คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 438 โอกาสทอง
สีหน้าของต้าห่านเผ่าเก๋อซางยังคงไม่เปลี่ยนแปลง กัวสวี่ไม่รีบร้อนทั้งสองคนเริ่มจากการพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องอาหาร และนิสัยการกินที่แตกต่างกันของทั้งสอง
เขาเป็นคนที่มีความรู้กว้างขวางจริงๆ สนทนาตั้งแต่อาหารไปจนถึงต้นกำเนิดไปจนถึงสภาพอากาศและภูมิศาสตร์ ตรงกันข้ามต้าห่านเผ้าเก๋อซางจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว และมองไปที่ทางเข้ากระโจมบ่อยๆ เสียงวุ่นวายจากกองทัพกลางดังมากขึ้น
ขณะที่กำลังสนทนากันอยู่นั้นก็มีเสียงดังมาจากด้านนอก
“ต้าห่านของพวกท่านล่ะ”
“ต้าห่านกำลังพักผ่อนอยู่ท่านปาตงมีคำสั่งอะไรหรือ”
“รีบเรียกต้าห่านของพวกท่านเร็ว ต้าห่านซูถูมีคำสั่งให้ไปล้อม และปราบปรามกองทัพแคว้นฉี”
“ต้าห่านไม่ได้พักมาหลายวันแล้ว ท่านปาตง แค่กองทัพเล็กๆ จากแคว้นฉีคงไม่จำเป็นต้องให้พวกเราเคลื่อนไหวหรอก”
“อะไรนะ คำสั่งของต้าห่านซูถูพวกเจ้ากล้าไม่ฟังหรือ”
ทหารชาวหูผู้นี้ชะงักไปพักหนึ่งท่าทางดูไม่เต็มใจ แต่ก็ตอบกลับอย่างไม่มีทางเลือกว่า “ได้ ข้าน้อยจะไปรายงานต้าห่านให้ขอรับ”
“เร็วที่สุด! อย่าให้ต้าห่านของพวกเรารอ!” อีกฝ่ายพูดทิ้งท้ายแล้วขี่ม้าจากไป
กัวสวี่ที่อยู่ในกระโจมประมวลผลอย่างรวดเร็ว แผนของคืนนี้เขาและหยางชูลงความเห็นกันอยู่หลายครั้งดังนั้นเขาจึงรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น คงจะเป็นแม่นางหมิงใช้เคล็ดวิชาสร้างความโกลาหล และทำให้เกิดความวุ่นวายในกองทัพกลางได้สำเร็จ
ซูถูแก้ไขปัญหาอย่างยากลำบากอยู่พักหนึ่งจากนั้นจึงสั่งเคลื่อนย้ายกองทหารจากเผ่าอื่น อย่างไรก็ตามต้าห่านเผ่าเก๋อซางไม่รู้เรื่องราวภายในเขาอาจคิดว่าซูถูจงใจผลาญคนของเขา กัวสวี่หันไปมองและเขาเห็นใบหน้าของต้าห่านเผ่าเก๋อซางมืดครึ้มดูไม่ยินดีอย่างยิ่ง
“ต้าห่าน” ทหารที่เฝ้าด้านนอกเข้ามารายงาน
เขากำลังอ้าปาก แต่ก็ถูกต้าห่านเผ่าเก๋อซางขัดจังหวะเสียก่อนอีกฝ่ายพูดอย่างใจเย็นว่า “อาหลู่เจ้านำทหารในค่ายออกไปและปฏิบัติตามคำสั่งของซูถู”
ขุนนางหูเหรินชั้นสูงผู้หนึ่งซึ่งนั่งอยู่ข้างกายเขายืนขึ้นและตอบว่า “ขอรับ”
ต้าห่านเผ่าเก๋อซางหันกลับมาและยิ้มให้กัวสวี่ “ดูเหมือนว่าคืนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีที่จะรองรับแขกคงต้องเชิญท่านกลับไปก่อน”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายต้องการส่งแขกกัวสวี่จึงรีบพูดออกไปว่า “ต้าห่านเก๋อซาง! ข้าจากไปไม่เป็นไร แต่ท่านจะพลาดโอกาสที่สวรรค์ประทานให้นะขอรับ” ต้าห่านเก๋อซางไม่ได้พูดอะไร
กัวสวี่กลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่ให้โอกาสจึงพูดต่ออย่างรวดเร็ว “พวกท่านล้วนเป็นคนของสวรรค์เช่นกัน เป็นลูกหลานของซางหวาง เหตุใดเผ่าหมาป่าหิมะต้องเหนือกว่าพวกท่านด้วย ท่านไม่เห็นความทะเยอทะยานของซูถูหรือ ตราบใดที่การต่อสู้ครั้งนี้จบลงเผ่าเก๋อซางยังจะมีโอกาสเรียกว่าเผ่าเก๋อซางอีกหรือ” คำพูดนี้ตรงใจเขาอย่างมาก สีหน้าของต้าห่านเก๋อซางดูไม่น่ามอง
……….
ภายนอกดูวุ่นวายอย่างไร้เหตุผล ทหารเข้ามาเป็นครั้งคราวเพื่อส่งข่าว ซูถูยังคงนั่งอยู่ในกองทัพกลาง
เขารู้ว่าสถานการณ์ในคืนนี้อีกฝ่ายต้องพยายามอย่างเต็มที่ การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของทหารเงาแคว้นฉีนักฆ่าที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดเพื่อฆ่าคนต่างถิ่น ล้วนแต่ปกปิดการเคลื่อนไหวของกองทัพที่แท้จริงของแคว้นฉี และเปิดโอกาสให้พวกเขาได้เข้าไปในค่ายนี้
วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีมากตอนนี้กองทัพกลางเต็มไปด้วยทหารเงาแคว้นฉีพวกเขาไม่สามารถแยกออกได้ว่าอันไหนตัวจริงอันไหนตัวปลอม แต่ตนไม่ได้ไม่เตรียมตัว
ไม่ว่าข้างนอกจะคึกคักเพียงใดสงครามสุดท้ายล้วนอยู่ที่นี่ เขาเพียงแค่ต้องเข้าใจพื้นฐานเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงอยากจะใช้กำลังคนของเผ่าอื่นมากกว่าใช้ทหารเผ่าหมาป่าหิมะ
กลุ่มนี้มีเพียงไม่กี่ร้อยคนเท่านั้นที่เป็นเหตุให้เขานั่งอยู่ที่นี่อย่างมั่นคง เวลาผ่านไปทีละน้อย และเสียงร้องฆ่าฟันเข้ามาใกล้ขึ้นและม่านก็ถูกยกขึ้นในทันใด เขาเห็นทหารในชุดเกราะของกองทัพแคว้นฉีวิ่งเข้ามา
ผู้เป็นหัวหน้าปลดหน้ากากออกเพื่อเผยให้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยอีกฝ่ายยิ้มกว้างให้ “เจอกันอีกแล้วนะ”
ใบหน้าซูถูมืดครึ้มเขาตะโกนสั่ง “ทหาร!”
ทหารหมาป่าหิมะที่กำลังรอซุ่มโจมตีอยู่ในกระโจมพุ่งออกมาล้อมเขาไว้ทันที “ขอรับ!”
หยางชูเหลือบมองทหารหมาป่าหิมะเหล่านี้ และพูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านเตรียมพร้อมมาก่อนหน้านี้แล้วจริงๆ”
ซูถูถือกระบี่ยาวและลุกขึ้นอย่างช้าๆ “ในเมื่อเข้ามาแล้วก็อย่าคิดว่าจะออกไปได้!”
หยางชูตอบกลับว่า “คำพูดนั้นควรเป็นข้าต่างหากที่ต้องพูดในเมื่อมาเนินกรวดก็อย่าคิดว่าจะออกไปได้เลย!”
ดวงตาของทั้งสองฝ่ายสบกันรังสีฆ่าฟันปะทะกันราวกับเกิดประกายไฟฟุ้งกระจายไปทั่ว
……….
สหายถูกฆ่าทีละคนผู้เฒ่าเถิงที่ได้รับข่าวมีใบหน้าที่เย็นชา
“ผู้เฒ่าเถิง ทำอย่างไรดีขอรับ” จางซานถามอย่างกระวนกระวาย
ผู้เฒ่าเถิงพูดเสียงขรึม “อย่าเตลิดไป! อีกฝ่ายลอบสังหารเพื่อทำให้พวกเราสับสนจนทำลายค่ายกลไม่ได้ ตราบใดที่พวกเราทำลายค่ายกลได้กระดาษคนพวกนี้ก็ไร้ผลแล้ว การจลาจลในค่ายจะหยุดทันทีถึงตอนนั้นฆาตกรซ่อนตัวอยู่ที่ใดมองปราดเดียวก็รู้แล้วเรียกพวกซุนลิ่วมาพวกเราทำลายค่ายกลได้ค่อยว่ากัน”
“ขอรับ!”
จางซานเรียกคนหลายสิบคนอย่างรวดเร็วผู้คนรอบกายผู้เฒ่าเถิงแย่งกันพูด “ท่านพบวิธีที่จะทำลายค่ายกลนี้แล้วไม่ใช่หรือ พวกเราต้องทำอย่างไร หรือว่าหาตัวฆาตกรก่อน”
ผู้เฒ่าเถิงยกมือขึ้นเพื่อหยุดพวกเขาและพูดว่า “ค่ายกลนี้ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากนัก แต่เป็นการหาทางรวมหยินชี่เพื่อให้กระดาษยันต์มีความสมจริงมากขึ้น ทำให้แยกไม่ออกว่าอันไหนจริงเท็จ พวกเราแยกย้ายกันไปตามสถานที่ต่างๆ หากทำลายหัวใจของค่ายกลนี้ได้ก็เป็นอันจบ” เขามอบหมายงานให้แต่ละจุดมีคนไปสองคนเพื่อป้องกันการถูกฆาตกรในที่ลับสังหาร
“ผู้เฒ่าเถิง” จางซานถาม “ท่านต้องกลับไปซ่อนตัวที่ค่ายหรือไม่ ฆาตกรผู้นั้นป้องกันได้ยากจริงๆ”
ผู้เฒ่าเถิงส่ายหน้า “ข้าดูแลตัวเองได้พวกเจ้าต้องระวังตัวเอง ดูจากบาดแผลพวกนี้แล้วมีความเป็นไปได้ที่อีกฝ่ายซ่อนตัวอยู่ในที่สูง ระวังต้นไม้กับยอดเขาให้ดี”
“ขอรับ”
“ไปเถอะ”
สหายแยกย้ายกันไปทีละคนผู้เฒ่าเถิงปีนขึ้นไปบนหอสังเกตการณ์วงตาที่เฉียบคมของเขากวาดตามองที่ตั้งค่ายทีละเล็กทีละน้อย
ทันใดนั้นเขาได้ยินเสียง ‘สวบ’ ตามด้วยเสียงกรีดร้อง และสหายคนหนึ่งถูกลอบสังหาร ผู้เฒ่าเถิงจ้องมองอย่างตั้งใจ และแล้วก็มีลูกศรยิงที่หัวอีก
บริเวณรอบๆ ตำแหน่งนั้นไม่มีที่สูงแล้วอีกฝ่ายยิงจากที่ใด
ผู้เฒ่าเถิงเงยหน้าขึ้นรู้สึกมีบางอย่างแวบผ่านหน้าเขา เขารีบไล่ตามสิ่งที่มองไป และแล้วก็ต้องตกตะลึง “บนฟ้า เร็วเข้า เรียกนักธนูมายิงเขาเร็ว!”
หนิงซิวเมื่อเห็นว่าตนเองถูกพบแล้วจึงไม่ลังเลที่จะบินออกไปมองหาคนที่ไม่มีนักธนูอยู่ใกล้ๆ เพื่อลงมือ แต่ถ้าเป็นเช่นนี้เขาถูกบีบแทบจะทุกที่ทำให้ยากที่จะเคลื่อนไหวอีกต่อไป
ผู้เฒ่าเถิงแค่นหัวเราะ และมอบหน้าที่ตามล่าหนิงซิวให้กับนักธนูหูเหริน ขอเพียงตามหาฆาตกรผู้นี้พบก็พอแล้วตอนนี้ที่ลำบากที่สุดคือคนที่สร้างค่ายกล แต่ไม่เป็นไร ตราบใดที่ค่ายกลถูกทำลายก็สามารถลากคนผู้นั้นออกมาได้
ผู้เฒ่าเถิงนั่งนิ่งแล้วฟังข่าวที่รายงานกลับมา “ตำแหน่งซุ่นถูกทำลายแล้ว”
“ตำแหน่งเฉิงจัดการเรียบร้อยแล้ว”
“ตำแหน่งหลินถูกทำลายแล้ว…” ข่าวที่ส่งทีละคนทำให้ใบหน้าของผู้เฒ่าเถิงดีขึ้น
ดูสิ ค่ายกลแต่ละที่ถูกทำลายแล้วพลังของกระดาษยันต์พวกนี้จะลดลงหากทำลายอีกสักสองสามที่…
“วู…” เสียงขลุ่ยแผ่วเบามาจากที่ไหนสักแห่งเห็นได้ชัดว่าค่ายตกอยู่ในความโกลาหลวุ่นวาย แต่กลับได้ยินเสียงชัดเจน
ผู้เฒ่าเถิงไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติในตอนแรก แต่แล้วเขากลับพบว่ามีหิมะ และอากาศหนาวเย็นล้อมรอบพวกเขาไว้
“เหตุใดถึงมีหิมะตกในตอนนี้” จางซานบ่น
ผู้เฒ่าเถิงมองขึ้นและพึมพำ “ไม่ ไม่ใช่หิมะ”
จางซานตกตะลึง “ไม่ใช่หิมะแล้วคืออะไรหรือ”
ผู้เฒ่าเถิงยื่นมือออกมา แต่เมื่อเห็นหิมะตกบนมือของเขามันก็กลายเป็นแอ่งน้ำสีดำอย่างรวดเร็วซึ่งมีกลิ่นผิดปกติ
“มันคือหยินชี่ มีคนเรียกวิญญาณ!”
……………