คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 206 จริงใจ
ยามบ่ายเสียงดนตรีดังขึ้นเบาๆ กุ้ยเหนียงกำลังดีดพิณ แต่ก็พบว่าตนเองดีดผิด เหล่าเด็กสาวที่ร่วมซ้อมดนตรีด้วยกันหยุดลง เด็กสาวที่อยู่ข้างตู้หนังสือในห้อง วางสมุดบัญชีในมือแล้วยกม่านขึ้น
“กุ้ยเหนียง”
กุ้ยเหนียงลุกขึ้นยืนอย่างนอบน้อม “พี่หลิวหลี”
เด็กสาวนามว่า หลิวหลี เป็นสตรีที่งดงามมาก แต่เสื้อผ้าและเครื่องประดับที่สวมใส่นั้นค่อนข้างเรียบง่าย
นางพูดว่า “เจ้ามานี่” แล้วบอกกับคนที่เหลือ “พวกเจ้าซ้อมต่อไป” กุ้ยเหนียงวางพิณลงแล้วเดินตามนางเข้าไปในห้อง
หลิวหลีมองนางแล้วถอนหายใจ “สองวันมานี้เจ้าดูจิตใจสับสนนะ เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
กุ้ยเหนียงยิ้ม “แค่รู้สึกอุดอู้นิดหน่อยเจ้าค่ะ เลยอารมณ์ไม่ค่อยดีท่านไม่ต้องกังวลไป” แต่สีหน้าหลิวหลีดูจริงจัง นางมองกุ้ยเหนียงแต่ไม่พูดอะไร
เมื่อถูกอีกฝ่ายจ้องกุ้ยเหนียงก็เริ่มยิ้มไม่ออก “พี่หลิวหลี…”
หลิวหลีกดเสียงต่ำ “เพราะคุณชายกัวใช่หรือไม่ ได้ยินว่าช่วงนี้เขามักส่งของมาให้และหาโอกาสคุยกับเจ้า”
กุ้ยเหนียงรีบพูดว่า “พี่หลิวหลีเข้าใจผิดแล้วเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้คิดมากเรื่องนี้ คุณชายกัวผู้นั้นเป็นคนที่หัวหน้าฉีส่งมาเลยต้องดูแลเป็นอย่างดี” หลิวหลีมองนางเงียบๆ
กุ้ยเหนียงขอร้อง “พี่หลิวหลี..”
“เจ้ารู้ตัวเองดีก็ดีแล้ว” หลิวหลีพูดเสียงเบา “พวกเราเป็นใคร อย่าไปคาดหวังมากนักเลย หนึ่งวันที่ผ่านไปก็คือหนึ่งวันยิ่งคิดถึงมันเท่าไรยิ่งเจ็บปวดเท่านั้น”
กุ้ยเหนียงรู้สึกเหมือนหัวใจถูกทิ่มแทง นางก้มหน้าตอบรับ “เจ้าค่ะ”
หลิวหลีตบมือนางเบาๆ “เจ้าอย่ากลัวไปเลย ข้าจะไม่บอกพวกเขา พี่น้องที่ถูกส่งมาที่นี่เหลือเพียงแค่ข้ากับเจ้าสองคนเท่านั้น หากเราไม่ดูแลกันเองวันข้างหน้าจะมีใครอีกที่…”
“พี่หลิวหลี…” กุ้ยเหนียงเศร้าใจ
“เป็นครั้งแรกที่คุณชายกัวท่านนั้นได้ออกจากบ้าน เขาถึงมีความคิดเช่นนี้ รอให้เขาได้เห็นโลกภายนอกมากขึ้นก่อน คงไม่เห็นพวกเราอยู่ในสายตาแล้ว บุรุษน่ะ หลายปีมานี้พวกเราเห็นกันมาไม่น้อยเจ้าอย่าไปให้เขาปั่นหัวเราได้ง่ายเลย”
กุ้ยเหนียงรับคำ “ข้าเข้าใจแล้ว อันที่จริงไม่ได้เป็นเพราะเขาหรอกเจ้าค่ะ แต่เป็นเพราะพี่น้องรอบตัวข้าน้อยลงเรื่อยๆ ข้าเลยรู้สึกใจไม่สงบนัก” หลิวหลีไม่ได้พูดอะไรต่อ
เสียงดนตรีที่ดังมาจากด้านนอก เหล่าเด็กสาวที่อายุอ่อนกว่าพวกนางกำลังซ้อมการแสดงอยู่ แต่อาจเป็นเพราะกุ้ยเหนียงไม่อยู่ด้วยการซ้อมจึงเกิดความผิดพลาด พวกนางจึงมานั่งถกเถียงกันเอง
หลิวหลีฟังอยู่สักพักก็พูดว่า “เมื่อมองย้อนกลับไปมันตลกจริงๆ ในตอนแรกเราต่างคนต่างต่อสู้เพื่อเป็นที่หนึ่งและเป็นศัตรูกัน แต่ในความเป็นจริงชนะไปก็สู้พวกเราไม่ได้อยู่ดี เจ้ากลายเป็นนางคณิกาชั้นสูง ข้ากลายเป็นแม่เล้า ส่วนหลิงหลง…”
“พี่หลิวหลี!” กุ้ยเหนียงตะโกนขึ้นมา หลิวหลีหยุดพูดในทันที
ทั้งสองคนเงียบกันอยู่สักพัก กุ้ยเหนียงพยายามดึงสติกลับมา “พี่หลิวหลีนั่งก่อนเถอะ ข้าจะออกไปซ้อมการแสดง”
หลิวหลีพยักหน้าสุดท้ายนางพูดออกมาว่า “เจ้าอย่าคิดมากเลย หัวหน้าฉีเป็นคนอย่างไรก็รู้ๆ กันอยู่ พวกเราไม่ควรคิดมากมานานแล้ว”
“เจ้าค่ะ” กุ้ยเหนียงตอบอย่างฝืนๆ
……….
จี้เสียวอู่กลับมาอย่างมีความสุขและตะโกนว่า “พวกพี่สาว มารับของขวัญเร็ว!” เหล่าเด็กสาวที่ฝึกซ้อมดนตรีได้ยินอย่างนั้นก็วางเครื่องดนตรีลงและยิ้มทักทาย
หลังจากทำความรู้จักกันไม่กี่วัน พวกนางก็คุ้นเคยกับจี้เสียวอู่ รู้ว่าคุณชายกัวผู้นี้เป็นคนใจดี ไม่เจ้าอารมณ์ พวกนางจึงเข้ามาคุยกับเขาทีละคน
เด็กสาวคนหนึ่งพูดขึ้น “คุณชายกัวไปที่ไหนมาหรือ”
อีกคนพูดว่า “เอ๋ นี่ใช่ผ้าจากชุมชนจิ่นซินซิ่วหรือไม่”
อีกคนหยิบปิ่นมุกขึ้นมา “อันนี้งามมาก!”
จี้เสียวอู่พูดอย่างใจกว้าง “พวกพี่ชอบก็เอาไปได้เลย!”
เหล่าเด็กสาวดีใจมาก “ให้พวกเราจริงๆ หรือ เยอะขนาดนี้เลยหรือ”
“ใช่! ข้าให้พวกท่านหมดเลย”
เหล่าเด็กสาวกระซิบกระซาบกันเลือกของขวัญ จี้เสียวอู่เห็นกุ้ยเหนียงจึงโน้มตัวเข้าไปหาแล้วหยิบปิ่นระย้าออกมาจากแขนเสื้อ “พี่กุ้ยเหนียง นี่เป็นของขวัญที่ข้าให้ท่านโดยเฉพาะ”
หลิวหลีเดินยิ้มออกมา “เอาล่ะคุณชายกัว! ท่านแอบให้ของขวัญกับกุ้ยเหนียง ไม่มีให้ข้าบ้างหรือ”
จี้เสียวอู่ร้องออกมาแล้วรีบตอบกลับไปว่า “มีๆ!” เขาหยิบหยกแขวนออกมาแล้วส่งให้อีกฝ่าย “นี่…พี่หลิวหลีอย่ารังเกียจเลยนะ” แม้รูปลักษณ์ของหยกแขวนจะไม่เลว แต่ก็ไม่วิจิตรงดงามเท่าปิ่นระย้า
หลิวหลีหยอกเย้า “เป็นของขวัญเหมือนกันเหตุใดถึงต่างกันเช่นนี้เล่า คุณชายกัวท่านนี่เลือกที่รักมักที่ชังจริงนะ!” จี้เสียวอู่หน้าแดง แต่เขากลับไม่พูดอะไร แค่ยิ้มตอบกลับไปเท่านั้น
หลิวหลีดันกุ้ยเหนียงไปข้างหน้า “เอาล่ะๆ ข้าไม่ล้อพวกเจ้าแล้วออกไปพูดคุยกันเถอะ”
เมื่อคนอื่นจากไปกุ้ยเหนียงจึงพูดขึ้นว่า “คุณชายกัว ครั้งก่อนกุ้ยเหนียงบอกไปแล้วว่า…”
จี้เสียวอู่พูดขัดนาง “พี่กุ้ยเหนียง สิ่งนี้ไม่ได้มีภาระอะไรมันก็แค่ของขวัญเอง” เขาชะงักและพูดต่อว่า “ข้าเคยคิดว่าที่พี่กุ้ยเหนียงพูดมานั้นถูกต้อง จริงๆ แล้วพวกเรา…เป็นไปไม่ได้ แต่ข้าคิดว่าพี่กุ้ยเหนียงเป็นคนดีจริงๆ หากพี่กุ้ยเหนียงเต็มใจ ข้าสามารถซื้อตัวพี่กุ้ยเหนียงได้”
กุ้ยเหนียงใจอ่อนนางพูดออกไปเสียงแผ่วเบา “ขอบคุณคุณชายกัวมากเจ้าค่ะ แต่ถึงข้าออกไปจากที่นี่ได้ก็ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดีอยู่ที่นี่ก็ดีแล้ว…”
ความผิดหวังปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจี้เสียวอู่ “ข้าเข้าใจ…”
กุ้ยเหนียงปลอบใจ “คุณชายไปพักผ่อนเถอะเจ้าค่ะ เดี๋ยวกุ้ยเหนียงสั่งให้พวกนางเอาน้ำไปให้”
“อ้อ…” จี้เสียวอู่ก้มหน้าเดินเข้าห้องไปซึ่งตัวฝูก็รออยู่ในห้องอยู่แล้ว
ทันทีที่ประตูปิดลงสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที ท่าทางหลงใหลหายไป เขาถามตัวฝูเสียงเบา “ได้อะไรมาบ้างหรือไม่”
ตัวฝูพยักหน้าแล้วเรียกงูขาวออกมาแล้วทวนบทสนทนาของทั้งสองคนเมื่อครู่อีกรอบ จี้เสียวอู่เลิกคิ้วเขาครุ่นคิด “หลิงหลงที่พวกนางพูดถึงเป็นไปได้หรือไม่ว่า…”
ตัวฝูถาม “คุณชายห้าเจ้าคะ ต่อไปพวกเราจะทำอย่างไรดี ท่านเป็นเช่นนี้ดูเหมือนจะทำให้พวกนางประทับใจไม่ได้!”
จี้เสียวอู่นอนลงบนเตียงและถอนหายใจ “ข้ารู้ว่าน้องหญิงหลอกข้า! จอมยุทธ์น้อยออกมาจากเขาเพื่อสร้างชื่อเสียงอะไรกัน กลายเป็นว่าข้าต้องมาอยู่ในกลุ่มสาวงามเพื่อสืบข่าว! ไม่มีอะไรน่าสนใจเลยสักนิด” เขาเสียใจที่ถูกหลอกด้วยคำพูดไม่กี่คำ
“คุณชายห้า ท่านอย่าเพิ่งใจร้อนไป! คุณหนูบอกว่าเรื่องนี้จะรีบร้อนไม่ได้…”
“ข้ารู้แล้ว” จี้เสียวอู่พูดตัดบทแล้วลุกขึ้น “แต่วิธีนี้ใช้ไม่ได้ผลจริงๆ ข้าต้องหาวิธีอื่น”
เขาเดินไปเดินมาภายในห้อง “หากหลิงหลงที่พวกนางพูดถึงเป็นคนเดียวกับหลิงหลงที่น้องหญิงตามหา งั้นก็หมายความว่าที่นี่คือรังโจร เด็กสาวที่นี่ล้วนได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี แล้วคนที่ฝึกฝนได้ไม่ดีล่ะหากตามหาพวกนางพบอาจจะได้พบคนที่น้องหญิงให้พวกเราตามหาก็เป็นได้” จี้เสียวอู่ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
หลังจากเกิดเหตุการณ์สูญหายที่สระฉางเล่อ ศาลาว่าการก็มีการตรวจตราอย่างเข้มงวด ภายใต้สถานการณ์นี้เด็กสาวที่ถูกจับตัวไปต้องอยู่ในเมืองหลวงแน่นอน เพียงแค่ตามหาฐานที่มั่นของพวกมันที่ซ่อนความลับของเด็กสาวเหล่านั้นพบก็จะสามารถ…
แต่จะหาอย่างไรล่ะ จี้เสียวอู่ครุ่นคิดอย่างหนัก
ในเวลาเดียวกันหลิวหลีเดินออกจากประตูหลังอย่างเงียบๆ และเข้าไปที่เรือนข้างเคียง
“ผู้อาวุโส หัวหน้า” นางย่อกายทำความเคารพ
คนที่พูดคุยกันในห้องโถงก็คือผู้เฒ่าเก๋อกับฉีผิง
เมื่อเห็นนางฉีผิงก็ถามขึ้นว่า “คุณชายน้อยเป็นอย่างไรบ้าง”
หลิวหลียิ้ม “คุณชายกัวชอบกุ้ยเหนียงมากเจ้าค่ะ แม้จะทนไม่ได้กับการดูหมิ่น แต่จากสายตาของข้าดูเหมือนเขาจะจริงใจจริงๆ”
…………