คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 469 กลับจวน
เมื่อเสร็จสิ้นพิธีหยางชูเดินทางกลับจวนโป๋วหลิงโหวก่อน ไม่ว่าอย่างไรนั่นก็เป็นสถานที่ที่เขาอาศัยอยู่มาเกือบยี่สิบปี จวนโหวได้รับข่าวเมื่อเขาเข้าไปในประตู โป๋วหลิงโหวก็นำทุกคนออกมาต้อนรับเขา
สถานะของหยางชูไม่เหมือนเมื่อก่อน สมาชิกในราชวงศ์ต่อหน้าฮ่องเต้เป็นเพียงข้าราชบริพาร แต่ต่อหน้าผู้อื่นก็มีคำว่า ‘ราชวงศ์’ ค้ำอยู่ แม้ว่าโป๋วหลิงโหวจะเป็นผู้อาวุโส แต่เขาก็ยังต้องคำนับ
ทุกคนในจวนทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดีว่าความสัมพันธ์ของตระกูลของตนกับเยวี่ยอ๋องนั้นเบาบางยิ่งนักเมื่อตอนที่เขาถูกไล่ออกจากเมืองหลวงก็ได้นำทรัพย์สินของเรือนรองไป…
บางทีอาจเป็นเพราะความรู้สึกผิดทุกคนเลยเคารพเขามากขึ้น เมื่อคารวะอีกฝ่ายแล้วก็เชิญหยางชูนั่ง
เหล่าสตรีถอยออกไปโป๋วหลิงโหวกระแอมเบาๆ แล้วพูดว่า “ตอนที่ท่านอ๋องออกจากเมืองหลวงคราวนั้น ทรงมอบกิจการร้านค้าให้พวกเราดูแลชั่วคราวตอนนี้ท่านกลับมาแล้วก็ควรคืนให้ท่าน”
หยางชูพูด “ขอบคุณท่านโหวที่ช่วยดูแล แต่ทรัพย์สินนี้ควรคืนแก่จวนโหว ก่อนหน้านี้เปิ่นหวางไม่รู้ชาติกำเนิดของตนเองก็ช่างไปในเมื่อตอนนี้รู้แล้วก็รู้สึกละอายใจหากยังถือทรัพย์สินของจวนโหวต่อ”
โป๋วหลิงโหวรีบพูดว่า “แต่เดิมเป็นของขวัญจากผู้อาวุโสอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ เป็นสิ่งที่มอบให้โดยชอบธรรม”
หยางชูส่ายหน้า “จวนโหวดูแลเปิ่นหวางมาหลายปี บุญคุณยังไม่ได้รับการตอบแทนใช้เหตุผลนี้แบ่งทรัพย์สินได้ที่ไหน ท่านโหวอย่าปฏิเสธเลย”
ได้ยินเขาว่าเช่นนี้โป๋วหลิงโหวก็วางใจ
สำหรับหลานชายคนนี้ถือกำเนิดจากความรัก เขาคิดว่าบิดามารดาไม่ได้เลี้ยงดูเขาอย่างไร้ประโยชน์ เมื่อมองอีกฝ่ายก็เห็นว่าเขาไม่มีความขุ่นเคืองกับจวนโหวจริงๆ
ลุงอย่างเขาไม่เคยปฏิบัติไม่ดีต่ออีกฝ่ายถึงได้ยินข่าวลือมาบ้าง แต่ล้วนเป็นคำพูดจากสตรี
ทั้งสองพูดคุยกันไม่กี่คำหยางชูก็ขอตัวกลับจวน อาหว่านกลับมาก่อนและได้ทำความสะอาดห้องเรียบร้อยแล้ว เมื่อเห็นเขากลับมานางก็บ่น
“ไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นคนย้ายต้นชาสองกระถางนั้น พอเห็นพวกเรากลับมาก็เอาสองกระถางมาวางให้เหมือนว่าใช่ แต่จริงๆ ไม่ใช่”
หยางชูเหนื่อยมากจนเอนกายพิงเก้าอี้ไม่อยากขยับตัวแล้วตอบอย่างเกียจคร้านว่า “มีแค่สองกระถางไม่ใช่หรือ”
“คุณชายพูดอย่างสบายใจเกินไปแล้ว นั่นเป็นของมีค่าที่ได้มาจากแดนใต้ เงินน่ะเป็นเรื่องรอง ทว่าหาใหม่ไม่ได้อีกแล้ว”
อาหว่านเต็มไปด้วยความคับข้องใจ และค้นหาในห้อง “ของหลายอย่างกลายเป็นของชำรุด คิดว่าข้าดูไม่ออกหรือ ก่อนหน้านี้ข้าเก็บไว้อย่างดีโซ่ก็ถูกงัด พวกเขาเป็นใครกัน! คนสูงศักดิ์ในจวนโหวทำตัวไม่ต่างจากโจร!”
หยางชูยิ้ม “ปากเจ้าเนี่ยนะ! ไม่ต้องกังวลเพียงนั้นหรอกเห็นแก่ท่านปู่ท่านย่า อย่างไรพวกเขาทั้งหมดก็เป็นทายาทของพวกเขา!” ได้ยินเขาพูดเช่นนั้นอาหว่านก็ระงับความขุ่นเคืองใจไว้
ช่างเถอะ องค์หญิงใหญ่มีบุญคุณยิ่งใหญ่กับนางสิ่งของเป็นของนอกกาย หายไปก็แล้วไปเถอะ หลังส่งสาวใช้พวกนั้นออกไปอาหว่านก็นั่งลงข้างกายเขา “คุณชาย หลังจากนี้พวกเราจะทำอย่างไรเจ้าคะ”
หยางชูรับชาจากนางแล้วถาม “อะไรคือทำอย่างไร”
“เรื่องนั้นไงเจ้าคะ!” อาหว่านเป็นกังวล “หลังจากเอาสถานะคืนมาแล้วจะทำอย่างไรต่อเจ้าคะ”
“เรื่องนั้นเอง!” หยางชูแหย่นาง “อีกสองวันจะย้ายไปที่จวนอ๋องจากนั้นก็แต่งพระชายารับอนุมีลูกหลายๆ คน ใช้ชีวิตไปวันๆ…”
“คุณชาย!” อาหว่านโกรธ “จนถึงตอนนี้ยังไม่พูดความจริงกับบ่าวอีกหรือเจ้าคะ คนที่รู้มีมากมาย แต่ทำไมถึงไม่บอกบ่าวบ้าง หรือบ่าวเป็นคนนอกไม่สำคัญเท่าพวกเขา”
เมื่อเห็นว่านางกำลังจะหลั่งน้ำตา หยางชูจึงไม่แหย่นางต่อ และเอื้อมมือไปลูบหัวนางเบาๆ “อาหว่าน เจ้าไม่ใช่คนนอก แต่ข้าไม่อยากให้เจ้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้”
เขามองเด็กสาวที่เติบโตแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “แม้ว่าในโลกนี้จะมีผู้คนมากมายที่เป็นญาติทางสายเลือดกับข้า แต่ในใจข้าเจ้าเป็นน้องสาวเพียงคนเดียว พวกเราพึ่งพาอาศัยกันมานานหลายปี และมีเพียงเจ้าเท่านั้นที่เป็นญาติพี่น้องแท้ๆ ของข้า พ่อแม่เจ้าตายอย่างไร จนถึงตอนนี้ก็ยังเป็นฝันร้ายในใจเจ้า ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องพบเจอประสบการณ์นี้อีกครั้ง”
“คุณชาย…” ได้ยินคำพูดของเขาอาหว่านก็น้ำตาไหล “บ่าวก็เช่นกันเจ้าค่ะ บนโลกนี้บ่าวมีท่านเป็นญาติเพียงคนเดียว ด้วยเหตุนี้บ่าวจึงจำเป็นต้องรู้! ท่านจะทำอะไร บ่าวจะช่วยเหลือท่าน บ่าวไม่อยากเป็นคนที่ทำได้เพียงมองอยู่ข้างนอกในวันที่เกิดเรื่องเจ้าค่ะ”
หยางชูเงียบ เดิมทีเขาต้องการให้อาหว่านอยู่ที่เกาถาง หนึ่ง นางชินกับที่นั่นแล้ว สอง การให้นางอยู่ที่นั่นหากเขาพ่ายแพ้ มันจะง่ายสำหรับนางที่จะหลบหนี
แต่อาหว่านปฏิเสธ และต้องการติดตามเขากลับมา
“ท่านก็เห็นว่าข้าช่วยเหลือท่านได้ วรยุทธ์หรือวิชาการแพทย์ก็ไม่แย่นัก หน่วยข่าวกรองก็เป็นได้ หลายปีมานี้บ่าวเป็นคนดูแลเกาถางทั้งภายนอกและภายใน เพียงแค่คุณชายออกคำสั่งไม่มีทางเป็นภาระคุณชายแน่นอนเจ้าค่ะ”
“ข้ารู้ว่าเจ้าสามารถ…” หยางชูพูดไปครึ่งทางก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ
ความสามารถของอาหว่านเป็นเขาที่ตั้งใจปลูกฝังนาง ชาติกำเนิดของนางถูกกำหนดให้อยู่ในอันตรายตลอดชีวิต
นางไม่ต้องการทักษะการเอาตัวรอดของสตรี เพราะตราบใดที่เขายังมีชีวิตอยู่ นางสามารถอยู่ใต้ปีกของเขาได้ นางไม่จำเป็นต้องทำให้คนอื่นพอใจ และนางจะไม่แต่งงาน หลักการดูแลเรือน คุณธรรมปฏิบัติตามอะไรล้วนไม่จำเป็นสำหรับนางเลยสักนิด
นางเรียนรู้ทักษะของบุรุษตั้งแต่ต้น หากวันหนึ่งเขาไม่สามารถปกป้องนางได้อีกต่อไป นางสามารถบินได้ไกล และใช้ชีวิตด้วยทักษะเหล่านี้ แต่ตอนนั้นเขายังไม่ทราบชาติกำเนิดของตนไม่รู้ว่าตนเองจะเดินเข้าสู่เส้นทางนี้
เส้นทางนี้อันตรายกว่าเดิมร้อยเท่า
“คุณชาย บ่าวไม่กลัวอันตรายพวกนั้น แต่กลัวว่าบ่าวจะไร้ความสามารถ แม้จะเป็นฝันร้าย บ่าวก็กล้าเผชิญหน้า แต่การผลักบ่าวออกไปเช่นนี้บ่าวยิ่งเสียใจ”
หยางชูไม่พูดอะไร หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้สุดท้ายเขาก็ยอม “ได้ รอพวกเราย้ายไปที่จวนอ๋อง เจ้าจะได้ไม่ต้องอยู่แต่ในสวนหลังเรือนได้ออกไปข้างนอกเหมือนอาสวน”
อาหว่านดีใจ “จริงหรือเจ้าคะ”
หยางชูยิ้ม “เจ้าพูดเช่นนั้น ข้าจะว่าอะไรได้อีก”
“ดีเลยเจ้าค่ะ!” อาหว่านมีความสุขมากความเศร้าที่กดทับอยู่ในใจนางตลอดสองสามเดือนที่ผ่านมาหายไปในที่สุด
นางวางแผน “ทันทีที่ข้ากลับมาคนพวกนั้นก็เอาใจข้า หึ! คิดว่าข้าไม่รู้ความคิดของพวกเขาหรือ ข้าจะไม่พาไปสักคนผู้ใดจะรู้ว่าพวกเขาถูกซื้อตัวไปกี่คนแล้ว อย่างไรคนที่พวกเราพามาจากเกาถางก็เพียงพอแล้ว…”
เมื่อพูดถึงปัญหานี้รอยยิ้มบนใบหน้าของหยางชูหายไปอย่างรวดเร็ว
“เจ้าอย่าพูดถึงเรื่องนี้มันทำให้ข้าปวดหัว!” หยางชูรู้สึกจิตใจหดหู่ขึ้นมาทันที
เขาปวดหัวเรื่องอะไรมีหรืออาหว่านจะไม่รู้นางพูดว่า “หากครั้งนี้นางไม่ยอมถอนหมั้น คุณชายแต่งกับคนอื่นเถอะเจ้าค่ะ ดูสิว่านางจะโกรธหรือไม่!”
หยางชูกระตุกมุมปาก “นางโกรธหรือไม่ข้าไม่รู้ แต่ข้าโกรธจนจะตายเป็นเรื่องจริง”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้อาหว่านก็สงสัย “แต่แปลกจริง ข้าสังเกตนางมานานไม่เคยเห็นนางทานยาเลย นานเพียงนี้เหตุใดถึงยังไม่มีบุตรอีก คุณชาย…ให้บ่าวจับชีพจรดูดีหรือไม่เจ้าคะ”
หยางชูเลิกคิ้วเขาเอียงตัวเข้าไปหา “เจ้าพูดอะไร”
นางสงสัยว่าร่างกายเขามีปัญหางั้นหรือ!