งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว! - ตอนที่ 193
บทที่ 193 เด็กๆและผู้ใหญ่ของบ้านซู
เพราะตอนกลางคืนต้องไปที่คฤหาสน์ตระกูลซู ดังนั้นโล่เฟยเอ๋อกับซูซีมู่จึงอยู่ที่ปราสาทวิลล่าทั้งบ่ายของวันนี้
ตอนห้าโมงเย็น ทั้งสองจึงได้เดินทางออกจากวิลล่ามุ่งหน้าไปสู่คฤหาสน์ตระกูลซู
ทั้งสองยังไม่ทันเข้าไปภายในบ้าน ก็ได้ยินเสียงหัวเราะเฮฮาส่งออกมา
ที่บ้านหลักมีเพียงคุณปู่กับคนใช้อยู่ไม่ใช่หรือ?ทำไมถึงเฮฮาขนาดนี้?
โล่เฟยเอ๋อกำลังมีความสงสัยอยู่ จึงไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าของซูซีมู่ได้เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ทั้งสองได้เดินเข้าไปที่บ้าน จึงเห็นมีคนแก่และเด็กทั้งเพศชายและเพศหญิงรวมกันประมาณสิบกว่าคน คนอาวุโสได้นั่งวงคุยกัน ส่วนคนหนุ่มสาวกำลังสังสรรค์กันอยู่ตรงนั้น ทำให้โล่เฟยเอ๋อเข้าใจผิดคิดว่าเดินเข้ามาผิดที่เสียแล้ว ที่นี่ไม่ใช่คฤหาสน์ตระกูลซู
อันที่จริงโล่เฟยเอ๋อคิดบิดเบือนไปเองเสียแล้ว ปกติที่คฤหาสน์ตระกูลซูมีเพียงคุณปู่ท่านเดียว แต่นั่นก็ไม่ได้หมายถึงบ้านตระกูลซูจะมีเพียงคุณปู่และซูซีมู่กันสองคน
ความจริงแล้วบ้านซูเป็นครอบครัวที่ใหญ่โต แต่บ้านซูเป็นคนถอมตัวไม่ชอบโอ้อวดกับใคร ดังนั้นคนทั่วไปจึงรู้จักแค่บริษัทซูซื่อ ไม่เคยรู้ว่าบริษัทซูซื่อ
มีความสัมพันธ์อะไรกับบ้านซู
คุณปู่ซูมีพี่น้องกันสามคน คุณปู่ซูมีคนเล็กสุดในบ้าน แต่เป็นเพราะเหตุผลบางอย่างพี่ชายและพี่สะใภ้ทั้งสองคู่ต่างประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ทิ้งเด็กๆทั้งสี่คนให้คุณปู่ซูเป็นคนชุบเลี้ยงจนเติบใหญ่ ดังนั้นพวกจึงนับถือคุณปูซูเหมือนพ่อบังเกิดเกล้า
ถึงแม้ปกติจะยุ่งมากจนไม่สามารถมาเยี่ยมคุณปู่ซูได้บ่อยๆ แต่เมื่อถึงวันส่งท้ายปีเก่าตามปฏิทินจีนแล้ว คนที่สามารถกลับมาได้ก็จะกลับมานับถอยหลังสิ้นปีกับคุณปู่ด้วยกัน
เพียงแต่ปีนี้มีคนกลับมาพร้อมเพรียงกันมากสุด ซึ่งปัจจัยเสริมก็คือคงจะกลับมาดูโล่เฟยเอ๋อด้วย
ซูซีมู่แต่งงานอย่างกระชั้นชิด บ้านซูจึงมีเพียงไม่กี่คนมาร่วมงาน คนที่เหลือก็มิได้มาร่วม ส่งท้ายปีเก่าตามปฏิทินจีนจึงเป็นโอกาสทองที่จะได้มาดู ซึ่งคงมิอาจจะพลาดได้
บรรดาผู้ใหญ่จึงมาดูว่าคนที่คุณปู่ยอมรับเป็นหลานสะใภ้จะเป็นใครกัน?
ส่วนวัยรุ่นก็มาดูว่าคนที่สามารถครองใจลูกหลานผู้นำของตระกูลซูอย่างซูซีมู่จะเป็นผู้หญิงแบบไหนกัน?
คนวัยกลางคนยิ้มอย่างร่าเริงและแนะนำให้คนข้างๆว่า“คนนี้คือภรรยาของซีมู่”
เมื่อคนอื่นได้ยินเขาพูด ก็รีบกวาดสายตามองโล่เฟยเอ๋อราวกับแสงเรดาร์ โล่เฟยเอ๋อรู้สึกขนลุกคล้อยกับหลบหนีภัยพิบัติอย่างวู่วาม แต่ยังดีที่ซูซีมู่จับมือเธอไว้
จากนั้นก็แนะนำให้พวกเขารู้จัก “นี่เป็นภรรยาของผม โล่เฟยเอ๋อ”
แนนอนด้วยนิสัยที่พูดน้อยของซูซีมู่ แนะนำถึงตรงนี้ก็ดีหนักหนาแล้ว ที่เหลือก็ต้องเผชิญเองแล้วแหละ
“สวัสดีจ้าเฟยเอ๋อ พวกเราเป็นลุงกับลุงสะใภ้ของซีมู่นะ”
“สวัสดีค่ะคุณลุง คุณลุงสะใภ้”โล่เฟยเอ๋อกล่าวทักทายด้วยความนอบน้อม
“สวัสดีจ้าเฟยเอ๋อ พวกเราเป็นลุงสองและลุงสะใภ้สองของซีมู่นะ”
“สวัสดีค่ะคุณลุงสอง คุณลุงสะใภ้สอง”
“เฟยเอ๋อ สวัสดีจ๊ะลูก พวกเราคืออาสามและอาสะใภ้สามนะ”
“สวัสดีอาสาม และอาสะใภ้สามค่ะ”
“เฟยเอ๋อ สวัสดีจ๊ะ พวกเราคืออาสี่และอาสะใภ้สี่ของซีมู่นะ”
“สวัสดีอาสี่ อาสี่สะใภ้ค่ะ”
หลังจากที่ผู้ใหญ่แนะนำตัวเสร็จก็ถึงคิวของคนรุ่นหลัง
คนที่สวมแว่นตากรอบสีทองมีหน้าตาคล้ายซูซีมู่ได้พูดก่อนว่า“ฉันคือซูโม่ เป็นลูกพี่ลูกน้องของซีมู่”
“สวัสดีค่ะพี่ชายลูกพี่ลูกน้อง ฉันชื่อโล่เฟยเอ๋อค่ะ”
ซูโม่พยักหน้าไม่ได้พูดอะไรอีก
คนนี้เย็นชาเหมือนซูซีมู่ไม่มีผิด!
โล่เฟยเอ๋อละสายตากลับมา ซูยุ่นที่ยืนอยู่ข้างๆกล่าวว่า“สวัสดีค่ะพี่สะใภ้ ยังจำฉันได้ไหมค่ะ?ฉันคือซูยุ่นที่เป็นเพื่อนเจ้าสาวในงานแต่งวันนั้นไงค่ะ”
“อ้อ ฉันจำได้ค่ะสวัสดีค่ะซูยุ่น” โล่เฟยเอ๋อมีความรู้สึกที่ดีต่อซูยุ่นมาก เธอยิ้มให้กับเธอ
ได้ยินโล่เฟยเอ๋อบอกว่าจำตนได้ ซูยุ่นพูดอย่างดีใจว่า“วันก่อนได้คุยโทรศัพท์กับเหซิงถิง อีกสองวันไปช้อปปิ้งด้วยกัน พี่สะใภ้จะไปด้วยกันไหมค่ะ?”
“ได้สิ ฉันก็ไม่ได้เจอหล่อนนานแล้วเหมือนกัน” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้าตอบตกลง
“ฉันจะติดต่อไปบอกเหซิงถิงนะคะ ถ้ารู้ว่าพี่สะใภ้จะไป หล่อนต้องดีใจแน่ๆเลยค่ะ”ซูยุ่นหามือถือติดต่อกับเหซิงถิงอย่างดีใจ
“สวัสดีค่ะ ฉันคือซูเฉิง ซูยุ่นเป็นน้องสาวผมเองครับ ได้ยินน้องสาวพูดถึงพี่สะใภ้บ่อยๆ ในที่สุดวันนี้ก็ได้เจอตัวจริงแล้ว”ชายคนนี้ยิ้มอย่างเขินอาย ท่าทางน่าจะเป็นเด็กเรียน
“อ่อ……ขอบคุณค่ะ” โล่เฟยเอ๋อหยุดชะงักไปแวบหนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้า
“สวัสดีค่ะพี่สะใภ้ ฉันคือเฉินลู่ ปีนี้อายุ 13 ปีค่ะ ตอนนี้ยังเป็นคนที่ไร้กังวลไม่ได้เจอความลำบากอะไรค่ะ เรียนอยู่ชั้นปวช.2ค่ะ คนที่ฉันเทิดทูนที่สุดก็เป็นพี่ชายซีมู่ของพวกเราค่ะ แต่ตอนนี้หนูคงต้องเทิดทูนพี่สะใภ้ด้วยแล้ว”ซูลู่ยิ้มจนไม่เห็นลูกกะตาแล้ว เห็นพี่ชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องจับมือโล่เฟยเอ๋อเดินเข้ามา ดวงตาเข้าเธอก็เกือนจะทะลุออกมาแล้ว จากนั้นได้ยินพี่ชายแนะนำโล่เฟยเอ๋อให้รู้จักด้วยตัวเอง เธอจึงนับถือและเทิดทูนโล่เฟยเอ๋อ
เทิดทูนซูซีมู่นั้นเป็นเรื่องธรรมดา แต่ทำไมถึงเทิดทูนเธอด้วยล่ะ?โล่เฟยเอ๋อถามอย่างสงสัย “ทำไมต้องเทิดทูนพี่ด้วยค่ะ?”
“เพราะพี่สะใภ้สามารถทำให้พี่ชายที่แสนจะเย็นชาของพวกเรากลายเป็นคนปกติไงค่ะ”ซูลู่ตอบตรงไปตรงมา
“เอ่อ……”โล่เฟยเอ๋อรู้สึกพูดไม่ออก หรือปกติซูซีมู่ไม่ใช่คนปกติ?
คล้ายกับดูออกว่าโล่เฟยเอ๋อกำลังสงสัยอยู่ ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆของซูลู่ยิ้มอธิบายอย่างสดใส “ลู่ลู่หมายถึง คุณทำให้ซีมู่มีชีวิตจิตใจมากขึ้น”
ตอนนี้โล่เฟยเอ๋อเข้าใจแล้วพลางพยักหน้า “อ่อ”
“เกลียดจริงๆเลย พี่ซูยี่ทำไมถึงแย่งหนูพูดล่ะค่ะ?” ซูลู่ทำหน้ามุ่ยมองผู้ชายคนนั้นอย่างไม่พอใจ
ผู้ชายคนนั้นอมยิ้มแล้วแตะเบาๆที่จมูกเธอพลางพูดว่า“เป็นความผิดของพี่ซูยี่เองลู่ลู่อย่าโกรธนะ”
ได้ยินผู้ชายคนนั้นพูด ซูลู่ก็เผยสีหน้าที่ไม่ถือสาคนพลางเอ่ยขึ้นว่า “ก็ได้ค่ะ หนูอภัยให้พี่”
ได้ยินคำพูดของซูลู่คนทั้งกลุ่มหัวเราะดังลั่นขึ้นมา
“ขอบคุณลู่ลู่ที่ให้อภัย”ชายคนนั้นบีบจมูกของซูลู่ จากนั้นก็หันหน้าไปทางโล่เฟยเอ๋อแล้วพูดขึ้นว่า“สวัสดีครับ ผมชื่อซูยี่”
“สวัสดีค่ะ ฉันคือโล่เฟยเอ๋อค่ะ”
ซูยี่ยิ้มอย่างร่าเริงแล้วพูดว่า“ฮาฮา ไม่ต้องเป็นพิธีก็ได้ครับ พวกเราถือว่าเจอกันครั้งที่สองแล้วครับ”
“ครั้งที่สอง?”โล่เฟยเอ๋อมองซูยี่ด้วยความสงสัย
ซูยี่พูดอย่างยิ้มแย้มว่า “ผมไปร่วมงานแต่งคุณกับซีมู่ครับ”
ได้ยินซูยี่บอกว่างานแต่ง โล่เฟยเอ๋อจึงรู้สึกอึดอัด “ออ……ขอโทษค่ะ ฉันไม่รู้”
ซูยี่ยังไม่ทันจะพูดอะไร จู่ๆมือของโล่เฟยเอ๋อก็ถูกจับดัวยแรงอันทรงพลัง จากนั้นก็ถูกซูซีมู่ดึงไม่อยู่ในอ้อนแขน
เธอเงยหน้ามองก็เห็นคางที่ดูดีของซูซีมู่
ดวงตาที่คมแหลมของซูซีมู่มองซูยี่แวบหนึ่ง จากนั้นก็ก้มหน้าพูดกับโล่เฟยเอ๋อว่า “ควรจะเข้าไปแล้วครับ คุณปู่รอพวกเราอยู่”
“อ่อ ค่ะ” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า จากนั้นก็ยิ้มให้ซูยี่ด้วยท่าทางขอโทษ แล้วไปกับซูซีมู่ด้วยกัน
หลังจากที่มองซูซีมู่กับโล่เฟยเอ๋อจากไป ซูยี่ก็อ่อนตัวอยู่ที่โซฟา
ซูโม่เดินมาตบไหล่ซูยี่เบาๆ “เป็นไงบ้างที่ลองถาม?”
ที่แท้ซูซีมู่เป็นผู้นำของลูกหลานบ้านซู คนรุ่นหลังของบ้านซูเทิดทูนเขาเหมือนกับเป็นเทพบุตร
ซูยี่ร่วมงานแต่งของซูซีมู่และโล่เฟยเอ๋อ เรื่องที่เกิดขึ้นในงานแต่งทำให้ซูยี่ไม่ชอบโล่เฟยเอ๋อ
ที่มาครั้งนี้ก็เพื่อจะมาลองใจโล่เฟยเอ๋อดู
ผลปรากฏว่ายังไม่ทันได้ลองอะไรเขาก็ถูกซูซีมู่ติเตือนเสียแล้ว……
“เป็นความเย็นที่ติดลบพันองศาเลย”ซูยี่พูดแบบยังคงมีความเกรงกลัวเหลืออยู่
ซูโม่ยักไหล่พลางพูดว่า “บอกแล้วว่าอย่าไปลองถาม”
“ตอนที่ทำยังไงดี?ซีมู่จะโกรธไหม?” ซูยี่ถามพลางยิ้มอย่างทุกข์ใจ
ซูโม่พูดเบาๆว่า“ไม่โกรธหรอก เพียงแต่แค่จดบัญชีค้างไว้ก็เท่านั้นเอง”
ได้ยินคำพูดของซูโม่ ซูยี่เกือบจะร้องไห้ “ไม่ใช่มั้ง?แล้วฉันจะทำยังไงดี?พี่โม่ พี่ต้องช่วยฉันนะ”
หลังจากที่ซูโม่เงียบไปหลายวินาที แล้วพูดข้างหูของซูยี่ว่า “น้องอาจทำอย่างนี้ก็ได้……”
“ได้หรอค่ะ?”ซูยี่ถามอย่างสงสัย
ซูโม่ชำเลืองตามองซูยี่แล้วกล่าวว่า “แล้วแต่คุณว่าจะทำหรือไม่”
“ฉันทำ ฉันทำ……”ซูยี่เกือบจะร้องไห้…