คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 478 เปลี่ยนป้าย
ฟู่จินดื่มชาเสร็จก็จัดเสื้อผ้าให้เข้าที่แล้วเดินออกจากห้องเอ่อร์ฝาง
เมื่อเห็นเขาเดินเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาใช้เวลาสักพักถึงเข้าด้านหลังห้องโถงผ่านประตูข้าง รออยู่สักครู่ก็มีคนเลิกม่านขึ้นมาซึ่งก็คือเสวียนเฟย
“เปลี่ยนวิธีจับป้ายหรือ” เขาเข้าประเด็น
“อืม ข้าเป็นคนเสนอให้เปลี่ยนเอง” เสวียนเฟยพูด “คนเยอะเกินไปให้จับทีละคนเป็นไปไม่ได้”
“แล้วข้าจะทำอย่างไรเล่า”
เสวียนเฟยมองเขา “อาจารย์ฟู่ไม่มีวิธีหรือ”
คำพูดแฝงเจตนาทำให้ลำบากใจฟู่จินหัวเราะ “มันง่ายอย่างที่ข้าบอกไว้”
เขามองกล่องเซียมซีบนโต๊ะบูชา “กล่องเซียมซีที่เอาออกมาเหมือนกับอันนี้ใช่หรือไม่”
เสวียนเฟยพยักหน้า “กล่องเซียมซีของเสวียนตูกวันเหมือนกันทั้งหมด”
“เช่นนั้นดีเลย” ฟู่จินเทป้ายข้างในทั้งหมดออกมาแล้วหยิบป้ายอันดับแรกอย่างรวดเร็ว “ข้าจะเอาป้ายนี้ให้คุณหนูสามตระกูลเหวินผู้ใดจะว่านางไม่ใช่คนจับได้ล่ะ”
“…”
ฟู่จินยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “เพราะรีบเปลี่ยนเกินไปจึงไม่นึกถึงเรื่องนี้หรือ”
เสวียนเฟยพูด “ท่านไม่กังวลว่ากล่องเซียมซีนี้จะถูกนับจำนวนหรือ หากตอนนั้นมีผู้ที่จับได้อันดับแรกเยอะไป ท่านจะอธิบายอย่างไร”
“เป็นเรื่องปกติที่จะพิจารณาปัญหานี้ แต่ครั้งนี้ข้าไม่กังวล” ฟู่จินยิ้ม “ผู้ใดใช้ให้ท่านราชครูเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดของข้าล่ะมีวิธีง่ายๆ เหตุใดต้องคิดให้ซับซ้อนด้วย”
เสวียนเฟยชะงักเขาไม่รู้จะพูดอะไร
…………
ทางด้านจวนเฉิงเอินโหวกำลังหัวหมุน
ก่อนหน้านี้ส่งคนมาบอกว่าแอบทำสัญลักษณ์เอาไว้แล้ว เมื่อถึงตอนนั้นเหวินอิ๋งหยิบมันขึ้นมาก็พอ แต่ตอนนี้หากไม่จับได้ป้ายอันดับหนึ่งก่อนก็ไม่มีสิทธิ์จับป้ายหงส์ รู้เรื่องสัญลักษณ์ไปจะมีประโยชน์อะไร
เฉิงเอินโหวฮูหยินกังวลจนเหงื่อออกนางคิดต่างออกไป “หรือพวกเราหาคนมาจับป้าย หามากสักหน่อยต้องมีคนจับป้ายอันดับหนึ่งได้แน่ถึงตอนนั้นก็มอบให้เหวินอิ๋ง”
ฮูหยินผู้เฒ่าตำหนิ “ความคิดอะไรของเจ้า กล่องเซียมซีหนึ่งกล่องมีเก้าสิบเก้าป้าย ในช่วงเวลาเร่งรีบนี้จะไปหาคนมากมายมาจากที่ไหนกัน ทุกคนสามารถจับเองได้ เหตุใดต้องจับให้พวกเราด้วย”
ฮ่องเต้ไม่จำกัดชาติกำเนิดนั่นหมายความว่าในแวดวงชนชั้นสูงผู้ที่สามารถเข้าร่วมได้ล้วนเป็นคุณหนูตระกูลขุนนาง ทุกคนต่างพากันแย่งชิงตำแหน่งเยวี่ยอ๋องเฟยซึ่งถือว่าลำบากต่อผลประโยชน์ของจวนเฉิงเอินโหว
อีกอย่างคนที่รู้มีมากมายได้รับป้ายจริงๆ ก็โชคดี หากจับไม่ได้ก็ขายหน้าอย่างมาก!
พวกเขาจับป้ายเงียบๆ ไม่เป็นที่ดึงดูดความสนใจ แม้จับไม่ได้ แต่หลังจากนี้ก็ยังสามารถออกเรือนได้อยู่ การทำเรื่องเช่นนี้ได้ทำลายเส้นทางของเหวินอิ๋งอย่างสิ้นเชิง เรื่องที่นางจับไม่ได้จะกลายเป็นเรื่องตลก หากก่อนหน้านี้ตกลงการแต่งงานกับจวนโหวสักคนนางไม่มาเหยียบที่นี่แน่
เฉิงเอินโหวฮูหยินเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา “พวกเราไปหาเซียนที่รับผิดชอบเรื่องจับป้าย…”
เส้นเลือดบนหน้าผากของฮูหยินผู้เฒ่ากระตุกนางอดกลั้นพูดออกไปว่า “พวกเราบริจาคน้ำมันไปเยอะเพียงนั้นยังได้แค่ห้องเล็กๆ เช่นนี้ เซียนของเสวียนตูกวันไม่ขาดแคลนเงิน! เจ้าไปติดสินบนไม่คิดว่าน่าละอายหรือ”
“นั่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ แล้วจะทำอย่างไรละเจ้าคะ” เฉิงเอินโหวฮูหยินขึ้นเสียงอย่างกังวลใจ “หรือจะให้มองดูเหวินอิ๋งพลาดโอกาสนี้ไปอย่างเงียบๆ”
ฮูหยินผู้เฒ่าพูด “เรื่องนี้ไท่จื่อเข้าใจดีตอนนี้เกิดปัญหาไท่จื่อคงไม่นั่งอยู่เฉยๆ แน่ หากพวกเรากระทำการอย่างเร่งรีบแล้วล้มเหลวจะเป็นการทำให้ชื่อเสียงของไท่จื่อเดือดร้อนซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มาก! รอสักหน่อยเถอะไท่จื่อจะต้องส่งคนมาบอกอย่างแน่นอน หากมาไม่ทันก็ให้อาอิ๋งออกไปจับถึงจะไม่สำเร็จก็ไม่ได้รับความเสี่ยงอะไร”
ในสายตาของฮูหยินผู้เฒ่าชั่วชีวิตของเหวินอิ๋งไม่สำคัญเท่ากับชื่อเสียงของไท่จื่อ นางจึงดูถูกลูกสะใภ้ของตนมากขึ้นเรื่อยๆ ตราบใดที่ไท่จื่อยังอยู่ในอำนาจ ไม่ว่าการแต่งงานของบุตรสาวจะไปไม่สวยเพียงใด คนอื่นก็รังแกไม่ได้ แต่ถ้าหากเกิดปัญหากับไท่จื่อไม่ว่าแต่งงานอย่างดีแค่ไหนก็จะเกิดปัญหาเหตุผลแค่นี้เหตุใดถึงไม่เข้าใจ!
ที่ฮูหยินผู้เฒ่าพูดว่าโหวฮูหยินแม้ไม่พอใจแค่ไหนก็ต้องอดทนไว้ โชคดีที่ไท่จื่อไม่ปล่อยให้พวกเขารอนานเขาส่งคนมาที่นี่จริงๆ
คนผู้นั้นเป็นขันทีพอเข้าไปในห้องก็หยิบป้ายออกมาแล้วรีบอธิบาย “คุณหนูสามไม่จำเป็นต้องจับป้ายจริงๆ รอสักพักมีคนตะโกนอยู่หน้าห้องโถงค่อยเข้าไป”
ในกล่องเซียมซีไม่มีทางมีป้ายอันดับหนึ่งสองอันแน่นอน หากเหวินอิ๋ง ‘จับ’ ได้ป้ายอันดับหนึ่งนักพรตที่ดูแลกล่องเซียมซีจะสังเกตเห็นได้
แต่ในช่วงที่มีคนตะโกนเรียกอยู่หน้าห้องโถงผู้ที่จับได้ป้ายทั้งหมดจะเข้าไป ดังนั้นพวกเขาจะไม่สนใจผู้ใดอีกเลย เฉิงเอินโหวฮูหยินรู้สึกยินดี และกล่าวขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ฮูหยินผู้เฒ่าส่งสัญญาณสาวใช้ก็ส่งถุงเงินใบหนาให้ ขันทีทำการอธิบายอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายเข้าใจจริงๆ เมื่อได้รับสินน้ำใจก็จากไปอย่างมีความสุข
ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นว่าที่ซอกมุมหลืบมีคนจ้องมองอยู่ตลอดเวลา
หลังจากที่ขันทีออกไปเหวินอิ๋งก็พาสาวใช้ออกจากห้องไปเดินวนอยู่ในสถานที่จับป้าย นางหยุดอยู่ข้างกล่องเซียมซีอยู่ครู่หนึ่ง นางมีท่าทีเหมือนไม่พอใจจากนั้นก็ไปหากล่องเซียมซีกล่องอื่น เหล่าเด็กสาวที่มาจับป้ายไม่ได้ให้ความสนใจมากนักเพราะคิดว่านางคงไปจับกล่องอื่น
เมื่อเดินพอสมควรแล้วเหวินอิ๋งก็ไปรออยู่ที่มุมหนึ่ง มือในแขนเสื้อถือป้ายอันดับโกง ฝ่ามือของนางเย็นเยียบ
หลังจากรอมานานการจับป้ายรอบแรกก็จบลงในที่สุด ขันทีคนหนึ่งออกมาหน้าห้องโถง และเรียกเหล่าคุณหนูที่จับได้ป้ายอันดับหนึ่งเข้าไปข้างใน
เหวินอิ๋งปาดเหงื่อออกจากหน้าผากและก้มศีรษะลง คนที่แอบมองนางมองป้ายในมือนางที่ยื่นให้ขันทีจากนั้นจึงหันหลังเดินจากไป
…………
ภายในห้องโถงเมื่อเห็นไท่จื่อกลับมา ซิ่นอ๋องพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่ใหญ่กลับมาเร็วจริง”
ไท่จื่อพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ก็แค่เปลี่ยนเสื้อผ้าจำเป็นต้องช้าด้วยหรือ”
“ก็จริง” ซิ่นอ๋องตอบแล้วไม่พูดอะไรอีก
หลังจากการล่าสัตว์ในฤดูใบไม้ร่วงในปีนั้นความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองก็แย่ลงอย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่ใช่พี่น้องปรองดองย่อมเคารพรักกันและกันอีกต่อไป เมื่ออยู่ต่อหน้าฮ่องเต้ก็แสดงท่าทีไม่ร้อนไม่หนาวเช่นนี้
ในตอนแรกไท่จื่อโกรธมากจนแทบอยากจะถลกหนังซิ่นอ๋อง แต่ด้วยนิสัยของเขา จะไปเล่นตามน้ำซิ่นอ๋องได้อย่างไร ต่อหน้าฮ่องเต้ซิ่นอ๋องประพฤติตัวอย่างเหมาะสม งานที่ได้รับมอบหมายเขาก็ทำผลงานได้ดี พูดจาก็ดูดี ทำให้ฮ่องเต้เห็นคุณค่าเขามากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ขุนนางยังให้ความสำคัญเป็นพิเศษ
ในตอนแรกไท่จื่อไม่สามารถระงับความอิจฉาในใจได้หลังจากเกิดปัญหาหลายครั้ง เขาถูกฮ่องเต้ตำหนิครั้งแล้วครั้งเล่า ส่วนซิ่นอ๋องกลับได้รับความไว้วางใจมากขึ้น
ไม่นานหลังจากนั้นฟู่จินก็มายืนข้างเขา อธิบายประเด็นสำคัญโดยละเอียด อีกทั้งยังช่วยเขาจัดการบางเรื่องจนสถานการณ์ดีขึ้น
ตอนนี้ไท่จื่อรู้แล้วว่าเขาต้องแสดงความใจกว้างต่อหน้าฮ่องเต้ และรักษาท่าทีของพี่ใหญ่เอาไว้ ซิ่นอ๋องรู้ว่ามีผู้มีสติปัญญาอยู่เบื้องหลังเขา การยั่วยุธรรมดาไร้ประโยชน์ทำให้ไม่เกิดปัญหาอะไรขึ้น เมื่อทั้งสองพบหน้ากันจึงมีท่าทีเฉยเมยเช่นนี้
หลังจากนั้นไม่นานซิ่นอ๋องก็บอกว่าเขาต้องการเปลี่ยนเสื้อผ้า และเดินออกไปทางประตูหลัง องครักษ์ที่รอเขาอยู่ด้านนอกเมื่อเห็นเขาออกมาก็รีบเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ออกมาทันที
ซิ่นอ๋องลูบคางแล้วถามเขา “หมายความว่าคุณหนูสามตระกูลเหวินไม่ได้จับป้าย แต่นำป้ายอันดับหนึ่งเข้าไปงั้นหรือ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ซิ่นอ๋องยิ้ม “พี่ใหญ่จมปลักกับอดีตจริงๆ ตระกูลเหวินมีความสามารถที่จะทำให้งานสำเร็จนั้นมีไม่พอ แต่ความสามารถที่จะทำลายงานนั้นมีอยู่เหลือเฟือ ช่วยพวกเขาทำอะไรล่ะ”
องครักษ์คนสนิทพูดว่า “เกรงว่าต้องการวางคนไว้ข้างกายเยวี่ยอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
ซิ่นอ๋องส่ายหน้า “เด็กนั่นกลับสู่ราชวงศ์ แต่สายเลือดที่ห่างไกลไปจะเป็นภัยคุกคามอะไรได้ แม้ต้องการวางคนไว้ข้างกายเขาก็ไม่สามารถเลือกตำแหน่งเยวี่ยอ๋องเฟยได้ชัดเจนขนาดนั้นอีกอย่างคนตระกูลเหวินไม่ได้เห็นได้ชัดว่ามีปัญหาหรอกหรือ”
องครักษ์คนสนิทยิ้ม “คนผู้นั้นเทียบกับท่านอ๋องไม่ได้ท่านมีพร้อมทุกอย่างมากกว่า”
ซิ่นอ๋องโบกมือ “เอาล่ะ เจ้าคอยจับตาดูต่อไปไม่ต้องไปรบกวนพวกเขา”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ซิ่นอ๋องคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และกลับไปที่ห้องโถง เรื่องนี้จะเปิดเผยอย่างไรนะ