งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว! - ตอนที่ 199
บทที่ 199 ให้คนที่ตัวเองรักใช้เงิน มันภูมิใจมาก
ซูซีมู่รอโล่เฟยเอ๋อที่บ้านตลอดทั้งวัน แต่ก็ไม่เห็นโล่เฟยเอ๋อ เห็นแต่เพียงข้อความแจ้งเตือนของธนาคาร
ลานกว้างหวั้นด๋า ใช้จ่ายเงินจำนวนแปดหมื่นแปดที่ร้านเสื้อผ้าหญิงของแบรนด์ชาเนล
ร้านเสื้อผ้าหญิงของแบรนด์ชาแนล?ซูซีมู่หยุดชะงัก ดูข้อความแจ้งเตือนอย่างละเอียด พบว่าเป็นบัตรวีไอพีของเขา
เสื้อผ้าหญิง?บัตรวีไอพี?
ซูซีมู่นึกขึ้นได้ทันทีว่าเขาได้ให้บัตรวีไอพีที่เป็นบัตรสำรองกับโล่เฟยเอ๋อ
เฟยเอ๋อเป็นคนใช้จ่าย……ได้ผลสรุปเช่นนี้ มุมปากของซูซีมู่จึงได้ยกขึ้น
เมื่อก่อนเขาเคยเห็นบ่อยๆ มีคนบ่นว่าภรรยาของตนซื้อของโน่นนี่นั้นด้วยบัตรสำรองอีกแล้ว แต่ใบหน้ากลับเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข ซึ่งตอนนี้เขาเข้าใจความรู้สึกนี้แล้ว
ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ผู้ชายหาเงินเลี้ยงดูคนในบ้าน ส่วนผู้หญิงมีหน้าที่ใช้จ่าย
ตอนนั้นซูซีมู่ไม่เข้าใจความรู้สึกนี้
เมื่อมาถึงวันนี้ เขาถึงจะเข้าใจว่า ผู้หญิงที่ตนรักได้ใช้บัตรของตัวเองซื้อของ มันช่างภาคภูมิใจมาก
เขานั่งเงียบๆอยู่ที่โซฟา แล้วจ้องมองมือถือให้ธนาคารส่งข้อความแจ้งเตือนมาอีกครั้ง
แต่เขารอจนฟ้าใกล้จะมืดก็ไม่เห็นบัตรธนาคารจะส่งข้อความอะไรมาเลย
แม้กระทั่งเขายังสงสัยว่ามือถือของตัวเองเสียแล้วอย่างคนปัญญาอ่อน ใช้โทรศัพท์บ้านโทรเข้าเบอร์ของตน
หลังจากที่แน่ใจว่ามือถือไม่ได้เสีย ซูซีมู่ก็ขมวดคิ้ว
โล่เฟยเอ๋อไปช้อปปิ้งกับพวกเหซิงถิง ซื้อเสื้อผ้าแค่ตัวเดียวหรอ?
เขาจำที่เหซิงโม่เคยพูดได้ว่าเวลาน้องสาวเขาช้อปปิ้งแต่ละครั้ง จะมีทั้งถุงเล็กถุงใหญ่สิบกว่าใบ……
ความรู้สึกหนึ่งต่อสิบ ทำให้ซูซีมู่ไม่ค่อยพอใจนัก
แต่ทว่า เขาคิดว่าโล่เฟยเอ๋อเริ่มใช้เงินของเขา มันเป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้ว
แต่เขากลับไม่รู้ว่า ถ้าไม่ใช่ซูยุ่นจะออกเงินซื้อเสื้อผ้าให้โล่เฟยเอ๋อ โล่เฟยเอ๋อจะไม่มีทางใช้เงินก้อนนี้เด็ดขาด
ตอนแรกโล่เฟยเอ๋อคิดว่าพอกินข้าวมื้อค่ำกับพวกเหซิงถิงเสร็จก็จะกลับบ้าน แต่เหซิงถิงพยายามจะให้เธอนอนพักหนึ่งคืนให้ได้
และที่สำคัญเธอเห็นซูยุ่นอยากจะอยู่พักที่บ้านเหซิงถิงหนึ่งคืน เธอจึงไม่กล้าปฏิเสธ จึงตอบตกลง
ในเมื่อจะนอนพักบ้านเหซิงถิงหนึ่งคืน โล่เฟยเอ๋อจึงต้องโทรไปบอกคุณปู่ เพื่อเลี่ยงคุณปู่เป็นกังวลที่ไม่เห็นพวกเธอกลับไป
ตอนที่โล่เฟยเอ๋อโทรมาหาคุณปู่ พวกคุณปู่กำลังกินข้าวอยู่พอดี และหนึ่งในนั้นก็คือซูซีมู่
อาผินเอามือถือมาอย่างรีบร้อน “คุณปู่ครับ คุณนายน้อยโทรมาครับ”
คุณปู่ได้ยินอาผินบอกว่าเป็นสายจากโล่เฟยเอ๋อ ก็รีบวางตะเกียบในมือไปรับโทรศัพท์ “ฮัลโหล?”
ซูซีมู่ได้ยินคำว่า คุณนายน้อย สามคำ ถึงแม้จะไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง แต่ก็ได้เพ่งความสนใจทั้งหมดไปที่คุณปู่
ซึ่งอยากจะมีใบหูที่ฟังได้หมื่นลี้ เพราะจะได้ฟังบทสนทนาของคุณปู่กับโล่เฟยเอ๋อ
“คุณปู่ค่ะ” อีกฝั่งหนึ่งของสายมีเสียงของโล่เฟยเอ๋อส่งมา
คุณปู่ถามด้วยรอยยิ้มว่า “เฟยเอ๋อจ๊ะ กินข้าวเย็นหรือยังจ๊ะ?”
“กินแล้วค่ะ คุณปู่กินหรือยังค่ะ?”โล่เฟยเอ๋อถามอย่างมีมารยาท
คุณปู่ถาม“กำลังกินอยู่ เฟยเอ๋อมีอะไรหรือเปล่า?”
“หนูจะบอกคุณปู่ว่า เหซิงถิงชวนหนูกับซูยุ่นนอนพักบ้านของพวกเขาหนึ่งคืนค่ะ”
ได้ยินโล่เฟยเอ๋อพูดว่าจะนอนค้างที่บ้านเหซิงถิงหนึ่งคืน สายตาของคุณปู่ก็กวาดไปมองซูซีมู่แวบหนึ่ง จากนั้นก็พูดว่า “อืม หนูเที่ยวให้สนุกเลยนะ พรุ่งนี้ปู่จะส่งคนไปรับหนูนะ”
“ขอบคุณค่ะคุณปู่ ท่านกำลังกินข้าวอยู่ งั้นหนูไม่รบกวนแล้วนะคะ บ๊ายบาย”
“บ๊ายบาย”คุณปู่วางสาย จากนั้นก็มองซูซีมู่“นายไม่ได้ส่งข่าวบอกจะกลับประเทศวันนี้ให้เฟยเอ๋อหรือ?”
ซูซีมู่หยุดชะงักไปแวบหนึ่ง พยักหน้า “อืม”
คุณปู่มีสีหน้าที่เข้าใจแล้วพูดว่า “มิน่าล่ะ เธอถึงได้ตอบตกลงเหซิงถิงพักหนึ่งคืน”
ซูซีมู่เงยหน้าขึ้นมองคุณปู่ด้วยความตกใจ “พักบ้านเหซิงหนึ่งคืน?”
“ใช่”คุณปู่พยักหน้า จากนั้นก็พูดขึ้นอีกว่า “ทำไม คิดถึงเมียตัวเองหรอ?สมน้ำหน้า ใครใช้ให้นายไม่โทรบอกเฟยเอ๋อก่อนจะกลับประเทศล่ะ?”
เห็นหลานตัวเองกินแห้ว มันไม่ได้เห็นบ่อยๆ คุณปู่ก็ต้องคว้าโอกาสที่จะสามารถหยอกล้อเอาไว้
ซูซีมู่ไม่ได้พูดอะไร ก้มหน้าเขี่ยข้าวกินต่อ
เมื่อกินข้าวจนหมด ก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วออกจากห้องรับประทานอาหารไป
อันที่จริงใส่ใจเป็นอย่างมาก แต่กลับแกล้งทำเป็นไม่สนใจ……
คุณปู่มองแผ่นหลังของซูซีมู่ที่เดินจากไป แอบถอนหายใจ พรุ่งนี้ให้เขาไปรับโล่เฟยเอ๋อที่บ้านเหซิงก็แล้วกัน!
เพราะโล่เฟยเอ๋อไปค้างคืนที่บ้านเหซิง ทำให้ซูซีมู่อารมณ์ไม่ดี บวกกับเพิ่งกลับจากต่างประเทศทำให้เป็นเจ็ตแล็กด้วย ทำให้เขานอนไม่ค่อยหลับ ในเวลาเช้าตรู่
ตีห้าถึงจะหลับตาลงได้อย่างไม่ง่ายดาย
แต่ผลปรากฏว่าข้างนอกได้ส่งเสียงเคาะประตูมา
คนที่ไม่ได้นอนดีๆอย่างซูซีมู่มีสีหน้าที่บึ้งตึงแล้วไปเปิดประตู เห็นว่าคนข้างนอกเป็นอาผิน จึงถามอย่างเย็นชาว่า “มีอะไร?”
“คุณปู่ให้คุณชายไปรับคุณนายน้อยที่บ้านเหซิงครับ” อาผินมาส่งสารของคุณปู่ให้แก่ซูซีมู่
ซูซีมู่หยุดชะงักแล้วจึงตอบว่า “รู้แล้ว”
อาผินรู้ว่าคุณชายของตนอารมณ์ไม่ดี จึงไม่อยู่ให้เขาเคืองใจ อาผินคำนับอย่างนอบน้อมแล้วหันหลังจากไป
ซูซีมู่ปิดประตูห้อง ปลดกระดุมไปด้วยเดินเข้าห้องอาบน้ำไปด้วย
หลังจากที่อาบน้ำเสร็จ เขาก็รู้สึกไม่ค่อยง่วงนอนเท่าไหร่แล้ว
จากนั้นก็เข้าห้องแต่งตัวใส่เสื้อตัวที่สบายๆ แล้วจึงเดินออกไปนอกบ้าน
ตอนที่เดินผ่านหน้าบ้าน เขาเห็นอาผิน จึงกวาดสายตามองอย่างเรียบเฉยแล้วเดินต่อไปด้านหน้า
ถึงแม้อาผินจะกลัวทำให้คุณชายของตนเคืองใจ แต่ยังคงถามหนึ่งประโยคขึ้นมา “คุณชายครับ เตรียมอาหารเช้าเสร็จแล้วครับ คุณจะกินหน่อยไหมครับ?”
“ไม่ต้องล่ะ”ซูซีมู่พลางตอบพลางเดินออกไปอย่างไม่ได้หันไปมองคนถาม
พอถึงประตูใหญ่ ซูซีมู่ได้ขึ้นรถของตนแล้วขับออกไป
ปกติโล่เฟยเอ๋อก็ไม่มีนิสัยตื่นสายอยู่แล้ว จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนที่อยู่บ้านของคนอื่น
ไม่ถึงเจ็ดโมงเธอก็ตื่นแล้ว
หลังจากที่อาบน้ำทำความสะอาดร่างกายเสร็จ เธอก็เดินออกจากห้องนอนออกมา
ตอนแรกโล่เฟยเอ๋อคิดว่าบ้านเหซิงคงไม่มีใครตื่นเช้าอย่างนี้หรอก แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อเธอเดินมาถึงห้องรับแขกก็เห็นเหซิงโม่นั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก
และดูท่าทางของเขาแล้วน่าจะตื่นนานแล้ว
เหซิงโม่เห็นโล่เฟยเอ๋อก็รู้สึกประหลาดใจ “เฟยเอ๋อ ทำไมตื่นเช้าอย่างนี้ล่ะ?”
“เช้ายังไงก็สู้คุณไม่ได้นิค่ะ” โล่เฟยเอ๋อจับจมูกแล้วตอบ
เหซิงโม่ยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วพูดว่า “ผมไม่ใช่ตื่นเช้า แต่ร่างกายยังปรับความแตกต่างของเวลาต่างถิ่นไม่ได้ ”
“คุณไม่ใช่ว่าไม่ได้นอนทั้งคืนนะคะ?” โล่เฟยเอ๋อถามอย่างแปลกใจ
ได้ยินคำพูดของโล่เฟยเอ๋อ เหซิงโม่ส่งเสียงหัวเราะ คิก คิก ออกมา“เป็นไปไม่ได้ที่ผมจะไม่นอนทั้งคืน?เพียงแต่ตื่นก่อนเวลาหลายชั่วโมงก็เท่านั้น”
“ออ”โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า
เหซิงโม่ “อืม” หนึ่งคำ จากนั้นก็พูดต่อว่า “คุณมานั่งก่อนสิครับ คนรับใช้ยังทำอาหารเช้าไม่เสร็จเลยครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันยังไม่หิว” โล่เฟยเอ๋อยิ้มพลางนั่งลงอีกข้างหนึ่งของโซฟา
หลังจากที่โล่เฟยเอ๋อนั่งลง เหซิงโม่ได้เอารีโมทขึ้นมาส่งให้กับโล่เฟยเอ๋อ “คุณเลือกช่องดูเองนะครับ”
“ไม่ต้องค่ะ คุณดูก็พอแล้ว” โล่เฟยเอ๋อส่ายหัวปฏิเสธ
เหซิงโม่จ้องมองโล่เฟยเอ๋อแวบหนึ่ง จากนั้นก็พูดอย่างจริงจังว่า“เฟยเอ๋อ ผมกับซูซีมู่นับถือกันอย่างกับพี่น้อง คุณเกรงใจผมขนาดนี้ ถ้าซูซีมู่รู้แล้วผมต้องซวยแน่ๆเลยครับ”
ตอนแรกโล่เฟยเอ๋อหยุดชะงัก จากนั้นก็พูดด้วยสีหน้าขอโทษว่า “ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้……”