งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว! - ตอนที่ 168
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่168 อาหารค่ำของบริษัท
โล่เฟยเอ๋อหยิบบัตรธนาคารที่ซูซีมู่มอบให้เธอและนิ่งอยู่เป็นเวลานาน ก่อนที่จะเรียกสติของเธอกลับคืนมาได้เธอหันไปรอบ ๆ และเดินออกจากห้องอย่างรวดเร็วไปยังห้องตรงข้าม
สุดท้ายเมื่อเดินมาถึงประตูห้องหนังสือ เธอคิดขึ้นได้ว่าดูเหมือนซูซีมู่จะกำลังยุ่ง เธอกลัวว่าจะรบกวนเขา
จึงแอบยืนดูเงียบ ๆ ครู่หนึ่ง โล่เฟยเอ๋อจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋า
กดพิมพ์แล้วส่งข้อความหาซูซีมู่
หลังจากส่งไปแล้ว โล่เฟยเอ๋อก็ยืนดูประตูห้องหนังสืออีกครู่หนึ่ง ลูบบัตรธนาคารแล้วกลับห้องไป
ช่วงที่โล่เฟยเอ๋อส่งข้อความให้ซูซีมู่นั้น ซูซีมู่กำลังประชุมผ่านเว็บแคมอยู่ในห้องหนังสือ
เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ดัง เขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจ
ผ่านไปสองชั่วโมง ในที่สุดก็ประชุมจบ เขาเตรียมจะโทรหาโจวเฉินเพื่อคุยเรื่องเนื้อหาการประชุมเว็บแคม เมื่อเขาเปิดเครื่อง สิ่งที่เห็นคือข้อความเตือนว่าข้อความของโล่เฟยเอ๋อส่งมาให้เขา
ซูซีมู่จ้องไปที่ข้อความเตือนแล้วมือสั่น เขามองไปที่หน้าจอแล้วนิ่งอึ้งไป
พวกเขาไม่ได้ส่งข้อความหากันมานานเท่าไหร่แล้ว? เป็นเวลาเกือบสองเดือนแล้วตั้งแต่เขาเริ่มจงใจสร้างความสัมพันธ์กับเธอ
วันนี้เขาได้ข้อความจากโล่เฟยเอ๋อ ซูซีมู่ยืนยันซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าเป็นข้อความที่โล่เฟยเอ๋อส่งถึงเขา จากนั้นก็เปิดข้อความด้วยปลายนิ้วที่สั่นเทา
ข้อความของโล่เฟยเอ๋อมีเพียงสองคำง่าย ๆ
“ขอบคุณ”
คำ‘ขอบคุณ’ของเธอนั้น เป็นการตอบแทนที่เขาให้บัตรธนาคารและเขียนไว้ที่ข้างหลังบัตรว่า‘ไม่สิ้นเปลืองเงิน’รึเปล่านะ?
มุมริมฝีปากของซูซีมู่บินขึ้นดวงตาของเขาอ่อนลง…
วันต่อมาที่บริษัทมีงานเลี้ยง โล่เฟยเอ๋อทานข้าวเช้าแล้วไปบริษัท
สุดท้ายเมื่อเธอไม่ถึงบริษัทแล้วจึงได้รู้ว่า งานเลี้ยงไม่ได้จัดที่บริษัท แต่เจอกันที่บริษัทแล้วนั่งรถของบริษัทไปสถานที่จัดงานคือที่โรงแรมบั้นเต๋า
โล่เฟยเอ๋อจึงทำได้เพียงโทรบอก คนขับรถหลี่ ก่อน จากนั้นจึงขึ้นรถที่บริษัทจัดเตรียมไว้
หลังจากขึ้นรถ เรือนหลิงลากเธอไปนั่งด้วยกัน “เฟยเอ๋อ เธอได้ยินข่าวรึยัง?”
“ข่าวอะไร?” โล่เฟยเอ๋อมองหน้าเรือนหลิงด้วยสีหน้างุนงง
“วันนี้บริษัทเปลี่ยนที่น่ะเพราะว่าได้เจ้านายคนใหม่ ดังนั้นจึงเปลี่ยนสถานที่จัดงานเป็นโรงแรมบั้นเต๋า” เรือนหลิงพูดด้วยสีหน้าตื่นเต้น
โล่เฟยเอ๋อ “อือ” คำเดียว ไม่ได้ตื่นเต้นอะไร
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของโล่เฟยเอ๋อ เรือนหลิงกลอกตาแล้วพูด “เฟยเอ๋อ เธอตื่นเต้นหน่อยได้ไหม? บริษัทเราเปลี่ยนเจ้านายแล้วนะ”
“อือ…เปลี่ยนเจ้านายก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรานี่นา” โล่เฟยเอ๋อตอบอย่างไม่ได้ใส่ใจ
“เปลี่ยนเจ้านายก็ต้องเกี่ยวกับพวกเราสิ แต่เจ้านายใหม่ใจกว้างมากเลยนะ ไม่เพียงแต่จัดงานที่โรงแรมบั้นเต๋า ยังมีจับสลากอั่งเปาด้วย ได้ยินว่าปีหน้าสวัสดิการพนักงานปีหน้าก็จะมีการเปลี่ยนแปลงด้วย” เรือนหลิง
โล่เฟยเอ๋อลูบจมูกและได้ข้อสรุป “เจ้านายใหม่รวยมากเลย”
เรือนหลิงยอมแพ้โล่เฟยเอ๋อโดยสิ้นเชิง “ที่สำคัญไม่ใช่เจ้านายมีเงิน สำคัญคือปีหน้าสวัสดิการพนักงานจะมีการเปลี่ยนแปลง”
“ออ” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “เธอรู้ได้ยังไงว่าสวัสดิการจะเปลี่ยนไปยังไงบ้าง?”
“ไม่รู้ แค่หวังว่าสวัสดิการมันจะดีขึ้นบ้างน่ะ” เรือนหลิงถอนหายใจแล้วพูด
โล่เฟยเอ๋อตบไหล่เรือนหลิงแล้วปลอบใจ: “วางใจ เจ้านายใหม่มีเงิน สวัสดิการจะต้องดีขึ้นแน่”
“หวังว่านะ…”
สถานที่จัดงานร้านจิวเวลรี่ว่านฟู๋ ห้องจัดเลี้ยงชั้นสามโรงแรมบั้นเต๋า
เพื่อให้เข้ากับงานปีใหม่ดังนั้นการตกแต่งจึงใช้สีแดงดูแล้วเป็นการเฉลิมฉลองเป็นพิเศษ
งานเลี้ยงส่งท้ายปีบริษัท เป็นธรรมดาที่จะต้องมีการกล่าวจากผู้บริหาร
เมื่อผู้บริหารกล่าวคำขอบคุณที่ฟังดูน่าฟังและกล่าวถึงเจ้านายคนใหม่ของบริษัทโดยปริยาย
แน่นอนว่าไม่มีอะไรน่าดึงดูดใจหลังจากผู้บริหารพูดจบแล้ว เท่ากับกล่องแก้วใสที่เต็มไปด้วยการ์ดที่เจ้าหน้าที่ถือขึ้นมาบนเวที
“ดูสิ มีรางวัลจริงด้วย!” มีเสียงฮือฮาจากรอบด้าน
โล่เฟยเอ๋อมองไปที่เวที จากนั้นก็ก้มลงทานอาหารที่วางอยู่เต็มโต๊ะ
ในความคิดของเธอสลากนั่น ไม่น่าสนใจสำหรับอาหารบนโต๊ะ
ล้อเล่นหรอ เมื่อวานซูซีมู่เพิ่งจะให้บัตรธนาคารตัวเลขสูงลิบลิ่วกับเธอนะ
เรือนหลิงถามขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ “เฟยเอ๋อ งานเลี้ยงวันนี้ เธอวางแผนมากินหรอ?”
“อือ กินอิ่มแล้ว ตอนบ่ายจะได้มีแรงไปซื้อของกับเธอไง” โล่เฟยเอ๋อกลืนอาหารลงคอแล้วตอบเธอ
เรือนหลิงถามขึ้นอย่างไม่คาดคิด “ไปซื้อของบ่ายวันนี้หรอ? ฉันยังคิดว่าพรุ่งนี้ซะอีก”
“พรุ่งนี้? พรุ่งนี้ไม่ได้” โล่เฟยเอ๋อส่ายหน้าแล้วพูด “เย็นวันนี้ฉันต้องไปเมืองหลวง พรุ่งนี้ไม่ว่าง”
ได้ยินโล่เฟยเอ๋อบอกว่าจะไปเมืองหลวงเรือนหลิงก็ตื่นเต้นไม่หยุด “คืนนี้เธอจะไปเมืองหลวง? กลับเมื่อไหร่?”
“ไม่รู้” โล่เฟยเอ๋อส่ายหน้าก้มหน้าทานอาหารต่อ
เรือนหลิงมองโล่เฟยเอ๋อด้วยความสงสัย “ทำไมเธอถึงไม่รู้?”
โล่เฟยเอ๋อหยุดตะเกียบในมือเล็กน้อยจากนั้นก็เงยหน้าขึ้นและมองไปที่เรือนหลิง แล้วพูดตามจริง “นี่ไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะตัดสินใจได้”
โล่เฟยเอ๋อนิ่งไปแล้วพูดต่อ: “ฉันแค่ยืนยันได้ว่าจะกลับมาในช่วงปีใหม่”
นายท่านอยู่ที่เมืองA ดังนั้นช่วงปีใหม่จะต้องอยู่ที่เมืองAแน่
“กลับมาเมืองAช่วงปีใหม่?” เรือนหลิงเบิกตาโพลง ด้วยสายตาที่ไม่น่าเชื่อ
โล่เฟยเอ๋อ “อือ” จากนั้นก็หยิบเครื่องดื่มบนโต๊ะมาดื่ม
เรือนหลิงถอนหายใจแล้วพูด “ถ้าอย่างนั้นเราก็ไปซื้อของกันตอนบ่ายเถอะ อีกสองวันฉันเองก็จะกลับบ้านเกิด กลับเมืองAหลังวันหยุด”
“ตอนบ่าย…” เหมือนโล่เฟยเอ๋อกำลังจะพูดอะไร บนเวทีก็เรียกทุกคนให้ไปจับสลาก
เรือนหลิงยืนขึ้น “ไปจับสลากกัน”
“เธอไปเถอะ ฉันไม่ไป” โล่เฟยเอ๋อส่ายหน้า
“อย่างนั้น ฉันช่วยเธอจับใบหนึ่ง” เรือนหลิงส่ายหัวและเดินไปที่เวที
โล่เฟยเอ๋อมองเรือนหลิงและหัวเราะตาม จากนั้นจึงก้มหน้าทานอาหารต่อ
ไม่กี่นาทีต่อมาเรือนหลิงแก้มป่องกลับมาพร้อมกับสลากสองใบ
“ทำไมล่ะ?” โล่เฟยเอ๋อถามด้วยความแปลกใจ
เรือนหลิงพูดอย่างเสียใจ “โชคไม่ดี ทั้งสองใบเป็นแค่อั่งเปามูลค่าหนึ่งร้อยหยวน”
โล่เฟยเอ๋อตกตะลึงแล้วตอบ “หา…ที่จริงร้อยหยวนก็ไม่น้อยนะ”
“รางวัลสูงสุดตั้งหมื่นนึง สุดท้ายฉันก็จับได้แค่ร้อยเดียว…” เรือนหลิงพูดแล้วหัวเราะออกมาดัง ๆ ในตอนท้าย “เธอว่าโชคฉันมันแย่ขนาดนั้น? รู้อย่างนี้ให้เธอไปจับดีกว่า”
“โชคฉันอาจจะไม่ได้ดีไปกว่าเธอก็ได้” พูดจบ โล่เฟยเอ๋อกับเรือนหลิงก็ยิ้มให้กันและหัวเราะร่วน
เมื่อหัวเราะจนหนำใจแล้ว เรือนหลิงก็หยิบตะเกียบขึ้นมาคีบอาหารแล้วพูดเสียงดัง “ฉันจะกินให้เยอะ ๆ เก็บแรงไว้ไปช็อปปิ้ง”
เมื่อได้ยินเรือนหลิงพูดแบบนั้น โล่เฟยเอ๋อก็ร้องออกมา “ดี กินเยอะ ๆ”