คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 426 ทานข้าวต้ม
“น่าเสียดาย” ซูถูปล่อยคันโยกแล้วถอนหายใจ
ลูกธนูไม่ได้ยิงโดนจุดสำคัญจงซู่ยังสามารถขี่ม้าได้ทั้งที่ได้รับบาดเจ็บ แสดงว่าไม่มีความเสี่ยงต่อชีวิต
“ทหารหมาป่าหิมะล่ะ” เขาหันศีรษะแล้วถาม “กลับมากี่คน”
ทหารคนสนิทลังเลแล้วตอบว่า “อาจจะมีครึ่งหนึ่งไม่ได้กลับมา”
ซูถูพยักหน้า “กลับไปให้รางวัลแก่ครอบครัวของพวกเขา บุตรชายในครอบครัวที่อยู่ในวัยเหมาะสมเว้นการรับเข้าเป็นทหารหมาป่าหิมะ”
“ขอรับ!”
ซูถูเพิ่งพูดจบก็มีเสียงทหารตะโกนขึ้นว่า “ต้าห่าน ดูนั่นขอรับ!”
เขาหันศีรษะไปมอง และเห็นใครบางคนกำลังบินมาทางนี้ ซูถูหรี่ตาและกลับไปอยู่ตรงหน้าหน้าไม้
ทหารสองนายลงมือพร้อมกัน และลูกศรหลายสิบดอกก็พุ่งออกไป ครั้งนี้คู่ต่อสู้เข้ามาอย่างรวดเร็วดังนั้นเขาจึงไม่ต้องกังวลเรื่องระยะการยิงเลย เขาเล็งไปที่อีกฝั่งของเขาว่างชานแล้วโยกคันโยกยิงลูกศรออกไป
สังหารจงซู่ไม่ได้ แต่ถ้าสังหารนางได้ก็ไม่เสียเปล่าแล้ว!
ลูกศรพุ่งเข้าหาหมิงเวยยังคงสงบนิ่งจนถึงขีดสุดในเวลานี้นางกระโดดเคลื่อนย้ายหมุนไปกลางอากาศ และลูกศรหน้าไม้ก็ผ่านด้านข้างนางไป
เมื่อเห็นนางไม่หยุดซูถูที่อยู่อีกฝั่งยิงออกไปอีกครั้ง ระยะห่างระหว่างสองข้างนี้อยู่ในระยะหนึ่งร้อยจั้งแล้ว พลังของลูกศรหน้าไม้เองก็ถึงขีดสุดแล้วเช่นกัน
ครั้งนี้หมิงเวยหลีกเลี่ยงลูกศรหน้าไม้ส่วนใหญ่นางใช้กริชกระแทกลูกศรสองสามดอกกลางอากาศ เนื่องจากแรงที่มากเกินไปของหน้าไม้ร่างของนางสั่นหลังจากโจมตีลูกศรดอกสุดท้ายจนต้องหยุดปรับตัวสักครู่
ในระยะใกล้เช่นนี้นางได้เห็นซูถูใต้แสงจันทร์แล้ว
พอกำลังจะโผเข้าไปหาหนิงซิวก็รีบเข้าไปรั้งนางไว้ “อย่าไป! อีกฝ่ายมีหน้าไม้อยู่ในมือมันอันตรายมาก”
หมิงเวยขมวดคิ้วอย่างไม่เต็มใจนัก แต่รู้ดีว่าหนิงซิวพูดถูก
ในระยะนี้ลูกศรหน้าไม้นั้นทรงพลังอย่างยิ่ง ยิ่งกว่านั้นมันเป็นหน้าไม้หนักที่สามารถส่งลูกธนูได้หลายสิบดอกพร้อมกันซึ่งนางอาจไม่สามารถหลบมันทั้งหมดได้
ซูถูเห็นนางหยุดซึ่งเขาก็ไม่ได้ยิงลูกศรต่ออีก เพราะเขารู้ว่าถ้าหมิงเวยไม่เข้าใกล้มามากกว่านี้จะยิงนางในระยะนี้นั้นทำได้ยาก ต่างฝ่ายต่างรู้ดีจึงมองกันไกลๆ เช่นนี้
ซูถูยืนตัวตรงแล้วมองด้วยรอยยิ้มจากนั้นพูดเสียงดัง “แม่นางหมิงคำเชื้อเชิญครั้งก่อนของข้ายังใช้ได้อยู่ ท่านอยากจะเปลี่ยนใจหรือไม่”
หมิงเวยมองเขาอย่างเย็นชา “ขอโทษด้วย ข้าไม่สนใจนอนกับท่านเจ้าค่ะ”
ซูถูไม่โกรธและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านไม่อยากเป็นหวางเฟยไม่เป็นไร พวกเราหูเหรินไม่ได้เคร่งกฎอะไรเช่นนั้น ท่านอยากรับตำแหน่งอะไรก็ย่อมได้”
“ต้องขออภัยด้วย แต่ข้าไม่ได้อยากว่าราชการโดยที่มีกลิ่นสาบแกะติดตัว” หมิงเวยตอบกลับอย่างรวดเร็ว
ซูถูทำท่าทีเสียดาย “ท่านเป็นเช่นนี้ข้าคงปฏิบัติด้วยท่าทีเมตตาไม่ได้!”
หมิงเวยพูดอย่างเฉยเมย “ผู้ใดต้องปฏิบัติด้วยท่าทีเมตตาต่อผู้ใดกันแน่!”
ซูถูยิ้มและพยักหน้า “ช่างเถอะ ในเมื่อพวกเราถูกลิขิตให้ไม่ใช่สหายร่วมทางกัน คราวหน้าพวกเราจะได้เจอกันอีกแน่”
หมิงเวยยกมุมปาก “ข้าก็เช่นกันท่านอย่าไปโดนผู้อื่นฟันก่อนล่ะ”
ณ จุดนี้ ได้พูดไปหมดแล้วเจอกันครั้งหน้าก็จะมีแต่ต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว
ซูถูรู้สึกเสียดายมากถึงเขาจะเกลียดนางมาก แต่เขาไม่เคยชื่นชมผู้ใดในลักษณะนี้เลย แม้กระทั่งยกนางให้เหนือบุรุษด้วยซ้ำ
“ถ้าเช่นนั้น ลาก่อน เชื่อว่าวันนั้นคงอีกไม่นาน” ซูถูพูดจบก็โบกมือองครักษ์ก้าวไปข้างหน้า ยกหน้าไม้หนักขึ้น และถอยกลับอย่างเป็นระเบียบ
หมิงเวยยืนอยู่ที่นั่นมองดูพวกเขาค่อยๆ เดินจากไปจนมองไม่เห็นอีกต่อไป
ทางฝั่งนอกประตูเมืองเสียงฆ่าฟันมีอยู่ทุกหนทุกแห่งซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เข้มข้นที่สุด
หนิงซิวถามว่า “พวกเราเข้าเมืองกันดีหรือไม่”
หมิงเวยพยักหน้า “ช่างน่าเสียดาย คราวนี้ปล่อยเขาไปอีกไม่กี่วันเขาจะนำทัพมาโจมตีเราแน่เจ้าค่ะ”
หนิงซิวพูด “พวกเราไม่สามารถทำอะไรได้สถานการณ์ของพวกเราในตอนนี้ทำได้แค่ชิงเนินกรวดกลับมาก่อนเท่านั้น และพวกเราไม่สามารถนำกำลังคนสำรองตามไล่ฆ่าเขาได้”
“เจ้าค่ะ”
หนิงซิวได้ยินเสียงตอบรับแบบขอไปทีของนางก็ถามกลับ “ท่านยังคิดอะไรอยู่อีก”
หมิงเวยดึงสติกลับมา “ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ”
ฝั่งเรามีน้อยเกินไป! ช่างเถอะ อย่างไรก็ต้องมีโอกาสอีก ไม่ต้องรีบร้อน
………….
ปิดล้อมเมืองตลอดจนถึงรุ่งสางถึงจะได้พัก ศัตรูถูกกวาดล้างไปซะส่วนใหญ่และบางส่วนก็หนีเข้าไปในทุ่งหญ้า อากาศหนาวเย็นเช่นนี้ในทุ่งหญ้าไม่มีอะไรทานแน่นอนต่อให้หนีสำเร็จก็ต้องตายในไม่ช้า ดังนั้นกองทัพแคว้นฉีไม่ได้ส่งคนไปไล่ตาม แต่เร่งทำความสะอาดสนามรบ และซ่อมแซมป้อมปราการของเมือง
พวกเขาทั้งหมดรู้ว่าการแย่งชิงเนินกรวดกลับมาเป็นเพียงก้าวแรก แต่บททดสอบที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นยังไม่มาถึง พวกเขาต้องอยู่ที่นี่เป็นเวลาสามเดือนก่อนจึงจะมีโอกาสอยู่รอดได้
จนกระทั่งเที่ยงวันหมิงเวยถึงได้พบกับหยางชู หลังจากต่อสู้มาทั้งวันทั้งคืน เขาก็เอนกายพิงกำแพงและผล็อยหลับไป หมวกเกราะถูกถอดออกส่วนเสื้อเกราะบนตัวที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดยังไม่ถอด
หมิงเวยไม่ได้ปลุกเขา และโบกมือให้อาสวนไปพักผ่อน อากาศหนาวเกินไปและมือของเขาเย็นเฉียบมาก หมิงเวยจับมือของเขาไว้นั่งลงปกป้องเขาอยู่ข้างกาย หยางชูไม่ได้นอนมานาน และเมื่อได้กลิ่นข้าวต้มที่ปรุงส่งกลิ่นหอมจึงตื่นขึ้น
เมื่อเห็นหมิงเวยปฏิกิริยาแรกของเขาคือการยิ้มเป็นผลทำให้แผลขยับจนต้องกัดฟันด้วยความเจ็บ
หมิงเวยรู้สึกขบขัน “บาดเจ็บตรงไหนหรือไม่ ท่านหลับไปเช่นนี้ไม่รู้เลยหรือว่าบาดเจ็บ”
หยางชูหันศีรษะชี้ไปที่ปกเสื้อ และพูดด้วยน้ำเสียงขอรางวัล “ตรงนี้ ข้าเจ็บมากเลย”
หมิงเวยเอนตัวไปดูและพูดว่า “แผลค่อนข้างยาวโชคดีที่เลือดหยุดไหลแล้ว หากขึ้นไปอีกเล็กน้อย คอท่านคงขาดไปแล้วเจ้าค่ะ”
หยางชูรู้สึกไม่พอใจ “ท่านไม่ปลอบข้า แต่ยังยินดียินร้ายไปกับความโชคร้ายของผู้อื่น”
“ยินดีกับความโชคร้ายของผู้อื่นอะไรกัน นี่ไม่ได้เรียกว่าพูดความจริงหรือเจ้าคะ” ทั้งสองมองหน้ากันแล้วหัวเราะทันที
หลังจากหัวเราะหมิงเวยถามเขาว่า “ดีใจหรือไม่เจ้าคะ”
หยางชูพยักหน้า “ดีใจ”
หมิงเวยยืดตัวขึ้นแล้วอ้าแขนโอบกอดเขาไว้ หยางชูตกใจ แต่ไม่นานเขาก็ยิ้มอีกครั้ง กำแพงเมืองหลังสงครามมีเลือดและซากศพอยู่ทุกหนทุกแห่ง แต่สิ่งที่เขาประสบคือความสุขที่เขาไม่เคยมีมาก่อน
อาสวนนำข้าวต้มมาให้ “คุณชาย แม่นางหมิง ทานข้าวต้มเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นก่อนเถอะขอรับ”
หยางชูที่ถูกขัดจังหวะ “…เจ้ามาเวลาอื่นไม่ได้หรือ” เห็นแววตาที่สื่อออกไปหรือไม่
อาสวนทำหน้าไร้เดียงสา “อากาศหนาวมากข้าน้อยเกรงว่าท่านจะหิวขอรับ”
หึ! ทุกคนที่ออกรบล้วนเป็นคนโสด แต่พาคนในครอบครัวมาแล้วยังกอดต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้ผู้ใดไม่สะดุ้งบ้าง
หมิงเวยหัวเราะเล็กน้อยและหยิบชามข้าวต้มขึ้นมา “ท่านทานข้าวต้มก่อนเถอะ ทานเสร็จข้าจะรักษาบาดแผลให้ท่าน มีผู้บาดเจ็บมากมายเช่นนี้ แพทย์ทหารคงยุ่งมากเจ้าค่ะ”
หยางชูอารมณ์ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว “ได้” มองอยู่พักหนึ่งแล้วก็ผลักชามข้าวต้มให้นาง “ท่านทานก่อน”
อาสวนยื่นอีกชามให้อย่างจนใจ “ข้าจะไปหยิบมาใหม่ขอรับ”
เป็นผู้ติดตามต้องมีสติ…อาสวนทวนเงียบๆ ในใจหลายรอบ ระงับความอยากบีบคอเจ้านายให้ตายด้วยความอิจฉาริษยาแล้วเดินกลับไปเติมข้าวต้มอีกครั้ง
หมิงเวยมองแผ่นหลังของเขาแล้วถามว่า “จะว่าไปอาสวนก็อายุไม่น้อยแล้ว ท่านไม่คิดจะหาภรรยาให้เขาหรือ”
หยางชูไม่เห็นด้วย “ข้ายังไม่มีภรรยาเขาจะรีบมีไปทำไมกัน มีเหตุผลอะไรต้องนำหน้าข้าด้วย”
หมิงเวย “…”
เขาเป็นเช่นนี้จะมีสหายได้อย่างไร!
…………