คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 417 ค้นหาคน
หมิงเวยและหนิงซิววาดเส้นทาง และทุกคนก็จูงม้าฝ่าหิมะไปอย่างระมัดระวัง หิมะในป่าเขาหนาเกินไป หากมันพังทลายลงอีกครั้งแม้แต่พวกเขาก็ถูกฝังลงไปด้วยคงกลายเป็นการออกเดินทางส่งตนเองไปตาย
การเดินทางใช้เวลาสามวันก็เดินทางมาถึงจุดหมายพวกเขาเจาะเข้าไปในป่าอีกสองวัน แต่ก็ยังไม่พบอะไรเลย
“พักผ่อนเถอะ” เมื่อเห็นว่าเริ่มมืดแล้วหยางชูจึงสั่ง ทุกคนตั้งค่ายรวบรวมฟืนก่อไฟ
“พวกเราจะหาจงซู่เจอจริงๆ หรือ” มองหิมะอันกว้างใหญ่ตรงหน้าก็อดสงสัยไม่ได้
“หากแม่ทัพจงยังมีชีวิตอยู่เขาควรจะอยู่ในบริเวณนี้เจ้าค่ะ” หมิงเวยลูบมือของเขา และกล่าวว่า “ที่นี่คือเชิงเหมินดูจากลักษณะพื้นที่แล้วต้นไม้เจริญแข็งแรง มีพื้นที่สำหรับหลบซ่อน”
หยางชูคว้ามือของนางเขาปลดเสื้อตนเองแล้วจับมือนางใส่เข้าไป มืออันเย็นเฉียบสัมผัสหน้าอกอันอบอุ่นของเขาความเย็นนั้นทำเอาเขาถึงกับสั่น
“บอกแล้วว่าไม่ต้องตามมา ตัวเย็นเช่นนี้หากป่วยขึ้นมาจะทำอย่างไร”
หมิงเวยยิ้ม “มีท่านอยู่ไม่ใช่หรือเจ้าคะ”
“ข้าไม่ใช่เซียน” เขาทำให้มือนางอุ่นขึ้นแล้วกางแขนออก “มา”
หมิงเวยโน้มตัวไปข้างหน้าปล่อยให้เขากอดแน่นแต่โดยดี
“ท่านหลับสักครู่เถิด ถึงเวลาทานอาหารแล้วข้าจะเรียก” หยางชูพูด
“ได้เจ้าค่ะ” เขาทำให้ร่างกายนางอบอุ่นหมิงเวยไม่ปฏิเสธร่างกายนี้อ่อนแอ หากป่วยขึ้นมาจะเป็นตัวถ่วงพวกเขาเอาได้ นางอยู่ในความสะลึมสะลืออยู่พักหนึ่งก็ได้ยินเสียงดังขึ้นในหู หมิงเวยลืมตาขึ้นก็เห็นเหล่าขุนศึกประคองคนที่ตัวแข็งเดินเข้ามา
หมิงเวยกะพริบตาพอเริ่มรู้สึกตัวก็ลุกขึ้นนั่งตัวตรง
“คน! พวกเราพบคนที่ยังมีชีวิตอยู่ขอรับ!”
หยางชูตบไหล่นางเบาๆ จากนั้นก็จัดเสื้อผ้าตนเองให้เรียบร้อยแล้วรอให้ขุนศึกเข้ามารายงาน
“คุณชาย พวกเราเจอเขาตอนที่ไปเก็บฟืนขอรับ!” หน่วยสอดแนมรายงานด้วยความยินดี “ดูจากเกราะที่เขาสวมน่าจะเป็นองครักษ์ของแม่ทัพจง คุณชายโปรดรอสักครู่พวกเราจะปลุกเขาเองขอรับ”
เหล่าขุนศึกขุดหิมะขึ้นมาหยิบมือแล้วถูกายคนผู้นั้นให้ร้อนในที่สุดก็เห็นเขาค่อยๆ ฟื้นขึ้น
“เจ้าได้ยินหรือไม่”
บุรุษผู้นั้นเห็นรูปร่างหน้าตาของพวกเขา และตื่นเต้นมาก “พวกท่านเป็นกองกำลังเสริมใช่หรือไม่พวกเรากำลังรอพวกท่านอยู่!”
อาสวนรีบถามว่า “เจ้าเป็นองครักษ์ของแม่ทัพจงใช่หรือไม่เขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่”
“ขอรับ” สีหน้าของเขาดูซีดเซียวเล็กน้อย “ท่านแม่ทัพยังสบายดี แต่พี่น้องของเราถูกหิมะฝังไปไม่น้อย…”
เมื่อได้รับการยืนยันว่าแม่ทัพจงยังมีชีวิตอยู่หยางชูถอนหายใจด้วยความโล่งอก พอสอบถามสถานการณ์ของพวกเขาแล้วก็สั่งการทันที “พวกเราไม่ต้องตั้งค่ายที่นี่แล้วพวกเขาอยู่ห่างไม่ไกลรอให้พบกับแม่ทัพจงแล้วค่อยว่ากัน”
“ขอรับ”
เหล่าขุนศึกรีบเก็บสัมภาระแล้วตามองครักษ์นายนั้นไป พวกเขาฝ่าหิมะไปเป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม และในที่สุดก็พบที่พักพิงของจงซู่ท่ามกลางแสงจันทร์
“ท่านแม่ทัพๆ!” องครักษ์ตะโกนอย่างมีความสุข แต่แล้วก็ถูกต่อว่าเสียงดุ
“เบาเสียงหน่อย! อยากให้หิมะถล่มอีกรอบหรือ”
องครักษ์รีบปิดปากของเขา และลดเสียงลงเพื่อรายงาน “ท่านแม่ทัพ กองกำลังเสริมมาแล้วขอรับ! มีคนหาพวกเราเจอแล้ว!”
จงซู่กำลังอุ่นไฟให้ร่างกายอบอุ่นเมื่อเห็นคนที่เดินตามหลังองครักษ์ของเขามาก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปถามด้วยความตื่นเต้นว่า “เป็นคนที่รุ่ยเอ๋อร์ส่งมาหรือ”
“ท่านแม่ทัพ เป็นข้าเอง” หยางชูถอดหมวกออก
จงซู่ตกใจมากเมื่อเห็นว่าเป็นเขา “เหตุใดถึงเป็นท่านได้ ที่นี่ไม่ปลอดภัย คุณชายหยางออกมาเสี่ยงได้อย่างไรกันแล้วรุ่ยเอ๋อร์เล่า”
หยางชูพูด “ท่านแม่ทัพ คุณชายใหญ่มาไม่ได้เผ่าซีหรงลุกขึ้นต่อต้าน”
“อะไรนะ!”
…………
แสงจันทร์สะท้อนหิมะทำให้รู้สึกเหงามากขึ้น หยางชูและจงซู่นั่งอยู่ในค่ายและพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ จงซู่ขมวดคิ้วและเงียบไปครู่หนึ่ง
“แม่ทัพจง ท่านเห็นว่าเรื่องนี้มีปัญหาใช่หรือไม่”
“ท่านเห็นว่าอย่างไร”
“เป็นเรื่องบังเอิญที่เผ่าหูโจมตีเนินกรวดจากนั้นท่านก็เดินทางมาช่วยเหลือและถูกขังอยู่ที่นี่ หลังจากนั้นเผ่าซีหรงลุกขึ้นต่อต้านบุกทำลายด่านกู่เหลียงในช่วงเวลาอันสั้นทำให้กองทัพซีเป่ยเข้าสู่สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด ทุกอย่างเกี่ยวข้องและเกิดขึ้นในเวลากระชั้นชิดจนแทบไม่มีเวลาตอบโต้เลย”
จงซู่คิดถึงน้องสามของเขาที่เสียชีวิตในสนามรบแววตาก็ดูมืดสลัวลง บุตรชายตระกูลจงเสียชีวิตอีกคนในสนามรบ
“ข้ารักษาชายแดนมานานหลายสิบปีจึงรู้เกี่ยวกับชนเผ่าซีหรงเป็นอย่างดี พวกเขาดุร้ายไม่เท่าหูเหริน และไม่ได้มีความสามัคคีเพียงนั้น ครั้งนี้พวกเขาดูเรียบร้อยเช่นนี้ทำลายด่านได้เพียงครั้งเดียวเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าไม่มีการวางแผนเบื้องหลัง”
จงซู่หยุดชั่วคราวแล้วพูดว่า “แล้วน้องสามของข้ามักตื่นตัวอยู่เสมอจึงให้เขาประจำการอยู่ที่ด่านกู่เหลียง ข้าจึงวางใจครั้งนี้ถูกโจมตีอย่างรวดเร็ว และแม้แต่เขาเองก็หนีไม่พ้นข้าไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ…”
“เช่นนั้นแม่ทัพจงรู้สึกว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำใช่หรือไม่”
“ข้าไม่กล้ารับประกันเช่นนั้น” จงซู่กล่าวอย่างนุ่มนวล “ข้าเพิ่งเดินทางมาได้ครึ่งทางก็ถูกหิมะกลบฝังตนเองยังไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ก็ถามเขาอีกว่า “สถานการณ์ที่เนินกรวดเป็นอย่างไรบ้าง”
หยางชูส่ายหัวด้วยความเศร้าใจ “ครั้งนี้หิมะถล่มปิดกั้นถนนหมดไม่เพียงแต่แม่ทัพจงเท่านั้นที่ติดอยู่ที่นี่ แต่กำลังเสริมของเราก็ไม่สามารถฝ่าไปได้ หลังจากผ่านไปหลายวันถนนก็ถูกขุดเพียงเล็กน้อยทหารป้องกันเนินกรวดป้องกันไว้ไม่ได้…”
จงซู่คุ้นเคยกับการเห็นความตายมานานแล้วจึงกล่าวอย่างใจเย็น “ดูเหมือนว่าพวกเขาจงรักภักดีต่อแผ่นดิน”
หยางชูพูด “ตอนนี้เส้นทางถูกกลบหมดแล้วไม่ต้องกลัวว่าหูเหรินจะไปทางใต้ แต่เรื่องนี้ก็ยังแปลกอยู่ดี หากยังคิดไม่ออกกลัวจะมีปัญหาที่ไม่รู้จบได้” จงซู่มองเขาอย่างเงียบๆ
หยางชูลูบหน้าตนเอง “แม่ทัพจง มีอะไรผิดปกติงั้นหรือ”
จงซู่จ้องเขา “คุณชายหยางต้องการอะไรหรือ”
หยางชูส่ายหน้า “ข้าไม่เข้าใจที่ท่านพูด”
จงซู่พูดเสียงเรียบเฉย “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่าน แต่ท่านกลับยอมรับความเสี่ยงครั้งใหญ่มาตามหาข้า ตอนนี้การพยายามค้นหาความเชื่อมโยงเบื้องหลังไม่ใช่เรื่องยาก ตระกูลจงไม่มีเหตุผลที่ต้องเป็นหนี้ผู้ใด เรื่องนี้ทำให้ข้าลำบากใจจริงๆ”
หยางชูยิ้ม “แม่ทัพจงเหนื่อยเกินกว่าจะใช้ชีวิตเช่นนี้ ดังนั้นจึงไม่กล้ายอมรับความเมตตาของผู้อื่นเลยหรือ”
“ถ้าเป็นผู้อื่นไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นคุณชายหยางล่ะก็ข้าไม่กล้าจริงๆ” หยางชูพูดไม่ออก
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดว่า “ข้าหวังว่าจะได้รับความประทับใจจากตระกูลจงจริงๆ แต่สิ่งอื่นข้าไม่อยากได้ไม่กล้าที่จะได้ด้วย ตอนนี้สถานการณ์เช่นนี้จะให้ข้านั่งมองดูเฉยๆ คงทำไม่ได้”
เขาก้มหน้ามองมือของตนเอง “ถึงข้าจะแซ่หยาง ตอนนี้ข้าจะมีชีวิตที่สบายกว่านี้หรือ วิชาทหาร ทักษะที่เรียนรู้มาจะมีพื้นที่ให้แสดงความสามารถหรือไม่ คนเรามีชีวิตเดียวข้าไม่รู้ความหมายของการอยู่เช่นนี้…แม่ทัพจง หลายวันมานี้ข้าอิจฉาบุตรชายของท่านจริงๆ ที่ได้เรียนรู้อะไรที่เป็นประโยชน์”
น้ำเสียงของหยางชูแผ่วเบาดูเย็นชาเงียบเหงาในคืนที่หิมะตก จงซู่รู้ว่าเขาจงใจสร้างบรรยากาศ แต่ก็ทนไม่ได้ที่จะทำลายมันในเวลานี้
หลังจากเงียบไปนานเขาก็พูดว่า “เรื่องนี้ค่อยมาคุยกันทีหลัง ตอนนี้คุณชายหยางอยู่ที่นี่แล้ว ผู้ใต้บังคับบัญชาล้วนมีความสามารถ ก่อนอื่นพวกเราช่วยกันหาทางออกไปจากที่นี่ดีหรือไม่ แม้เหล่าพี่น้องที่เนินกรวดจะถูกสังหารในสนามรบ แต่ก็ต้องแบกศพของพวกเขาออกมา”
หยางชูข่มอารมณ์แล้วพยักหน้า “ในเมื่อข้ามาแล้วก็จำทำตามคำสั่งของแม่ทัพจง”
…………..