คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 470 ยกเลิกสัญญา
เพราะการก่อกวนของจี้เสียวอู่ทำให้สัญญาการแต่งงานสิ้นสุดลง วันนั้นจี้เสียวอู่ถูกทุบตีจนเจ็บ จี้หลิงพาบิดาไปคุยเป็นการส่วนตัวในห้อง
“ท่านพ่อ สัญญาแต่งงานสิ้นสุดหรือยังขอรับ”
นายท่านจี้เลิกคิ้ว “น้องชายเจ้าก่อกวนก็ช่างไป แต่นี่แม้แต่เจ้าก็พูดเรื่องนี้ด้วยหรือ การแต่งงานครั้งนี้ท่านอาของเจ้าเป็นคนตัดสินใจยามที่นางยังมีชีวิตอยู่ ข้ารับปากว่าจะช่วยดูแลบุตรสาวของนางด้วยตนเองจะยกเลิกได้อย่างไร”
“ท่านพ่อ วันนี้กับวันนั้นไม่เหมือนกันนะขอรับ” จี้หลิงวิเคราะห์ให้เขาฟัง “ตอนนั้นที่ท่านกับท่านอาตกลงเรื่องการแต่งงาน สถานการณ์เป็นอย่างไร เพราะไม่มีทางรักษาอาการของน้องหญิงได้ทำให้นางโง่เขลาไปตลอดชีวิต ไม่มีผู้ใดที่ท่านอาสามารถไว้ใจได้จึงฝากความหวังไว้ที่ท่าน นั่นเป็นความรักความห่วงใยของผู้เป็นแม่ แต่ตอนนี้อาการของน้องหญิงหายดีแล้วพูดกันตามตรงน้องหญิงดูเอาตัวรอดได้มากกว่าเสียวอู่เสียอีก”
นายท่านจี้เงียบไปครู่หนึ่งและพูดว่า “เจ้าคิดว่าพ่อไม่รู้หรือ แต่ที่ยืนหยัดเรื่องการแต่งงานตอนนี้ก็เพื่อเสียวอู่ หากถอนหมั้นไปเขายังจะอยากแต่งกับน้องสาวของเจ้าอีกหรือ ตอนที่เสี่ยวชีป่วยพวกเราสองฝ่ายตัดสินใจให้หมั้นกัน ตอนนี้นางหายดีแล้วก็เป็นโชคดีของพวกเรา”
จี้หลิงคิดบิดาของเขาไม่ได้โง่นี่นา! ในสถานการณ์ปกติเขาคิดเช่นนั้นก็ไม่ผิด แต่น้องหญิงไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ปกติไง…
เขาถาม “ท่านพ่อรู้หรือไม่ว่าน้องหญิงไปทำอะไรที่ซีเป่ย”
นายท่านจี้ตอบด้วยความแปลกใจ “นางบอกจะไปท่องยุทธภพไม่ใช่หรือ เจ้ายังเกลี้ยกล่อมข้าว่าเสี่ยวชีเป็นเคล็ดวิชานางไม่เหมือนคนทั่วไป”
เมื่อมาถึงจุดนี้แล้วเขาทำได้เพียงสารภาพ “อันที่จริงลูกโกหกท่าน…”
“หมายความว่าอย่างไร”
จี้หลิงจนปัญญา “ก่อนที่น้องหญิงจะออกจากเมืองหลวงได้ไม่นาน คุณชายสามตระกูลหยางถูกลดตำแหน่ง และถูกไล่ออกจากเมืองหลวง ตอนนี้เยวี่ยอ๋องกลับเมืองหลวงนางเองก็กลับมา ท่านพ่อ ท่านคิดไม่ถึงหรือ”
ดวงตาของนายท่านจี้เบิกกว้างเขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็ลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหัน “จะเป็นไปได้อย่างไร เสี่ยวชีเนี่ยนะ พ่อจะเรียกนางมาถามให้แน่ชัด!”
“ท่านพ่อ!” จี้หลิงรั้งเขาเอาไว้ “ท่านเรียกน้องหญิงมาแล้วจะถามนางอย่างไร จะถามนางว่ามีความสัมพันธ์ลับกับเยวี่ยอ๋องหรือ ท่านจะถามได้หรือ”
นายท่านจี้หน้าแดง “เป็นไปไม่ได้…เกินไปแล้ว!”
จี้หลิงคิดว่าอีกฝ่ายโกรธหมิงเวยไม่คิดว่านายท่านจี้จะอ้าปากสาปแช่ง “ก่อนหน้านี้คนอื่นพูดว่าเขาก่อเรื่องวุ่นวาย ข้าก็แค่รับฟังที่แท้เขาก็ลักพาตัวสตรีในห้องหอจริงๆ! ต่อให้เขามีฐานะอย่างไรก็ไม่ควรทำเช่นนี้! ไม่ได้ ข้าจะต้อง…”
“…” จี้หลิงคิดว่าเขาไม่ต้องกังวลเรื่องน้องหญิงแล้ว “ท่านจะทำอย่างไร จะไปถามถึงที่หรือ เรื่องนี้ฝ่ายหญิงมีแต่จะเสียหาย หากข่าวลือแพร่ออกไปผู้ที่จะมีปัญหาคือน้องหญิง ไม่ต้องพูดถึงสถานะอันสูงส่งของเขาในตอนนี้ต่อให้เป็นบุรุษธรรมดาก็เป็นแค่เรื่องความลุ่มหลงเท่านั้น”
นายท่านจี้โกรธมาก “เช่นนั้นเรื่องนี้พวกเราทำอะไรก็เปล่าประโยชน์หรือ ในเมื่อเจ้ารู้อยู่แล้วเหตุใดไม่ห้ามตั้งแต่ตอนแรกเจ้ายังมีความเป็นพี่ชายคนโตอยู่หรือไม่”
จี้หลิงถูจมูก เอาเถอะ น้องหญิงเป็นเคล็ดวิชาจริงๆ แม้เขาจะถูกต่อว่าแต่ท่านพ่อก็ไม่ว่าอะไรนางสักคำ เขารู้ว่าหมิงเวยไปทำอะไร สองปีนี้หมิงเวยทิ้งทรัพย์สินทั้งหมดไว้ให้เขาร่วมกับหยางชู มีถามไถ่เป็นครั้งคราว แล้วเหตุใดจะไม่รู้ว่าพวกเขาทำอะไรอยู่
กิจการในเมืองหลวงรุ่งเรืองมากขึ้นเรื่อยๆ เส้นทางการค้านั้นทอดยาวไปจนถึงซีเป่ย รายได้นอกเหนือจากรายได้การค้าในแต่ละวันแล้วยังมีอีกหลายแห่ง คนฉลาดอย่างจี้หลิงรู้ได้ทันทีว่าเบื้องหลังมีบางอย่างซ่อนอยู่
เขาเองยังตกใจหากเป็นอย่างอื่นก็ช่างไปคงไม่ได้สร้างเครือข่ายข่าวกรองลับๆ หรอกนะ แต่เมื่อชาติกำเนิดของหยางชูถูกเปิดเผยในที่สุดจี้หลิงก็เข้าใจ
แม้สิ่งที่จี้หลิงร่ำเรียนมาจะเป็นหนังสือทั้งสี่ และคัมภีร์ทั้งห้าของปรัชญาขงจื๊อ แต่เขาก็ไม่ได้หัวโบราณคร่ำครึ หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นเขาอาจจะเคารพรักอยู่ห่างๆ แต่นิสัยของน้องหญิงเป็นอย่างไรเขาเชื่อในการตัดสินใจของตนเอง
เพราะไว้วางใจเขาจึงไม่ถามอะไรมากจึงได้แต่รอดูผลอย่างอดทน
ในเมื่อตอนนี้รู้ว่าพวกเขากำลังทำเรื่องใหญ่ตอนนี้จะสร้างปัญหาไม่ได้ แต่เรื่องนี้ไม่สามารถบอกกับบิดาได้ บิดาเป็นคนอย่างไร มีความสามารถแค่ไหนจี้หลิงรู้อยู่แล้ว แต่ในเรื่องของวิชาการเขาจะกระทำขัดกับความชอบธรรมในฐานะซือเยว่ไม่ได้ แต่ในแง่ของอุบาย…ช่างเถอะ เก็บเป็นความลับจะดีกว่า
“ท่านพ่อ นิสัยของน้องหญิงเป็นอย่างไรท่านน่าจะรู้ นางกล้าพาสาวใช้ไปซีเป่ย คนอื่นจะหลอกนางได้ง่ายๆ หรือ อีกอย่างนางกับเสียวอู่ไม่สามารถเข้ากันได้จริงๆ ท่านเองก็เห็น จนตอนนี้เสียวอู่ยังทำตัวเหมือนเด็ก ถามจากใจจริงพวกเขาเหมาะสมกันหรือ”
นายท่านจี้บ่น “เสียวอู่ไม่ดีตรงไหน เกิดมาฉลาด โตมาหน้าตาดี ปฏิบัติต่อผู้คนด้วยความจริงใจ เมื่อก่อนไม่เรียนหนังสือยังดูไม่มีอนาคต ตอนนี้เขาร่ำเรียนเคล็ดวิชาเป็นอย่างดีมีอนาคตแน่นอน”
จี้หลิงพูดในใจโชคดีที่คำพูดนี้เสียวอู่ไม่ได้ยิน ไม่อย่างนั้นฟังบิดาชมเขาคงจะได้ใจเกินไปแล้ว “แต่เสียวอู่ไม่ได้ชอบน้องหญิง! ตอนนี้เขาร้องจะออกบวช ท่านจะทำอย่างไร”
“เพราะเขายังเด็กอยู่เลยคิดไม่รอบคอบ!”
“แล้วต้องรออีกนานเพียงใดเขาถึงจะคิดได้ น้องหญิงอายุไม่น้อยแล้วอายุสิบแปด แต่ยังไม่ออกเรือน ท่านจะให้นางรอไปจนถึงเมื่อไร”
“นั่น…” นายท่านจี้พูดไม่ออก
ก็จริง สิบแปดก็โตพอแล้วไม่มีเหตุผลใดที่จะขอให้รอจนถึงอายุยี่สิบ
“ไปทุบตีเสียวอู่อีกสักรอบเผื่อเขาจะยอม!”
จี้หลิงหัวเราะไม่ออกเขารั้งบิดาอีกครั้ง “ท่านพ่อ! ท่านไม่คิดหรือว่าเสียวอู่อยากบวชเป็นนักพรตจริงๆ”
นายท่านจี้ไม่พอใจ “เหตุใดเจ้าพูดเช่นนั้นอยู่ดีๆ มาออกบวชอะไรกัน เขาไม่ได้ป่วย!”
“มีนักพรตมากมายบนโลกนี้มีผู้ใดที่ป่วยบ้างกัน ท่านพ่อ ท่านนึกถึงท่านนักพรตซีเฉิงสิ เขาออกบวชตั้งแต่อายุยังน้อยมีบางคนในโลกนี้ที่มีเป้าหมายแตกต่างไปจากเป้าหมายของคนส่วนใหญ่ แต่ไม่อาจพูดได้ว่าพวกเขาไม่ปกติ…”
จี้หลิงวิเคราะห์รายละเอียด “เสียวอู่มุ่งมั่นจะออกบวช น้องหญิงเองก็ไม่สามารถรอได้ อีกอย่างคนผู้นั้นเขาอายุเท่าไร ในเมื่อฝ่าบาทแต่งตั้งเขาเป็นอ๋องแล้วเขาคงอยู่ครองเป็นโสดไม่ได้ พวกเรารั้งน้องหญิงไว้เช่นนี้ปล่อยให้เขาแต่งกับคนอื่นไป แล้วน้องหญิงจะทำอย่างไรล่ะขอรับ การแต่งงานนั้นมีขึ้นเพื่อช่วยท่านอาดูแลน้องหญิงให้ดีหากเรารั้งนางไว้เช่นนี้จะไม่ขัดกับความตั้งใจเดิมหรือ” เขามีเหตุผลมากจนนายท่านจี้ไม่รู้ว่าจะหักล้างมันอย่างไร
จี้หลิงเห็นท่าทีของเขาก็รีบพูดต่อ “ท่านลองคิดดูว่าเพราะเหตุผลนี้หรือไม่”
สองวันต่อมานายท่านจี้เรียกเสียวอู่เข้ามาถามว่า “เจ้าอยากถอนหมั้นจริงๆ หรือ”
จี้เสียวอู่พยักหน้ารัวๆ
“ไม่เสียใจที่หลังแน่นะ”
“ไม่แน่นอนขอรับ!”
“เจ้าสาบาน!”
“ลูกสาบาน!” ขอเพียงได้ถอนหมั้นจี้เสียวอู่รับปากหมด เขาไม่อยากถูกสวมหมวกเขียวจริงๆ นั่งมองน้องหญิงแอบคบกับบุรุษป่าเถื่อน…
“ได้ งั้นถอนหมั้น!” นายท่านจี้หมดหวังยืนหยัดสัญญาหมั้นมาหลายปีเพียงนี้ เขารู้สึกผิดกับน้องสาว…
จี้เสียวอู่ดีใจเป็นอย่างมาก ผ่านไปสองวันเขาก็กลับเสวียนตูกวันแล้วพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ศิษย์พี่ยิ้มแล้วถามเขาว่า “ศิษย์น้องจี้ ได้ยินว่าเพื่อที่จะได้ออกบวช แม้แต่น้องสาวที่งดงามดั่งบุปผาเจ้าก็ไม่ต้องการแล้ว ไอหยา ได้ยินว่าน้องสาวรอเจ้ามาหลายปีน่าสงสารจริง!”
เดี๋ยวนะ ผู้ใดกันที่บอกว่าหากเป็นฝ่ายบอกถอนหมั้นเองชื่อเสียงจะไม่เสียหาย!