อยเลยหรือ ไม่มีทางกอบกู้ได้เลยหรือ”
เยียนอวิ๋นเกอครุ่นคิด สุดท้ายยังคงพยักหน้าอย่างแน่วแน่
จ้งซูหาวเศร้าโศก เขาลูบใบหน้าตัวเอง “หาก ข้าบอกว่าหาก สำนักเส้าฝู่ไม่ได้ยกเลิกคำสั่งซื้อ เจ้าจะคำนึงเรื่องแต่งงานกับข้าหรือไม่”
เยียนอวิ๋นเกอตอบตามความจริง “ข้าไม่รู้!”
จ้งซูหาวทั้งผิดหวัง ทั้งยิ้มขมขื่น แต่เขาก็ไม่ตายใจ
“ท่านพ่อและท่านแม่ข้าคือท่านพ่อท่านแม่ข้า ส่วนข้าคือข้า ความจริงใจของข้า เจ้าก็เห็นแล้ว บางทีพวกเราอาจยังมีโอกาส”
“ไม่มีโอกาส”
คำตอบของเยียนอวิ๋นเกอหนักแน่น
“แต่ก่อนท่านแม่เคยอยากให้ข้าแต่งงานกับชายผู้หนึ่ง แต่พ่อแม่ของฝ่ายชายปฏิเสธอย่างอ้อมค้อม ท่านแม่เคยบอกว่าข้าไม่ได้แย่จนต้องรีบขอให้คนมาแต่งงานด้วย ในเมื่อผู้อื่นรังเกียจข้า ข้าย่อมไม่อาจเสนอตัวอย่างหน้าไม่อาย ข้าไม่จำเป็นต้องแต่งงานให้ได้!”
คำพูดเดียวดับสลายความหวังสุดท้ายของจ้งซูหาวอย่างสิ้นเชิง
เขาตายใจ เขาก้มหน้าด้วยความเศร้าโศก
นาทีนี้ เขาไร้ซึ่งความมีชีวิตชีวาเหมือนแต่ก่อน ราวกับพลังชีวิตของเขาถูกดูดออกไปจนหมด
เมื่อเยียนอวิ๋นเกอเห็นท่าทางเช่นนี้ของเขา จึงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เวลานี้ท่านมีสถานะเพิ่มขึ้นอีกชั้น ท่านเป็นกั๋วจิ่วของราชวงศ์ต้าเว้ย เวลานี้ไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว ท่านย่อมสามารถแต่งงานกับกุลสตรีที่อ่อนโยน มีชีวิตที่มีความสุขอย่างแน่นอน…”
“อย่าพูดอีกเลย! เจ้าไม่ต้องปลอบข้า”
จ้งซูหาวพูดขัดนาง “อวิ๋นเกอ ข้าไม่ใช่คนที่ชื่นชอบของใหม่ ข้าไม่สามารถลืมได้ว่าข้าเคยพยายามที่แต่งงานกับเจ้าเพียงใดได้อย่างง่ายดาย สิ่งที่ข้าพูด ข้าทำก่อนหน้านี้ล้วนมาจากใจจริง! ข้าอยากแต่งงานกับเจ้าจริง อยากจะมีชีวิตอยู่กับเจ้า มีลูกมีหลาน
ด้วยเหตุนี้ข้าจึงพยายามเสมอมา พยายามอย่างมาก แต่ไม่คิดว่าข้าจะพ่ายแพ้อยู่ในมือของพ่อแม่ ไม่ใช่ ความจริงแล้วข้าแพ้ตัวเอง ข้าไม่เคยได้ใจของเจ้าตั้งแต่แรก มันคือสาเหตุที่แท้จริงที่ข้าล้มเหลว”
เยียนอวิ๋นเกอลังเลเล็กน้อย พลันพูด “ข้าไม่รู้จะแต่งงานกับคนอย่างไร แต่ข้าคิดว่าข้าคงไม่แต่งงานกับชายหนุ่มที่ไม่ได้รับความยินยอมจากบิดามารดา ข้าไม่อยากจัดการวามสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้หลังแต่งงาน”
“ข้าบอกแล้ว หลังแต่งงานพวกเราจะย้ายออกจากจวนองค์หญิง”
“จากนั้นล่ะ”
จ้งซูหาวอ้าปาก สุดท้ายเหลือเพียงถอนหายใจ
เขายิ้มขมขื่น “ข้าเข้าใจแล้ว! ความจริงนับแต่ฮ่องเต้องค์ใหม่ทรงขึ้นครองราชย์ ข้าก็ถูกเจ้าปฏิเสธแล้ว สถานะกั๋วจิ่วของข้าทำให้เจ้าลังเล หรืออาจเกิดความหวาดกลัว ไม่ว่าสำนักเส้าฝู่จะยกเลิกคำสั่งซื้อหรือไม่ เจ้าก็ไม่มีทางแต่งงานกับข้า”
เยียนอวิ๋นเกอครุ่นคิดอย่างละเอียด “อาจจะ! ตอนที่ฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ ข้าไม่ได้คิดมากมายเพียงนั้น”
“ไม่ได้คิดถึงข้าด้วยใช่หรือไม่” จ้งซูหาวอดไม่ได้ที่จะยิ้มขมขื่นอีกครั้ง
เขาไม่มีตัวตนในสายตาของเยียนอวิ๋นเกอเสียจริง
ความล้มเหลวของเขาถูกกำหนดเอาไว้แต่แรกอยู่แล้ว
เขาลุกขึ้นพลันพูดอย่างจริงจัง “วันนี้มารบกวน ขออภัยด้วย ข้าคิดว่านับจากนี้ต่อไป ข้าคงไม่มารบกวนเจ้าอีก ขอตัว!”
เขาหันหลังจากไป
ไม่ยอมอยู่ต่อแม้แต่วินาทีเดียว
เขากลัวตัวเองจะทำเรื่องขายหน้าออกมา
เวลานี้ เขาอยากจะออกจากที่ที่ทำให้เขาเสียใจและอับอายแห่งนี้ให้เร็วที่สุด