งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว! - ตอนที่ 169
บทที่169 ซื้อของขวัญให้ซูซีมู่
เพราะช่วงบ่ายไปช็อปปิ้ง ดังนั้นโล่เฟยเอ๋อกับเรือนหลิงจึงไม่อยู่ร่วมงานเลี้ยงนาน ทานเสร็จก็ออกมาจากงาน
โรงแรมบั้นเต๋าอยู่ไม่ไกลจากลานกว้างหวั้นด๋า ทั้งสองคนนั่งรถไฟใต้ดินไป
อาจจะเพราะเป็นช่วงสิ้นปี การตกแต่งในลานกว้างหวั้นด๋าจึงเป็นแบบโบราณ
แถวของโคมไฟสีแดงผ้าไหมสีแดงและผ้าซาตินที่บินได้ดูรื่นเริงเป็นพิเศษ
ครั้งนี้โล่เฟยเอ๋อไม่เหมือนครั้งก่อนที่ไม่ซื้ออะไรเลย เธอซื้อของจำเป็นที่เธอต้องใช้เช่นอัลบั้ม กระดาษ ปากกา
เมื่อเดินผ่านร้านเครื่องแต่งกายชายของ Versace โล่เฟยเอ๋อก็หยุด
“ทำไมน่ะ?” เรือนหลิงมองเธอด้วยสายตาแปลก
โล่เฟยเอ๋อชี้ไปที่ร้านเสื้อแล้วพูด: “ฉันอยากเข้าไปดูข้างใน”
“ซื้อ Versace?” เรือนหลิงมองโล่เฟยเอ๋อด้วยความแปลกใจ เธอซื้อของให้ตัวเองแบบเสียไม่ได้ แต่กล้าใช้เงินซื้อ Versace
โล่เฟยเอ๋อไม่พยักหน้าแต่ก็ไม่ส่ายหัว เธอเพียงแค่ลากเรือนหลิงเข้าไปในร้าน
เรือนหลิงเดินและหัวเราะไปพร้อมกันแล้วพูด “เฟยเอ๋อ เธอจะซื้อให้ใคร? แฟนหรอ?”
“ไม่ใช่” ซูซีมู่ใช่แฟนของเธอ เขาเป็นสามีในนามของเธอต่างหาก โล่เฟยเอ๋อแววตาเศร้า จากนั้นเธอหันไปมองเสื้อที่วางอยู่บนชั้นวางของในร้าน
ในตอนนั้นที่เธอทำงานอยู่ที่บริษัทดี้ก้วน เธอเคยอยากจะซื้อเสื้อให้ซูซีมู่ ด้วยเหตุนี้เธอจึงเคยแอบดูขนาดเสื้อของซูซีมู่
เพียงแต่ว่าต่อมา หลังจากที่ซูซีมู่รู้ว่าเธอชอบเขา เขาก็เว้นระยะห่าง ทำให้เธอลืมเรื่องของขวัญไป
ตอนนี้เธอวางแผนจะซื้อของขวัญให้ซูซีมู่สักชิ้น เพียงแต่ว่าฐานะอย่างซูซีมู่ จะเห็นค่าของเสื้อที่เธอเลือกไหม?
“ไม่ใช่แฟน?” เรือนหลิงมองโล่เฟยเอ๋อด้วยสายตาสงสัย
โล่เฟยเอ๋อไม่ตอบเรือนหลิง เธอเพียงหยิบเสื้อออกมาจากชั้นวางแล้วหมุนตัวแล้วหันหน้ามาถามเรือนหลิง “ตัวนี้เป็นไง?”
เรือนหลิงมองเสื้อในมือโล่เฟยอย่างพินิจพิเคราะห์แล้วถาม “ทำไมเลือกสีขาว? สีขาวใส่ให้ดูดียากนะ สีชมพูหรือสีฟ้าอ่อนจะดีกว่านะ”
โล่เฟยเอ๋อส่ายหน้าแล้วยิ้ม “ไม่เอา เอาสีขาว”
“เธอแน่ใจ? เสื้อตัวนี้แพงขนาดนี้ ถ้าไม่เหมาะ มันเปลี่ยนไม่ได้นะ” เรือนหลิงพูดเสร็จแล้วหันไปมองพนักงานขายสาวในร้าน
พนักงานในร้านพยักหน้ารับคำพูดเธอ “ไม่รับเปลี่ยนค่ะ”
เรือนหลิงเกลี้ยกล่อม: “เฟยเอ๋อ เธอลองคิดดูอีกทีไหม”
“ไม่คิดแล้ว เอาสีขาว” โล่เฟยเอ๋อพูดด้วยความมั่นใจ จากนั้นหันไปพูดกับพนักงานขาย: “คุณช่วยแพ็คเสื้อที่มีขนาดปกเสื้อ 44 ไหล่กว้าง 53.4 รอบอก 128 และยาว 83 ค่ะ”
“คุณผู้หญิงกรุณารอสักครู่” พนักงานขายยิ้มเล็กน้อยและพยักหน้า จากนั้นจึงช่วยโล่เฟยเอ๋อหาขนาด
หลังจากพนักงานขายออกไป เรือนหลิงก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้โล่เฟยเอ๋อและพูด: “ยังจะบอกว่าไม่ใช่แฟนอีก แม้แต่ขนาดเธอก็จำได้แม่นขนาดนี้”
โล่เฟยเอ๋อหน้าแดงแล้วส่ายหน้า “ไม่ใช่จริง ๆ”
“อิ ๆ ๆ หน้าแดงแล้ว ยังบอกไม่ใช่” เรือนหลิงส่ายหน้าและล้อโล่เฟยเอ๋อไปด้วย
โล่เฟยเอ๋อเองก็ไม่สามารถอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับซูซีมู่ให้เรือนหลิงฟังได้ พอดีว่าพนักงานนำเสื้อมาให้เธอพอดี จึงทำเป็นไม่สนใจคำพูดของเรือนหลิง
“คุณผู้หญิง ช่วยดูสักครู่ว่าใช่ขนาดที่ต้องการรึเปล่า” พนักงานร้านยิ้มเล็กน้อยและส่งเสื้อในมือให้โล่เฟยเอ๋อ
โล่เฟยเอ๋อรับเสื้อมาแล้วยืนยันว่าขนาดถูกต้อง เธอพยักหน้า “ใช่ ขนาดนี้ค่ะ”
พนักงงานร้านพยักหน้า “รบกวนคุณผู้หญิงจะชำระด้วยการ์ดหรือเงินสดคะ?”
“รูดการ์ดค่ะ” โล่เฟยเอ๋อพูดแล้วหยิบกระเป๋าสตางค์ เมื่อเธอเห็นการ์ดสีดำที่อยู่ด้านหน้าสุดนั้น เธอก็หยุดนิ่งไป จากนั้นจึงได้หยิบการ์ดเงินเดือนของเธอออกมา “รบกวนด้วยค่ะ”
พนักงานสาวหยิบบัตรด้วยมือทั้งสองข้างด้วยรอยยิ้มและชำระเงินอย่างรวดเร็วจากนั้นส่งเสื้อที่ห่อแล้วคืนให้โล่เฟยเอ๋อพร้อมกับบัตรธนาคาร
โล่เฟยเอ๋อรับของมา จากนั้นก็เดินออกจากร้านพร้อมเรือนหลิง
เรือนหลิงจูงโล่เฟยเอ๋อเข้าร้านเสื้อผู้หญิงหลายร้าน ลากเธอให้ไปลองเสื้อหลายตัว แต่ก็ถูกโล่เฟยเอ๋อปฏิเสธ
เรือนหลิงยังหัวเราะเยาะโล่เฟยเอ๋อ “เฟยเอ๋อเธอยอมเสียเงินซื้อเสื้อให้แฟน แต่ไม่ยอมใช้เงินเสื้อผ้าให้ตัวเองเลย”
โล่เฟยเอ๋อได้แต่ยิ้มไม่พูดอะไร
โล่เฟยเอ๋อกับเรือนหลิงเดินซื้อของทั้งบ่าย สุดท้ายพวกเธอไปนั่งที่ร้านกาแฟในลานกว้างหวั้นด๋า
สั่งน้ำผลไม้ โล่เฟยเอ๋อหน้ามุ่ยบีบคลึงขาที่ปวด
“เป็นอะไร? เจ็บขาหรอ?” เรือนหลิงมองไปที่ขาของโล่เฟยเอ๋อ
“ใช่” โล่เฟยเอ๋อยิ้มแห้ง ๆ
เรือนหลิงหัวเราะแล้วถาม “เธอใส่รองเท้าไม่มีส้นยังเจ็บเท้า ถ้าใส่ส้นสูงไม่ต้องยอมแพ้หรอ?”
“จะว่าไป การเดินช็อปปิ้งมันไม่เหมาะกับฉันเท่าไหร่” โล่เฟยเอ๋อลูบจมูกแล้วพูด
ได้ยินคำพูดของโล่เฟยเอ๋อ เรือนหลิงได้แต่หัวเราะร่วน
“เธออย่าขำสิ ฉันมาช็อปปิ้งเป็นเพื่อนเธอนะ” โล่เฟยเอ๋อถลึงตาใส่เรือนหลิง จากนั้นจึงหยิบแก้วน้ำผลไม้ที่บริกรทำมาให้ขึ้นดื่ม
เรือนหลิงก้มลงทำความเคารพเลียนแบบบัณฑิตในอุปรากรจีนสมัยโบราณแล้วพูด “ขออภัยด้วยแม่นาง ข้าน้อยผิดไปแล้ว”
ครั้งนี้โล่เฟยเอ๋ออดไม่ไหว ปล่อยหัวเราะออกมา
เรือนหลิงพูดด้วยท่าทางจริงจัง “ดูแล้วแม่นางจะรับคำขอโทษจากข้าน้อยแล้ว”
“ได้ รับ ฮ่า ๆ…” โล่เฟยเอ๋อยิ้มและโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น
เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าแล้วดูเบอร์ที่โชว์ แล้วกดรับโดยสัญชาตญาณ “ฮัลโหล?”
“เฟยเอ๋อ ตอนนี้คุณอยู่ไหน?” เสียงของซูซีมู่ดังออกมา
“ฉันอยู่ที่ลานกว้างหวั้นด๋าค่ะ” โล่เฟยเอ๋อกัดริมฝีปากแล้วพูดเสียงเบา “คุณเลิกงานแล้วหรอ?”
“อือ” ซูซีมู่นิ่งไปครู่หนึ่งแล้วพูด “คุณรอโจวเฉินอยู่ที่ลานกว้างหวั้นด๋านะ”
โล่เฟยเอ๋อตกตะลึงครู่หนึ่งแล้วจึงได้สติว่าโจวเฉินจะมารับเธอที่ลานกว้างหวั้นด๋า เธอกำลังจะตอบซูซีมู่ ซูซีมู่ก็ดังขึ้นอีก
“น่าจะถึงภายในครึ่งชั่วโมง”
อ้อ ค่ะ ฉันจะรอที่หน้าประตูนะ”
ซูซีมู่ “อือ” หนึ่งครั้งแล้ววางสายไป
โล่เฟยเอ๋อเอาโทรศัพท์ออกจากข้างหู จากนั้นก็เงยหน้าแล้วพูดกับเรือนหลิง “ดื่มน้ำผลไม้เสร็จ ฉันคงต้องไปแล้ว”
เมื่อครู่เรือนหลิงได้ยินโล่เฟยเอ๋อคุยโทรศัพท์ ดังนั้นโล่เฟยเอ๋อนั่งอยู่กับเรือนหลิงที่ร้านกาแฟยี่สิบนาที แล้วจึงเดินออกมาจากลานกว้าง
สุดท้ายเพิ่งจะเดินออกมา โล่เฟยเอ๋อก็เห็นรถของซูซีมู่ขับเข้ามา เธอตกตะลึง
เรือนหลิงพูดกับโล่เฟยเอ๋อ: “เฟยเอ๋อ ฉันไปก่อนนะ”
โล่เฟยเอ๋อกำลังจะตอบเรือนหลิง รถของซูซีมู่ก็มาจอดอยู่หน้าเธอแล้ว
จากนั้นโจวเฉินก็ผลักเปิดประตูฝั่งคนขับรถและลงมา “คุณนายครับ ประธานซูให้ผมมารับคุณครับ