คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 415 ยากลำบาก
มีคำกล่าวที่ว่าฝนตกเนื่องจากหลังคารั่ว บ้านซึมน้ำเจิ่งนอง[1] แล้วยังมีประโยคที่ว่าโชคร้ายมักมาไม่หยุดหย่อน
เมื่อรายงานเกี่ยวกับเนินกรวดแม่ทัพส่วนใหญ่คิดว่านี่เป็นสงครามในพื้นที่ มีจำนวนไม่น้อยที่อยากออกไปสร้างผลงานไม่คิดว่าผ่านไปไม่กี่วันจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้
การโจมตีของหูเหรินที่ไร้ทางไปพวกนั้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่การต่อต้านของเผ่าซีหรงต่างหากที่เป็นเรื่องใหญ่! เผ่าซีหรงเองเมื่อรวมตัวกันก็มีจำนวนคนไม่น้อยเลย!
“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้พวกเขาไม่ใช่เพิ่งส่งของขวัญเจริญทางพระราชไมตรีมาหรือ หลังจากอยู่อย่างสงบสุขมาหลายปี เหตุใดจู่ๆ ถึงมาต่อต้านตอนนี้กัน”
เมื่อตอนที่ฮ่องเต้ไท่จู่ก่อตั้งอาณาจักรเคยกวาดล้างเผ่าซีหรงอย่างไร้ความปราณีมาแล้วรอบหนึ่ง ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมานี้พวกเขาก็เชื่อฟังอย่างดีราวกับแกะตัวน้อย
ทหารที่เข้าร่วมกองทัพกล่าวว่า “เกรงว่าจะเป็นแผนที่วางเอาไว้ล่วงหน้าขอรับ! เผ่าซีทรงเคยเป็นหญ้าบนยอดกำแพง[2] ผู้ใดแข็งแกร่งกว่าก็จะเข้าหาฝ่ายนั้น ตอนนี้ทหารม้าเราแข็งแกร่ง แต่เป่ยหูอยู่ในสถานการณ์ที่วุ่นวายดังนั้นพวกเขาจึงไม่เคลื่อนไหว” แม่ทัพทุกคนเห็นด้วย
มีคนพูดอีกว่า “ท่านแม่ทัพโปรดวางใจที่ด่านกู่เหลียงมีแม่ทัพสามนายคอยปกป้อง…”
ยังไม่ทันพูดจบก็มีรายงานฉบับใหม่ส่งมา “เรียนท่านแม่ทัพด่านกู่เหลียงสูญเสียการป้องกัน แม่ทัพจงชิ่งเสียชีวิตในสนามรบแล้วขอรับ!”
“อะไรนะ” จงรุ่ยตกใจ
จงชิ่งเป็นอาสามของเขาซึ่งปัจจุบันมีหน้าที่คุ้มกันด่านกู่เหลียง ด้วยเหตุนี้เมื่อได้รับรายงานนี้เขาจึงรู้สึกวางใจเพราะมีท่านอาสามอยู่ที่นั่น เขาจะสามารถรักษาเสถียรภาพได้อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นท่านอาสามที่รักเขามาตั้งแต่เด็กกลับถูกพรากจากไปตลอดกาลอย่างคาดไม่ถึง
เกิดความวุ่นวายในหมู่แม่ทัพ ทหารเข้าร่วมรบรีบรายงานว่า “ท่านแม่ทัพ ด่านกู่เหลียงสูญเสียการป้องกันแล้วที่ด่านหนิงอี้มีคนคุ้มกันไม่มากนัก ตอนนี้ท่านจมอยู่กับความเศร้าโศกไม่ได้แล้วต้องรีบส่งคนไปสนับสนุน หากด่านหนิงอี้แตกอีกที่ศัตรูจะสามารถตรงมายังไป๋เหมินเซี่ยได้ขอรับ!”
จงรุ่ยปาดน้ำตา และพยักหน้า “ที่ท่านพูดมาก็ถูก”
นี่คือชะตากรรมของบุรุษตระกูลจงไม่ใช่แค่ท่านอาสามเท่านั้น
ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาเศร้าบิดาของเขาเป็นตายร้ายดีอย่างไรยังไม่แน่ชัดท่านอาสามก็จากไปแล้ว เขาจึงต้องหาทางจัดการด้วยตัวเอง
จงรุ่ยเรียกกำลังใจอย่างรวดเร็ว และพูดคุยกับเหล่าแม่ทัพถึงวิธีส่งกองกำลัง
หยางชูในตอนนี้ยืนอยู่บนกำแพงของไป๋เหมินเซี่ยมองดูทหารที่เดินส่งคำสั่งไปๆ มาๆ
“สงครามเกิดขึ้น ชายแดนไม่สงบ!” เขาตะโกนขึ้น
หมิงเวยสงสัย “แปลกมากในความทรงจำของข้าไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้น!” เอกสารทางประวัติศาสตร์อื่นๆ อาจสูญหาย เผ่าซีหรงต่อต้านถือเป็นเรื่องใหญ่
หยางชูถามนาง “ท่านบอกว่าราชวงศ์เว่ยตะวันตกก่อตั้งขึ้นคือช่วงเวลานี้หรือ”
“ใช่เจ้าค่ะ” หมิงเวยตอบ “แปดเผ่ารวมเป็นหนึ่งท้ายปี หัวหน้าเผ่าซูถูถูกสถาปนาเป็นฮ่องเต้”
“เขาเทียนเสินเกิดเรื่องเช่นนั้นยังคิดก่อตั้งราชวงศ์อย่างไรก็ต้องรออีกสักสองถึงสามปี” หยางชูเลิกคิ้ว “เรื่องนี้ช่างแปลกนักมีเหตุผลที่ซูถูไม่มีอำนาจพอที่จะบุกแดนใต้ได้ แต่เกิดอะไรขึ้นกับสถานการณ์ในตอนนี้กัน”
“มันเป็นเรื่องบังเอิญที่ชนเผ่าซีหรงเกิดการต่อต้านในเวลานี้เรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกันอย่างแน่นอน”
หยางชูพึมพำ “ข้ามีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีหากเรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเกรงว่าสงครามครั้งนี้จะยากกว่าที่คาดไว้”
การเดาของเขากลายเป็นจริงอย่างรวดเร็ว ยังหาตัวจงซู่ไม่พบ แต่หูเหรินที่เนินกรวดใช้ประโยชน์จากทำเลที่สะดวกสบายในการครอบครองเมืองหน้าด่าน
การสู้รบทางตะวันตกเป็นไปอย่างไม่ราบรื่นนัก ตอนนี้ทหารซีเป่ยปกป้องด่านหนิงอี้สุดชีวิตทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก กองทัพซ้ายอ้างว่ามีสองแสนนาย แต่ไม่ใช่ทั้งหมดที่อยู่ในไป๋เหมินเซี่ย สิ่งที่พวกเขาต้องปกป้องคือ เส้นเขตแดนที่ทอดยาวที่สามารถทับซ้อนกันได้
ยิ่งกว่านั้นเมื่อถนนถูกน้ำแข็งและหิมะปิดกั้น แม้ว่ากองทัพจะถูกเคลื่อนย้าย พวกเขาก็ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งก่อนที่น้ำแข็งจะละลายในฤดูใบไม้ผลิ ไป๋เหมินเซี่ยกับด่านโดยรอบก็เหมือนเกาะที่แยกตัวออกมา
โชคดีที่ฮ่องเต้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการป้องกันชายแดนทางซีเป่ยเสมอมา เสบียงต่างๆ จึงมีสำรองเพียงพอจะไม่เกิดวิกฤติการจัดหาเสบียงอย่างแน่นอน หยางชูจะไปที่กำแพงทุกวันเพื่อดูทหารด้านนอก
หมิงเวยคาดเดาความคิดในใจเขาออก “ท่านอยากช่วยเหลือใช่หรือไม่”
ใช้เวลานานกว่าที่หยางชูจะตอบ “คิดไปก็ไม่มีประโยชน์ สถานะของข้าน่าอึดอัดเกินไป กองทัพซีเป่ยมีแม่ทัพพวกเขาไม่ให้ข้ายื่นมือเข้าไปแทรกแซงหรอก”
หมิงเวยกลับพูดว่า “พวกเราไปสนามรบไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าเราไม่สามารถช่วยได้นะเจ้าคะ”
หยางชูตกใจ “หมายความว่าอย่างไร”
“ข้ามักจะรู้สึกว่าสงครามครั้งนี้แปลก และมันต้องมีเหตุผลเบื้องหลัง เราควรลองตรวจสอบดูดีหรือไม่”
“ตรวจสอบงั้นหรือ”
“ใช่ ไปที่เนินกรวดกันเถอะเจ้าค่ะ”
หยางชูตื่นเต้น เขารู้ว่าการไปที่เนินกรวดนั้นอันตรายมาก แต่การอยู่ที่นี่ และเฝ้าดูมันทำให้รู้สึกไม่สบายใจจริงๆ หลังจากคิดถึงเรื่องนี้แล้วคืนนี้เขาจึงไปหาจงรุ่ย
จงรุ่ยได้ยินคำขอของเขาจึงพูดด้วยความประหลาดใจ “ท่านบ้าไปแล้วหรือ ท่านพ่อของข้าหายตัวไป ตอนนี้ก็มีหิมะขวางถนนทำให้ไม่สามารถผ่านได้เลย และหิมะก็ยังตกลงอยู่ บางทีมันอาจจะทำให้หิมะตกหนักขึ้นอีกท่านคิดว่าข้าไม่เร่งรีบหรือ แต่ถึงรีบอย่างไรข้าก็ไม่สามารถส่งผู้ใต้บังคับบัญชาไปตายได้จึงทำได้แค่ค่อยๆ…”
หยางชูพูด “มีเหตุผลสองประการ หนึ่ง ถึงคนของข้าน้อย แต่เป็นยอดฝีมือ มีข้อได้เปรียบในการหาคน สอง ข้าไม่ได้อยู่ภายใต้การปกครองของกองทัพซีเป่ย หากมีอะไรเกิดขึ้นก็จะไม่ส่งผลต่อสถานการณ์โดยรวม”
“ถึงจะพูดเช่นนั้นมันก็อันตรายเกินไป…”
พูดถึงหลายวันมานี้จงรุ่ยอยากจะไล่หยางชูออกไปคนผู้นี้ถึงน่ารำคาญ พูดจาไม่น่าฟัง อ่านใจคนเก่ง เล่นหมากรุกเก่ง หากไม่เกิดเรื่องก็อยากจะเอาคืนอยู่……
แต่ถึงจะน่ารำคาญเพียงใดเขาก็ไม่ได้เคียดแค้นอะไรมาก บางครั้งเมื่อนึกถึงความสามารถ และชาติกำเนิดของเขาก็ยังรู้สึกเห็นใจ แม้ว่าตนเองไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ เขาก็ไม่อยากให้หยางชูตายที่นี่อย่างเปล่าประโยชน์
หยางชูถอนหายใจ “เหตุใดข้าจะไม่รู้ว่ามันอันตราย แต่ท่านเองก็รู้ว่าชาติกำเนิดของข้ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะแสดงความสามารถ ตอนนี้ไป๋เหมินเซี่ยถูกน้ำแข็ง และหิมะแยกออกจากโลกภายนอก เป็นโอกาสที่ดีที่สวรรค์ประทานให้ แม้ไม่สามารถมีชื่อเสียงไม่ได้รับการสรรเสริญ แต่ให้ข้าได้มีโอกาสแสดงความสามารถหน่อยเถอะ สิ่งที่เรียนหนักมานับสิบปีจะได้ไม่สูญเปล่า…”
จงรุ่ยได้ยินเช่นนั้นก็สงสัย
เขาถามอีกครั้ง “ท่านรู้ระดับความอันตรายของมันจริงๆ ใช่หรือไม่ การเคลื่อนทัพบนพื้นดินที่เต็มไปด้วยหิมะนั้นยากมาก มันไม่ใช่สิ่งที่ท่านนั่งนึกภาพว่ากำลังนั่งบัญชาการอยู่ในกองทัพเป็นระยะทางหลายพันลี้นะ”
“ข้ารู้ บางทีอาจพบหิมะตกหนักอีกครั้ง และถูกฝังอยู่ในหิมะ แม้ว่าจะผ่านมาได้อย่างปลอดภัย แต่ก็เป็นไปได้ที่จะพบกับหูเหรินแล้วถูกฟันเข้าจนตาย”
หยางชูเหยียดมือออก “แต่ท่านก็เห็นตั้งแต่เล็กจนโตสิ่งที่ข้าได้เรียนรู้มาไม่น้อยไปกว่าท่าน ท่านคิดว่าข้าดื่มด่ำเพลิดเพลินกับความหรูหราไม่มีทางเลือกอื่นจริงๆ หรือ…”
จงรุ่ยมองผิวหยาบกร้านบนฝ่ามือของเขาที่เหมือนกับของตนเองในใจรู้สึกกังวล ร่องรอยทักษะการขี่ม้า ร่องรอยการฝึกกระบี่ ร่องรอยการฝึกยิง…
เขาประทับใจ…
“หากข้าตายในไป๋เหมินเซี่ยพวกท่านสองพ่อลูกอาจถูกสอบสวน แต่ถ้าเกิดสงครามก็ไม่เกี่ยวข้องกับพวกท่านแล้ว หากข้าไม่สามารถกลับมาได้จริงๆ ตอนที่ท่านรายงานต่อฝ่าบาทช่วยพูดเรื่องดีๆ ให้แก่ข้าที ให้ข้าได้ตายอย่างสง่างาม และไม่ทำให้มิตรภาพระหว่างเราเสียไป”
จงรุ่ยพูด “เหตุใดข้าต้องกลัวปัญหานั้นด้วยก็แค่กังวลว่าท่าน…ช่างเถอะ ในเมื่อท่านตั้งใจที่จะไปเช่นนั้นข้าก็ไม่รั้งท่าน หากท่านหาท่านพ่อของข้าเจอจริงๆ นับว่าเป็นผู้มีพระคุณใหญ่หลวงของตระกูลจง ในอนาคตตราบใดที่ไม่ละเมิดกฎของบรรพบุรุษพวกเราจะปกป้องท่านจนถึงที่สุด ข้าจงรุ่ยขอพูดไว้ตรงนี้พูดคำไหนคำนั้น!”
หยางชูลอบยิ้มสีหน้าของเขาดูจริงจัง “หวังว่าพวกเราจะได้ลากันสักวันหนึ่ง”
…………
[1] ฝนตกเนื่องจากหลังคารั่ว บ้านซึมน้ำเจิ่งนอง : ใช้เปรียบเทียบกับความทุกข์ยากซ้ำซ้อนที่ต้องเผชิญ
[2] หญ้าบนยอดกำแพง : นกสองหัว