คุณหนู4สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 47
ตอนที่ 47 หลี่เปียวผู้ชั่วช้า
ไม่นานนักกองทัพอสูรมายาระลอกที่สองก็ถอนกำลังกลับไปจนหมด
ในอสูรล้อมเมืองระลอกที่สองนี้ ฉินอวี้โม่ทำผลงานสยบอสูรศักดิ์สิทธิ์ไปทั้งหมดสิบตัวในคราวเดียว ! และถึงแม้ว่านางจะมีพลังมายาสูงส่งทว่าก็ยังรู้สึกเหนื่อยล้าอยู่ดี
อสูรศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบตัวนั้น อดีตคุณหนูได้แจกจ่ายให้กับสหายในกลุ่มพันธมิตรอวี้โม่ทั้งหมด เนื่องจากน้ำใจอันงดงามของพวกเขาที่อาสามาช่วยนางอย่างไม่เกรงกลัวอิทธิพลของกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจและอาราม แน่นอนว่านักฆ่าสาวในร่างคุณหนูผู้รักความยุติธรรมไม่มีทางยอมให้พวกเขาต้องเสียแรงเปล่า
ขวงจ้านและสหายคนอื่น ๆ ต่างก็ยิ้มกันแก้มปริ เพราะจู่ ๆ กลุ่มทหารรับจ้างของพวกเขาก็มีผู้ที่มีอสูรศักดิ์สิทธิ์ในครอบครอง อีกทั้งระดับความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ยังเพิ่มขึ้นไม่น้อยด้วย
ขณะที่ฝั่งหลี่เปียวต่างก็มีสีหน้าที่บิดเบี้ยวและปวดใจอย่างชัดเจน
ผู้อาวุโสจางแห่งสมาคมผู้ฝึกสัตว์อสูรพยายามอย่างเต็มที่จนสามารถสยบอสูรศักดิ์สิทธิ์มาเป็นจำนวนสองตัวถ้วน ! ทว่าเขาก็เลือกเก็บพวกมันเอาไว้เอง ไม่คิดที่จะมอบให้ผู้อื่นเหมือนอย่างฉินอวี้โม่ ซึ่งนั่นก็ทำให้หลี่เปียวและคนในกลุ่มผู้ภักดีต่ออารามผิดหวังกันอย่างมาก
สมาชิกหลายคนของกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจรู้สึกอิจฉาเหล่ากองกำลังพันธมิตรอวี้โม่ พวกเขาได้แต่มองกลุ่มทหารรับจ้างสลาตันรวมถึงคนอื่น ๆ ในนั้นส่งเสียงเฮเป็นการเฉลิมฉลองกันอย่างชื่นบาน ถ้าหากพวกเขาได้เข้าร่วมกับฉินอวี้โม่พวกเขาก็คงจะได้รับอสูรมายาบ้างเช่นกัน
ตอนนี้ทุกฝ่ายต่างก็จัดระเบียบกำลังพลกันใหม่เพื่อรอคอยการมาถึงของกองทัพอสูรระลอกที่สาม
“กองทัพอสูรมายาในระลอกที่สามจะต้องแข็งแกร่งจนน่ากลัวแน่ ครั้งนี้เราจะสนใจเฉพาะอสูรระดับศักดิ์สิทธิ์ขึ้นไป ข้าจะช่วยทุกท่านสยบมันเองเพื่อให้พลังของพวกท่านเพิ่มขึ้น ส่วนอสูรมายาระดับอื่น ๆ ขอให้ปล่อยไปก่อน”
ฉินอวี้โม่ประกาศท่ามกลางเหล่าสหายในกลุ่มพันธมิตรด้วยรอยยิ้ม
กองทัพอสูรในระลอกที่สามแม้ว่าจะแข็งแกร่งมากแต่พวกนางก็มีคนอยู่จำนวนไม่น้อย ซึ่งถ้าหากทั้งหมดร่วมมือร่วมใจช่วยเหลือกันก็คงไม่เหลือบ่ากว่าแรงอย่างแน่นอน
ที่สำคัญ หากมีเผ่าพันธุ์ของอสูรมายาอย่างหลากหลาย ฉินอวี้โม่ก็จะมีตัวเลือกมากขึ้น นางตั้งใจจะสยบอสูรมายาที่เหมาะสมให้เสี่ยวโร่วเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้สาวใช้น้อยในอนาคต
ลิ่วเยว่และพรรคพวกในกลุ่มมองดูฉินอวี้โม่และพวกพ้องของนางด้วยสีหน้าไม่ดีนัก
หากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเขาจะต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างไม่อาจเลี่ยง หากนับเพียงแค่การรับมือกับฝูงอสูรระลอกที่สองจำนวนแต้มต่อของพวกเขาก็ถูกทิ้งห่างไปไม่น้อย ถ้าในระลอกที่สามพวกเขายังพ่ายแพ้อีก ลิ่วเยว่ก็จะต้องมอบอสูรเทวะของตัวเองให้อีกฝ่ายซึ่งเป็นเรื่องที่เขาไม่มีวันยอมรับได้
“หลี่เปียว ไหนเจ้าบอกว่าครั้งนี้เราจะชนะแน่นอนอย่างไรเล่า ?”
ตอนนี้ลิ่วเยว่เริ่มจะใจเสียขึ้นมาบ้างแล้วที่หลงเชื่อในวาจาหว่านล้อมของหลี่เปียว หากเขารู้ก่อนว่าฉินอวี้โม่เป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรที่เก่งกาจเช่นนี้ เขาก็คงไม่กล้าท้าทายนางอย่างแน่นอน
“ไม่ต้องกังวลไป นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น คุณชายลิ่วไม่ต้องเป็นห่วง”
หลี่เปียวกล่าวขึ้นด้วยใบหน้าแสนเจ้าเล่ห์ ดูเหมือนว่าคนผู้นี้คงจะเตรียมการบางอย่างเอาไว้รับมือเรียบร้อยแล้ว
ถึงแม้ว่าในอสูรล้อมเมืองระลอกที่สองพวกเขาจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป แต่หลี่เปียวก็ยังมั่นใจว่าระลอกที่สามสตรีบัดซบและสหายน่ารำคาญของนางจะไม่โชคดีเช่นนั้นอีก
“ข้าก็หวังเช่นนั้น !”
ลิ่วเยว่มองหลี่เปียวด้วยสายตาดุดัน ตอนนี้เขาเริ่มเกิดอาการเสียขวัญบ้างแล้ว
และหลังจากได้หยุดพักหายใจหายคอระยะหนึ่ง ในยามนี้กองกำลังพันธมิตรอวี้โม่ก็พร้อมเต็มที่สำหรับรับมือกับกองทัพอสูรมายาระลอกที่สาม
ทันใดนั้นเอง ฉินอวี้โม่ก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่น่ากลัวกำลังมุ่งตรงเข้ามา
“ทุกท่านระวังตัวด้วย พวกมันกำลังมาแล้ว !”
ฉินอวี้โม่ร้องเตือนทุกคน
แน่นอนว่าหลังจากคำเตือนของสตรีผู้เป็นเสมือนผู้นำกลุ่มดังขึ้นไม่นานนัก กองทัพอสูรระลอกสุดท้ายก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของทุกคน
ในครั้งนี้ไร้เงาของอสูรระดับต่ำโดยสิ้นเชิง อสูรมายาตัวที่อ่อนแอที่สุดในกองทัพนี้คืออสูรระดับภูต ส่วนระดับศักดิ์สิทธิ์มีจำนวนหลายสิบตัว และถัดออกไปในแถวหลังก็มีอสูรมายาที่ทรงพลังเป็นอย่างมากจำนวนสามตัวกำลังจับจ้องมา แรงกดดันอันแสนหนักหน่วงของพวกมันทำให้ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ตัวแข็งค้างอย่างยากที่จะหายใจ
“บ้าน่า มีอสูรเทวะตั้งสามตัว !”
เมื่อเห็นอสูรทั้งสามตัวนั้น หลาย ๆ คนก็อดอุทานออกมาไม่ได้
อสูรเทวะทั้งสามตัวนั้นมี ยักษ์ศิลาสามดารา ต้นไม้วิญญาณสี่ดารา อีกทั้งยังมีนกสีขาวที่มีปีกอันงดงามอีกตัวหนึ่ง
เมื่อฉินอวี้โม่เห็นนกตัวนั้น นางก็นึกชื่อของมันไม่ออก อดีตคุณหนูไม่รู้จักรูปลักษณ์ของอสูรมายาชนิดนี้มาก่อน
“หืม นั่นมันไม่ใช่เจ้ากระเรียนขาแดงหรอกรึ ?!”
เมื่อเสี่ยวจินที่เกาะอยู่บนไหล่ของฉินอวี้โม่เห็นนกตัวนั้นก็จำมันได้ทันที
“กระเรียนขาแดงมันเป็นอสูรมายาแบบไหนกัน ?”
ฉินอวี้โม่ถามด้วยความสงสัย มันเป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นอสูรมายาชนิดนี้
“นายหญิง กระเรียนขาแดงเป็นหนึ่งในอสูรมายาที่เป็นเลิศในหมู่อสูรมายาประเภทบิน ความเร็วของมันไม่ด้อยไปกว่าข้าเลย”
เสี่ยวจินเอ่ยอธิบายเกี่ยวกับนกสีขาวระดับเทวะตัวนั้น
“ถ้างั้น ข้ามอบกระเรียนขาแดงตัวนั้นให้เป็นหน้าที่ของเจ้าแล้วกัน”
หลังจากฟังคำแนะนำของเสี่ยวจิน ฉินอวี้โม่ก็พยักหน้าแล้วเอ่ยคำสั่ง
ยักษ์ใหญ่ดูเทอะทะ ต้นไม้วิญญาณดูน่าเกลียดและแปลกประหลาด ฉะนั้นกระเรียนขาแดงตัวนี้ดูจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด มันดูสวยงาม ทั้งยังมีขนาดที่ไม่ใหญ่โตจนเกินพอดี
“รออยู่เลย !”
เหยียวปีกทองขนาดกะทัดรัดรับคำสั่งอย่างตื่นเต้น มันบินออกจากไหล่ของเจ้านายสาวก่อนจะกลับคืนร่างที่แท้จริงและพุ่งทะยานเข้าไปหาเจ้ากระเรียนขาแดงในทันที
ส่วนฉินอวี้โม่และเสี่ยวเฮยนั้นก็พุ่งไปเผชิญหน้ากับต้นไม้วิญญาณเช่นกัน นางต้องการสยบเจ้าอสูรประหลาดนี่ก่อนเป็นอันดับแรก
“เร็วเข้า ทุกคนช่วยกันกำราบเจ้ายักษ์หินตัวนี้”
ขวงจ้านและอู๋เผยหันมามองหน้ากัน แววตาของพวกเขามุ่งมั่น จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ลุกโชนขึ้นมาอย่างแรงกล้าแล้ว
พวกเขาทั้งสองในฐานะที่เป็นหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างจึงมีความสามารถไม่น้อย แม้ว่าคนเดียวอาจจะรับมือกับอสูรเทวะไม่ได้ แต่หากทุกคนร่วมมือกันก็สามารถรับมือกับมันได้ไม่ยาก
ที่สำคัญถ้าพวกเขาไม่รีบลงมือ อสูรมายาตัวนั้นจะถูกกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าแย่งชิงไปเป็นแน่ เรื่องเช่นนั้นพวกเขายอมรับไม่ได้
“คอยจับตาดูกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจไว้ด้วย”
หลังจากสั่งการคนของตัวเองแล้ว หัวหน้ากลุ่มต่าง ๆ ก็พาคนบางส่วนบุกเข้าไปโจมตียักษ์ศิลาในทันที
ภาพที่ฉินอวี้โม่และกองกำลังพันธมิตรเข้าไปหยุดอสูรเทวะทั้งสามตัวทำให้สีหน้าของลิ่วเยว่เปลี่ยนไปอย่างรุนแรง เช่นเดียวกันกับผู้อาวุโสจางที่มีใบหน้าบิดเบี้ยวจนน่าเกลียด
“หัวหน้าหลี่เปียว ช่วยข้าสยบอสูรเทวะสักครั้ง ข้าขอสัญญาว่าจะยอมมอบอสูรศักดิ์สิทธิ์ให้กลุ่มทหารรับจ้างของเจ้าสองตัว !”
เมื่อเห็นอสูรมายาใรระดับเทวะ และคู่แข่งที่กำลังมุ่งหน้าเข้าต่อกรกับพวกมันอย่างดุเดือด ในฐานะที่เป็นผู้ฝึกสัตว์อสูร ผู้อาวุโสจางจึงอดเอ่ยปากขึ้นมาอย่างร้อนรนปนตื่นเต้นไม่ได้ เขารีบหยิบยื่นข้อเสนออันแสนเย้ายวนใจให้ทันที
“ผู้อาวุโสจาง ท่านอย่าทำเป็นลืมสิ อสูรเทวะมีค่ามากกว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์สิบตัวด้วยซ้ำ ท่านคิดว่าพวกเราโง่อย่างนั้นรึ ทำไมพวกข้าต้องช่วยท่านด้วย ?”
ก่อนหน้านี้หลี่เปียวก็ขัดเคืองใจในความใจจืดใจดำของบุรุษอาวุโสผู้นี้อยู่ก่อนแล้ว แล้วตอนนี้เขายังมีหน้าเสนอข้อเสนอบัดซบเช่นนี้ให้พวกเขาอีก บุรุษมากเล่ห์จึงอดไม่ได้ที่จะทอแววตาดูถูกจ้องมองอีกฝ่าย
“นี่เจ้า !…”
ผู้อาวุโสแห่งสมาคมผู้ฝึกสัตว์อสูรเดือดดาลขึ้นมาทว่าก็กล่าวสิ่งใดไม่ออก หากที่นี่มีเพียงหลี่เปียวคนเดียว เขาคงจะไม่ลังเลที่จะใช้วาจาข่มขู่คุกคาม ทว่าเมื่อหันไปมองลิ่วเยว่บุรุษจากอารามที่มีสีหน้ามืดหม่นในตอนนี้ ผู้อาวุโสวัยกลางคนก็เลือกที่จะสงบคำ คนจากอารามเป็นกลุ่มคนที่เขาไม่ควรจะไปยั่วยุหรือสร้างความบาดหมางมากที่สุด
“หลี่เปียว เจ้ากำลังทำอะไรอยู่ ถ้าไม่รีบลงมือพวกมันจะสยบอสูรเทวะไปหมดแล้วนะ !”
เมื่อเห็นฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ พุ่งข้าต่อสู้กับอสูรเทวะทั้งสาม ใบหน้าของลิ่วเยว่ก็ถมึงทึงบิดเบี้ยวถึงขีดสุด หากสุดท้ายผลการแข่งขันจบลงด้วยการที่ฉินอวี้โม่สยบพวกมันได้ เขาก็จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในทันที นอกจากจะไม่ได้สิ่งใดในเทศกาลอสูรล้อมเมืองครั้งนี้แล้ว เขายังต้องสูญเสียอสูรเทวะคู่กายที่ใช้ในการวางเดิมพันไปอีกด้วย ผลลัพธ์เช่นนั้นเขาไม่อาจจะทำใจยอมรับได้แน่
ในตอนที่ตกลงกันเมื่อวาน หลี่เปียวบอกเขาว่าวันนี้เขาไม่ต้องลงมือทำสิ่งใดทั้งนั้น ‘ท่านเพียงแค่รอดูเรื่องสนุก ๆ ก็พอ’ ตอนแรกเขาก็วางใจเพราะเชื่อมั่นในตัวอีกฝ่าย แต่เวลานี้เขาเกิดความกังวลใจที่หนักหนาขึ้นมาแล้ว เขาไม่อยากจะยอมรับความพ่ายอย่างน่าอเนจอนาถเช่นนี้
“ไม่ต้องห่วงท่านลิ่วเยว่ ข้าบอกแล้วว่าอย่างไรเราก็ชนะ”
ในตอนนั้นเองหลี่เปียวก็เผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมาพลางส่งสัญญาณให้ลูกน้อง
คนของกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจทยอยนำของบางอย่างออกมาทีละอันแล้วขว้างมันเข้าใส่กลุ่มคนที่กำลังต่อสู้อยู่กับอสูรเทวะ
“นั่นมันอะไร ?!”
เมื่อเห็นว่าพวกหลี่เปียวปาอะไรบางอย่างไปที่กลุ่มพันธมิตรอวี้โม่ที่อยู่แนวหน้า ชื่อเซียวและลั่วอวิ๋นผู้มีหน้าที่สั่งการในจุดนี้ก็ชะงัก
สิ่งของนั้นคือขวดกระเบื้องขนาดเล็ก มันถูกปาเข้ามาอันแล้วอันเล่า เมื่อมาถึงกลุ่มคนในฝ่ายของฉินอวี้โม่และตกลงพื้น กระเบื้องขวดน้อยก็แตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ ทันที ผงละเอียดบางอย่างที่อยู่ภายในนั้นฟุ้งกระจายออกมาและส่งกลิ่นคละคลุ้งไปทั่ว
“นั่นก็คือผงชนิดพิเศษที่ข้าเตรียมไว้เมื่อวานนี้ ผงนี้จะมีกลิ่นประหลาดบางอย่าง เมื่อกลิ่นนั้นกระจายออกไป เหล่าอสูรมายาจำนวนมหาศาลก็จะพุ่งเข้าไปรวมตัวกันในบริเวณที่เกิดกลิ่น หึ หึ แน่นอนว่าความอันตรายก็จะเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ข้าอยากจะเห็นนักว่าฉินอวี้โม่ผู้นั้นจะรับมือกับอสูรมายาที่บ้าคลั่งเป็นฝูงได้ยังไง ! ฮ่า ๆ ๆ”
หลี่เปียวกล่าวขึ้นมาด้วยความสะใจและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง แม้ว่าจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบแต่เขาก็ไม่รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจเลยสักนิด เพราะเขามั่นใจว่าอย่างไรก็ต้องเป็นฝ่ายชนะ และเพื่อชัยชนะแล้ว คนอย่างเขาไม่เลือกวิธีการ ไม่ใส่ใจความถูกต้อง
อย่างไรก็ตามสิ่งที่หลี่เปียวกำลังคาดหวังกลับไม่เกิดขึ้น ผงที่กระจายอยู่ทั่วพื้นส่งกลิ่นประหลาดออกมา แต่นั่นกลับเป็นกลิ่นหอม ๆ อันสดชื่น ! กลิ่นหอมพวกนั้นไม่เพียงแต่จะไม่ทำให้อสูรมายาเกิดอาการบ้าคลั่งและพุ่งเข้าไปรวมตัวกันเท่านั้น แต่ยังทำให้พวกมันสงบลงและถอยห่างออกไปอีกด้วย
“เหอะ ! เจ้าพวกต่ำช้า คุณหนูคาดเดาแผนการของพวกเจ้าออกหมดแล้ว”
เสี่ยวโร่วเปล่งเสียงเหยียดหยามออกมาก่อนจะหยิบเอาขวดกระเบื้องจำนวนหนึ่งออกมาและขว้างเข้าใส่ทางฝั่งที่หลี่เปียวยืนอยู่บ้าง… สาวใช้น้อยผู้ฉลาดเฉลียวเลือกเล็งเข้าใส่หัวหน้าอันธพาลอย่างตั้งใจ
แน่นอนว่าหลี่เปียวหลบมันตามสัญชาตญาณ ทันทีที่ตกลงพื้นมันก็แตกเป็นเสี่ยง ๆ และมีผงบางอย่างฟุ้งกระจายออกมาจากภายใน
“คุณหนูสั่งเอาไว้ว่าให้ข้ามอบสิ่งนี้คืนให้พวกเจ้า”
เสี่ยวโร่วมองไปทางหลี่เปียวด้วยสายตาที่ภาคภูมิใจราวกับทำงานสำคัญสำเร็จ
ผงที่ลอยออกมานั้นส่งกลิ่นรุนแรง และในทันทีที่เหล่าอสูรมายาที่อยู่โดยรอบได้กลิ่น พวกมันก็เริ่มคลุ้มคลั่งและบุกเข้าจู่โจมหลี่เปียว ลิ่วเยว่ และกลุ่มผู้ภักดีต่ออารามจากทุกทิศทาง ตามคำบอกเล่าที่หัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างเจ้าเล่ห์บรรยายไว้ก่อนหน้านี้ไม่มีผิด
“เกสรงาดำ !”
เมื่อได้กลิ่นจากผงที่กระจายออกมา ผู้อาวุโสจางแห่งสมาคมผู้ฝึกสัตว์อสูรก็อุทานเสียงดัง
“เป็นไปไม่ได้ เกสรงาดำจะไปอยู่ในมือพวกมันได้ยังไง ?”
หลี่เปียวส่ายศีรษะอย่างแรง สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
เมื่อวานเขาเป็นคนยืนคุมให้ลูกน้องนำผงเกสรงาดำกรอกลงในขวดกระเบื้องด้วยตัวเองก่อนจะกำชับว่า ในวันรุ่งขึ้นให้พวกเขาขว้างมันเข้าไปทางฝั่งของฉินอวี้โม่ ถึงตอนนั้นอสูรมายาก็จะพุ่งเข้าโจมตีฝ่ายนั้นราวกับพายุกระหน่ำและมันก็จะสร้างหายนะให้แก่ฝ่ายศัตรูได้
ทว่าเวลานี้เกสรงาดำกลับไปปรากฏอยู่ในมือฝ่ายตรงข้าม !
“เจ้าโง่ ! คุณหนูของเรารู้แผนการของเจ้าตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เลยแอบไปสับเปลี่ยนมาแล้วเรียบร้อย”
เสี่ยวโร่วมองหลี่เปียวอย่างเย้ยหยันและกล่าวต่อ “ผงเกสรงาดำที่พวกเจ้าเตรียมไว้เมื่อวานก็อยู่ใต้เท้าพวกเจ้าในตอนนี้นี่แหละ !”
เมื่อคืน หลังจากที่ได้รับรู้แผนชั่วที่หลี่เปียวกับลิ่วเยว่ตกลงกัน ฉินอวี้โม่ก็สั่งให้เสี่ยวจินตัวน้อยลอบติดตามหลี่เปียวออกไป
ด้วยเหตุนั้นทำให้นางทราบถึงแผนการลับแสนต่ำช้านี้ นักฆ่าสาวใช้ความสามารถดั้งเดิมลอบเข้าไปในห้องพักของพวกเขาตอนกลางดึกและแอบสับเปลี่ยนถุงใส่ขวดเกสรงาดำอย่างเงียบเชียบ เหล่าสมาชิกทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจไม่รู้ตัวเลยว่าขวดที่อยู่ในมือของตนเป็นเพียงผงเกสรดอกไม้หอมธรรมดา
ผงเกสรชนิดนี้นั้น แม้ว่าจะทำจากเกสรดอกไม้เหมือนกันแต่กลับให้ผลลัพธ์ที่ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิงกับผงเกสรงาดำ เพราะมันทำให้อารมณ์ของอสูรมายาสงบลง สรรพคุณเช่นนี้อันที่จริงฉินอวี้ก็ไม่แน่ใจนัก นางเพียงแต่เลือกเอาดอกไม้ชนิดที่ช่วยให้มนุษย์จิตใจสงบมาเพียงเท่านั้น อันที่จริงนางเองก็ไม่ได้มั่นใจเลยว่าจะได้ผลกับอสูรมายาในลักษณะเดียวกันด้วย
“ตอนนี้ก็เชิญสนุกกับแผนการชั่วร้ายของตัวเองได้แล้ว”
เมื่อได้เห็นสถานการณ์ทางด้านนั้น ฉินอวี้โม่ก็ยกยิ้มขึ้นมาอย่างสะใจและต่อสู้กับต้นไม้วิญญาณที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างร่าเริง
ภายใต้การร่วมมือกันของฉินอวี้โม่และเสี่ยวเฮย ต้นไม้วิญญาณก็ถูกนางสยบลงได้ อสูรเทวะขนาดยักษ์ยอมหมอบลงแทบเท้าของนาง
การต่อสู้ของเสี่ยวจินเองก็เกือบจะมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว เสี่ยวจินนั้นมีระดับที่สูงกว่ากระเรียนขาแดงขั้นหนึ่งจึงทำให้มันได้เปรียบกว่าและเอาชัยเหนืออีกฝ่ายได้ในที่สุด
ทว่าทางฝั่งของการต่อสู้ระหว่างยักษ์ศิลากับกลุ่มพันธมิตรอวี้โม่นั้นดูจะดุเดือดรุนแรงมากกว่า อย่างไรก็ตาม ตอนนี้กลุ่มพันธมิตรก็ดูเป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่ไม่น้อย และคาดว่าพวกเขาคงจะสามารถจบการต่อสู้ลงได้ในไม่ช้า
ฉินอวี้โม่พยักหน้าอย่างพึงพอใจ ทว่าในตอนที่กำลังครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรกับต้นไม้วิญญาณ อดีตนักฆ่าสาวก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งตรงมาจากทางด้านหลัง !
.
.
.