คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 341 ปากร้าย
ตอนที่ 341 ปากร้าย
“เขาร้ายกาจเพียงนั้น เหตุใดจึงลงมือพลาดตอนลอบสังหารแม่เลี้ยงและพี่ชาย”
พระพันปีเถาไม่เชื่อคำพูดของพระราชบุตรเขยหลิวเป่าผิงนัก
นางรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังกล่าวเกินจริง ยกยอเซียวอี้เกินไป เยินยอเซียวอี้จนเกินจริง
จุดประสงค์ก็เพื่อทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องที่ยากลำบาก ฉวยโอกาสปฏิเสธ
พระพันปีเถาคิดว่าตนเองมองความคิดของพระราชบุตรเขยหลิวเป่าผิงอย่างทะลุปรุโปร่ง นางแอบวางแผนในใจ
สีหน้าของหลิวเป่าผิงเหมือนเดิม “เขาลงมือพลาดมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว ก็คือเขาตั้งใจทำพลาด”
พระพันปีเถาขมวดคิ้วมุ่น “เจ้าบอกว่าเขาจงใจสังหารล้มเหลว จงใจให้ท่านอ๋องตงผิงขับไล่เขาออกจากตระกูล? เหลวไหล! เขาเสียสติไปแล้วหรือ มีผู้ใดตั้งใจก่อเรื่องเพื่อให้ถูกขับไล่ออกจากตระกูลบ้าง ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องเหลวไหลเช่นนี้มาก่อน”
หลิวเป่าผิงพูดเสียงเบา “เดิมทีเซียวอี้ก็ไม่ใช่คนปกติ ย่อมไม่อาจใช้ความคิดของคนปกติไปคาดเดาเขา หากสามารถมองความคิดของเขาอย่างทะลุปรุโปร่งได้ในคราวเดียว ทุกคนจะหาว่าเขาบ้าได้อย่างไร”
พระพันปีเถาสะอึก นางหาข้อโต้แย้งไม่ได้ในชั่วขณะ
ใช่!
ความคิดของเซียวอี้จะใช้ความคิดของคนปกติไปคาดเดาได้อย่างไร
เขาเป็นคนบ้า ความคิดของเขาก็บ้าคลั่ง
พระพันปีเถากัดฟัน ถามขึ้น “ความหมายก็คือ เจ้าคิดว่าเจ้าทำตามที่ข้าขอไม่ได้?”
หลิวเป่าผิงหัวเราะเสียงขมขื่น “ขอพระพันปีโปรดทรงอภัย กระหม่อมไร้ความสามารถที่จะกำจัดเซียวอี้”
แต่พระพันปีเถาไม่อยากล้มเลิกอย่างง่ายดาย “เจ้าเป็นบุรุษตระกูลหลิวแห่งเหลียงโจว นำทัพมาหลายปี เหตุใดจึงไม่อาจต่อกรกับเซียวอี้ได้”
“ทูลพระพันปี ทักษะย่อมมีความเฉพาะตัว กระหม่อมเชี่ยวชาญในการทำสงคราม ควบคุมทหาร กำจัดข้าศึกบนหลังม้าได้ แต่ไม่เชี่ยวชาญในการลอบสังหาร มันเป็นงานของมือสังหาร บางทีองครักษ์จินอู่อาจเชี่ยวชาญ”
หลิวเป่าผิงกำลังตักเตือนพระพันปีเถา เขาเป็นถึงพระราชบุตรเขย เป็นบุตรชายตนโตของตระกูลหลิว อย่าเอาเขาไปปะปนกับมือสังหารที่สกปรก
เขาไม่ทำงานของมือสังหาร เขาทำแค่นำทัพจู่โจมข้าศึก จัดการศัตรูในสนามรบอย่างสง่าผ่าเผย
พระพันปีเถาสูดลมหายใจเข้า “หากพูดเช่นนี้ เรื่องที่ข้าขอคงจะลำบากผู้อื่นเกินไป”
หลิวเป่าผิงก้มหน้าเล็กน้อย “ขอพระองค์โปรดทรงอภัย กระหม่อมมีใจอยากช่วย แต่ไร้ซึ่งหนทาง ไม่อาจปฏิบัติตามรับสั่งของพระองค์ได้”
แต่พระพันปีเถากลับหัวเราะขึ้นมา “ไม่เป็นอันใด! ข้าไม่ให้เจ้าฆ่าคน เจ้าแค่หาตัวเซียวอี้ออกมาให้ข้า ข้าต้องการรู้ว่าเขาอยู่ที่ใด กำลังทำสิ่งใด”
ในใจของหลิวเป่าผิงปฏิเสธ
เขาไม่ใช่บ่าวรับใช้
เขากระแอมไอเสียงเบา พลันโน้มตัวพูด “องครักษ์จินอู่เชี่ยวชาญในการตามหาคนมากกว่า! กระหม่อมเกรงว่าจะเป็นอุปสรรคต่องานของพระองต์”
“เจ้าไม่ยอมทำแม้แต่น้อยเลยใช่หรือไม่ ข้าเป็นพระพันปี แต่รับสั่งเจ้าไม่ได้ ใช่หรือไม่”
พระพันปีเถาโกรธขึ้นมาจริง
สีหน้าของหลิวเป่าผิงยังคงเดิม “กระหม่อมไม่ได้ใช้ข้ออ้างในการปฏิเสธ กระหม่อมไม่เชี่ยวชาญในการตามหาคนจริง ตอนทำสงคราม รายงานร่องรอยข้าศึกล้วนอาศัยนักราตรี กระหม่อมมีหน้าที่แค่ฆ่าศัตรูในสนามรบ
นักราตรีในกองทัพ องครักษ์จินอู่ของราชสำนักเป็นผู้เชี่ยวชาญในการตามหาคนและสืบข่าว เหตุใดพระพันปีจึงต้องสละสิ่งที่อยู่ใกล้มือ ไขว่คว้าสิ่งที่อยู่ไกล พระองค์ทรงให้องครักษ์จินอู่ออกจากเมืองหลวง ย่อมจะตามหาร่องรอยของเซียวอี้ได้”
พระพันปีเถายิ้ม “สุดท้ายแล้ว เจ้าก็แค่ไม่ยอมช่วยข้า ข้าถามเจ้า ฝ่าบาททรงรับสั่งเจ้าลับหลังใช่หรือไม่”
หลิวเป่าผิงทำหน้าลำบากใจ แต่ไม่โต้ตอบ
พระพันปีเถาย่อมคิดว่าการเงียบของเขาคือยอมรับ
นางขุ่นเคืองในใจ
ฮ่องเต้ทรงอยู่เบื้องหลังจริงด้วย
นางสูดลมหายใจเข้า “ในเมื่อฝ่าบาททรงรับสั่งเจ้าลับหลัง เอาเถิด ข้าไม่ทำให้เจ้าลำบากใจ ระยะนี้เจ้าไม่ยุ่งใช่หรือไม่! ในเมื่อไม่ยุ่งก็รีบมีบุตรกับติ้งเถา แต่งงานสองปี ยังมีไม่บุตร มีคนเริ่มนินทาแล้ว ข้าไม่อยากได้ยินคำพูดที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อติ้งเถา เจ้าเข้าใจข้าใช่หรือไม่!”
“กระหม่อมเข้าใจ!”
“ในเมื่อเข้าใจ เจ้าควรตื่นตัวเสียบ้าง อย่ามัวแต่สนใจงานจนลืมเรื่องในจวน เรื่องการมีทายาทเป็นเรื่องสำคัญที่สุด”
“กระหม่อมจดจำคำสอนของพระองค์”
พระพันปีเถาโบกมือให้เขาถอยออกไป
พระราชบุตรเขยหลิวเป่าผิงลุกขึ้นขอตัว เขาออกจากวังหลวงไป แต่ไม่รีบร้อนกลับจวนองค์หญิง
เขาไปยังโรงน้ำชาในเมือง หลังจากรินเองดื่มเองครึ่งเหยือก เขาก็ส่งข่าวให้เซียวอี้
ตักเตือนเซียวอี้ พระพันปีเถายังไม่ตายใจ นางพยายามจะฆ่าเขา
กลับเมืองหลวงหรือไม่ ยังต้องไตร่ตรองให้ดี
หลิวเป่าผิงรู้ว่าเซียวอี้อยู่ที่ใดหรือ
ความจริงเขาไม่รู้
แต่เขามั่นใจว่าข่าวที่ทิ้งไว้ในโรงน้ำชาจะถูกส่งให้เซียวอี้อย่างแม่นยำ
…
เซียวอี้อยู่ที่ใด
เขาอยู่ในหมู่บ้านห่างไกลจากพื้นที่นครบาลสองสามร้อยลี้ หลายปีก่อน บริเวณแห่งนี้มีเรือนพักเพิ่มขึ้น
เริ่มแรกขนาดของเรือนพักยังไม่ใหญ่มาก แต่เรือนพักกลืนกินพื้นที่โดยรอบอยู่ตลอด ทั้งป่าไม้ แหล่งน้ำ เหมือง…
ระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี ขนาดของเรือนพักนับวันยิ่งใหญ่ขึ้น สามารถบรรจุคนนับหมื่น อีกทั้งยังสามารถพึ่งพาตัวเองได้แล้ว
เซียวอี้อยู่ในเรือนพักแห่งนี้
เรือนพักนี้ตั้งชื่อว่า ‘เรือนพักตระกูลเซียว’ ง่ายดายและตรงไปตรงมา
เซียวอี้เป็นเถ้าแก่ของเรือนพักตระกูลเซียว เถ้าแก่ใหญ่ที่มีอำนาจในการตัดสินใจ
ก่อนหน้านี้ เซียวอี้ไม่เคยมีความคิดที่จะจัดตั้งเรือนพัก
จนกระทั่ง…
เรือนพักร่ำรวยของเยียนอวิ๋นเกอเป็นแรงบันดาลใจให้เขา
เรือนพักร่ำรวยสามารถเลี้ยงคนได้นับหมื่นไม่พอ ยังสามารถสร้างกำไรได้ทุกปี อีกทั้งยังมีเงินเหลือในการขยับขยายขนาด นอกจากนี้ยังสามารถเลี้ยงกองกำลังที่มีความสามารถในการผลิตได้หลายพันนาย…
เรื่องอื่นก็แล้วไป แต่การใช้เรือนพักเลี้ยงกองกำลังส่วนตัวนับพันนายมีแรงดึงดูดอย่างมากสำหรับเซียวอี้
ดังนั้นเขานำเงินเก็บทั้งหมดออกมา เลียนแบบเรือนพักร่ำรวย จัดตั้ง ‘เรือนพักตระกูลเซียว’ ในพื้นที่ห่างจากนครบาลสองสามร้อยลี้
จ้างคนเพาะปลูก แปรรูปผลผลิตทางการเกษตร กักตุนเสบียง ฝึกฝนกองกำลังส่วนตัว เจริญรุ่งเรือง…
เขาได้ตกลงกับสำนักราชการท้องถิ่น ผู้มีอำนาจในท้องถิ่นไว้เรียบร้อยแล้ว
กลุ่มคนหัวรั้นที่ตกลงไม่ได้ก็ใช้กำลังในการจัดการ
หากใช้กำลังจัดการยังไม่ได้?
ก็ใช้กำลังจนอีกฝ่ายยอมจำนน
เขา เซียวอี้เป็นคนมีเหตุผล
เขามักจะใช้เหตุผลในการโน้มน้าวคนเสมอ
ผู้ใดมีกำลังมาก ผู้นั้นย่อมมีเหตุผล!
กำลังของเขามากที่สุด ดังนั้นเขาจึงมีเหตุผลที่สุด
คำพูดของเขาก็คือเหตุผล!
แม้แต่เหตุผลยังไม่ฟัง คนประเภทนี้ก็คือคนที่ขาดการสั่งสอน
ดังนั้นเรือนพักตระกูลเซียวจึงได้รับการสนับสนุนจากทุกฝ่าย พัฒนาอย่างราบรื่น
ไม่ว่าผู้ใดก็ต้องให้เกียรติ
เซียวอี้โดนปลดจากตำแหน่งแม่ทัพกองทัพใต้ นำคนหลายพันกลับมายังเรือนพักตระกูลเซียว
แม้แต่กองกำลังส่วนตัวที่ทิ้งไว้ในเรือนพักร่ำรวยก็ถอนกลับมาทั้งหมด
เขาครอบครองประสบการณ์ของเรือนพักร่ำรวยใว้หมดแล้ว สามารถเลียนแบบโดยตรง หรือปรับปรุงตามสถานการณ์ของตัวเอง
อากาศหนาว!
ในห้องจุดเตาถ่าน
ขายาวของเซียวอี้พาดไว้บนโต๊ะอย่างสบาย
เขาคาบไม้จิ้มฟันไว้ เมื่อครึ่งชั่วยามที่แล้ว เขาเพิ่งกินแพะย่างไป
ใช้เครื่องปรุงของร้านขายของชำหนานเป่ยในการปรุง รสชาติดีอย่างมาก
“คราวหน้าให้คนซื้อเครื่องปรุงกลับมามากขึ้น ผักดองของร้านขายของชำหนายเป่ยก็ซื้อกลับมามากขึ้นด้วย”
จี้ซินแสยกพู่กันจดเอาไว้
เขาเงยหน้าถาม “นายน้อยยังมีรับสั่งใดอีก ข้าได้ยินว่าโรงเตี๊ยมหนานเป่ยมีสูตรอาหารใหม่ ราคาเพียงเล่มละสองก้วน จะซื้อกลับมาสักหลายเล่มหรือไม่”
“ซื้อ!” เซียวอี้สะบัดมือ
สูตรอาหารเล่มละสองก้วนเท่านั้น ไม่แพง
“ให้พ่อครัวของพวกเราศึกษาพ่อครัวของคนอื่นบ้าง พ่อครัวของคนอื่นทำอาหารเลิศรส พ่อครัวของพวกเราทำอาหารออกมาเหมือนอาหารหมู ยังต้องให้ข้าลงมือย่างเนื้อแพะกินเอง”
คนไม่อาจเทียบกับคนได้เสียจริง
เหตุใดพ่อครัวของตนเองจึงไร้ความสามารถเช่นนี้
อยู่ไปวันๆ ไม่มีความทะเยอทะยาน
หากวันใดเขาโกรธขึ้นมา เขาจะส่งคนไปขุดดินเสีย ไม่อนุญาตให้เข้าครัวแม้แต่ก้าวเดียว
จี้ซินแสพูดอีกครั้ง “ร้านผ้าสี่ฤดูเปิดตัวเสื้อผ้าสำเร็จรูปแบบใหม่ ขณะนี้กลายเป็นกระแสในเมืองหลวงไปแล้ว…”
“ซื้อ!”
เซียวอี้โบกมือ
พวกเรามีเงินไม่ขาดมือ ดังนั้นจะซื้อสิ่งใดก็ซื้อ ซื้อ ซื้อ
จี้ซินแสจดบันทึกลงในสมุดขนาดเล็กอีกครั้ง
“เรือนพักร่ำรวยมีบทละครใหม่ออกมา น่าสนใจอย่างยิ่ง เอาไว้ใช้แก้เบื่อก็ไม่เลว”
“ซื้อ”
เซียวอี้เด็ดขาดอย่างมาก
พลังทรัพย์เป็นสิ่งที่ทรงพลังที่สุดในโลก
จี้ซินแสไม่มีความรู้สึกแม้แต่น้อย เขาจดบันทึกลงสมุดอีกครั้ง
ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้ว ตราบเท่าที่มันเป็นกิจกาจของคุณหนูสี่ นายน้อยของเขาก็กระตือรือร้นที่จะซื้อมันทั้งหมด
เสียดายที่คุณหนูสี่อาจไม่ยอมรับน้ำใจ
จี้ซินแสปิดสมุดลง พลางถาม “จวนท่านอ๋องตงผิงส่งเทียบเชิญเพื่อฉลองนายน้อยกลับจวนอ๋องแล้ว ท่านอ๋องส่งจดหมายมา วันจัดงานเลี้ยง นายน้อยจะปรากฏตัวหรือไม่ เขาจะได้เตรียมการ”
เซียวอี้ครุ่นคิด “เวลานี้เมืองหลวงถือว่าไม่เงียบสงบนัก ข้าไม่เพิ่มภาระให้องครักษ์จินอู่ดีกว่า เจ้าบอกพี่ใหญ่ วันนั้นข้าไม่ออกงาน ให้เขาจัดการเองเถิด”
จี้ซินแสเสียดายเล็กน้อย “มันเป็นงานเลี้ยงที่จัดเพื่อนายน้อย นายน้อยไม่ออกงานจะน่าเสียดายไปหน่อยหรือไม่”
“ไม่เสียดาย! ข้าไม่ปรากฏตัว บรรดาแขกเหรื่อจึงจะดีใจ”
เซียวอี้ไม่สนใจชื่อเสียงของตนเองแม้แต่น้อย
จี้ซินแสพูดอีกครั้ง “องค์หญิงจู้หยางปฏิเสธการเข้าร่วมงานเลี้ยง แต่จะให้คนมามอบของขวัญ”
“ของขวัญเบากว่าความมีน้ำใจ องค์หญิงจู้หยางไม่ออกงานย่อมต้องมีเหตุผล ซินแสอย่าถือสาเลย”
จี้ซินแสมุมปากกระตุก เขารู้สึกอัดอั้นใจเล็กน้อย ดังนั้นจึงตัดสินใจสร้างความสะเทือนใจให้เซียวอี้
“ดูเหมือนว่าองค์หญิงจู้หยางจะไม่พอใจนายน้อยมากนัก หากนายน้อยให้คนไปสู่ขอ ข้าเกรงว่าคนผู้นั้นจะถูกขับไล่ออกมา!”
เซียวอี้คิ้วกระตุกด้วยความกระอักกระอ่วน
เขากวาดตามองจี้ซินแส “ซินแสอย่าได้เอ่ยถึงเรื่องที่จี้ใจดำของข้านักเลย เจ็บมาก!”
“ในเมื่อนายน้อยรู้สึกเจ็บ เหตุใดจึงไม่ยอมฮึกเหิมขึ้นมา นับแต่ปลดจากตำแหน่งแม่ทัพ นายน้อยก็อยู่ที่นี่ตลอดเวลา ออกไปข้างนอกน้อยครั้งมาก หากนายน้อยยังหดหู่เช่นนี้ต่อไป เกรงว่าชีวิตนี้คงจะสู่ขอคุณหนูสี่ไม่ได้”
คำพูดนี้ช่างทำร้ายจิตใจคน
เซียวอี้พบว่าจี้ซินแสช่างปากร้ายเสียจริง
เขาลูบหน้าหนึ่งที “ขอซินแสแนะนำ ข้าจะต้องพัฒนาอย่างไร วิ่งไปของานจากฮ่องเต้ในเมืองหลวงหรือ”
“แต่ก็ไม่ควรอุดอู้อยู่ในห้องทุกวัน อย่างน้อยก็หาสิ่งอื่นทำบ้าง”
“ข้าเหนื่อยมาหลายปี อยากจะฉวยโอกาสที่หายากนี้พักผ่อนเสียบ้าง ซินแสอย่าบีบบังคับให้ข้าพัฒนาเลย! ข้าพัฒนาตั้งแต่แปดขวบ ถึงเวลาต้องพักและไตร่ตรองถึงอนาคตบ้างแล้ว”
“นายน้อยมีแผนการในอนาคตอย่างไร คงไม่อาจอยู่ที่นี่ระยะยาว! อย่างนั้นคงจะหาสะใภ้ไม่ได้”
เซียวอี้ทำหน้าเศร้าใจ เขาพูดกับจี้ซินแส “ข้าย่อมจะหาสะใภ้ได้อย่างแน่นอน!”
“เมื่อใด”
อย่าได้ถามคำถามนี้อีก!