งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว! - ตอนที่ 210
บทที่210 ดูว่าใครจะกล้า?
ผู้จัดการมองไปที่โล่เฟยเอ๋อ จากนั้นพูดกับโจวหยุนว่า “โจวหยุนลองว่ามาซิ ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
“ผู้จัดการคะ เดิมทีเธอเป็นผู้ช่วยภายใต้การดูแลของฉัน เธออิจฉาที่ภาพออกแบบของฉันได้รับความนิยมขนาดนี้ เธอจึงใส่ร้ายฉันว่าขโมยภาพออกแบบของเธอ”
โจวหยุนกล่าวอย่างมีเล่ห์เหลี่ยมมาก อย่างแรกเธออธิบายถึงตัวตนของโล่เฟยเอ๋อ ว่าเป็นผู้ช่วยภายใต้การดูแลของเธอ ผู้ช่วยธรรมดา จะวาดภาพออกแบบได้ดีขนาดนี้ได้ไง ใครๆก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้ทั้งนั้น
อย่างที่สองโจวหยุนไม่ก้าวร้าว ในคำพูดดูเหมือนว่าเป็นคนถูกใส่ร้าย
ผู้จัดการได้ฟังโจวหยุนพูด แล้วพยักหน้า จากนั้นหันไปกล่าวกับโล่เฟยเอ๋อ “คุณมีอะไรจะพูดอีกไหม?”
“ผู้จัดการ ภาพออกแบบของนักออกแบบโจวทั้งหมดฉันเป็นคนวาดเองจริงๆนะคะ ”โล่เฟยเอ๋อกัดริมฝีปากของเธอและตอบ
ผู้จัดการขมวดคิ้วขึ้น ถามว่า “คุณพูดว่าคุณเป็นคนวาด แล้วคุณมีต้นฉบับภาพออกแบบที่ร่างไว้ไหม?
ต้นฉบับ? โล่เฟยเอ๋อผงะ แล้วตอบว่า “ฉันส่งแบบร่างต้นฉบับทั้งหมดให้กับนักออกแบบโจวแล้ว”
“ฉันไม่เคยเอาแบบร่างต้นฉบับของคุณ” โจวหยุนงอริมฝีปากของเธอและพูด
“คุณ……”โล่เฟยเอ๋อโกรธจนหน้าซีด
โจวหยุนมองไปที่เธออย่างดูถูกเหยียดหยาม จากนั้นเธอก็ยกคางขึ้นและกล่าวกับผู้จัดการว่า “ ฉันมีแบบร่างต้นฉบับค่ะ ” หลังพูดเสร็จ โจวหยุนส่งสายตาให้ผู้ช่วยส่วนตัวที่อยู่ข้างหลังเธอ
ผู้ช่วยส่วนตัวของเธอรีบนำแบบร่างของการออกแบบที่เตรียมไว้ออกมา แล้วมอบให้ผู้จัดการทันที
ผู้จัดการมองพลิกดูแบบร่างเหล่านั้น พยักหน้าด้วยความพึงพอใจอยู่หลายครั้ง
โล่เฟยเอ๋อเห็นแบบร่างเหล่านั้น ดวงตาเบิกกว้าง พูดดังๆว่า “นี่เป็นของฉันหมดเลยค่ะ”
ผู้จัดการได้ยินคำพูดของโล่เฟยเอ๋อ มองไปที่โล่เฟยเอ๋อด้วยท่าทางที่ดุร้าย “ คุณยังบอกว่าเป็นของคุณ ทั้งๆที่นักออกแบบโจวเป็นคนเอาภาพแบบร่างออกมาเหรอ?”
แน่นอนว่าผู้จัดการมีความลำเอียงต่อโจวหยุน ไม่ว่ายังไงโจวหยุนก็เป็นนักออกแบบของบริษัท ที่มีความสามารถเพียบพร้อม ส่วนโล่เฟยเอ๋อเป็นเพียงผู้ช่วยตัวเล็กๆ ผู้ช่วยตัวเล็กๆสามารถวาดภาพแบบร่างแบบนี้ได้หรอ? มันเป็นเรื่องตลกชัดๆ?
“ผู้จัดการคะ ดิฉันสามารถเป็นพยานให้พี่โจวหยุนได้ ฉันเห็นพี่โจวหยุนวาดภาพเหล่านี้ออกมาด้วยตาของฉันเองค่ะ ”ผู้ช่วยส่วนตัวที่อยู่เบื้องหลังโจวหยุนออกมาพูดคล้อยตาม
ผู้จัดการพยักหน้า พูดต่อหน้าโล่เฟยเอ๋อ “ตอนนี้หลักฐานชัดแล้ว ว่าคุณใส่ร้ายนักออกแบบโจว คุณยังมีอะไรจะพูดอีก?”
ไม่มีหลักฐาน ไม่มีแบบร่างต้นฉบับ ยังจะพูดอะไรได้อีก?
ผู้คนรอบข้างพูดคุยกันชี้ไปที่โล่เฟยเอ๋อ ใบหน้าฉันไปด้วยความดูถูก
โล่เฟยเอ๋อหน้าซีด ไม่พูดอะไร
เรือนหลิงคิดว่าผู้จัดการให้ความยุติธรรม จัดการปัญหานี้ได้ดีต่อหน้าทุกคน แต่ไม่คิดเลยว่าผู้จัดการจะลำเอียงให้โจวหยุนตั้งแต่ต้นจนจบ
เมื่อเห็นใบหน้าที่ซีดเซียวเกือบโปร่งใสของโล่เฟยเอ๋อ เรือนหลิงเอ่ยปากพูด “ฉันมีอะไรจะพูดค่ะ”
“เรือนหลิง!”โล่เฟยเอ๋อเห็นเรือนหลิงที่พูด แววตาดูสว่างขึ้น
เรือนหลิงเดินมา จับมือของโล่เฟยเอ๋อเพื่อปลอบใจเธอ จากนั้นจึงกล่าวกับผู้จัดการ “ผู้จัดการคะ ฉันเป็นพยานให้เฟยเอ๋อได้”
ผู้จัดการมองไปที่โจวหยุน จากนั้นกล่าวกับเรือนหลิงว่า “คุณมีหลักฐานอะไร?”
“ฉันเห็นเฟยเอ๋อวาดภาพเหล่านี้ออกมาด้วยตาของฉันเอง ”เรือนหลิงตอบตามความจริง
โจวหยุนคิดไม่ถึงว่าเรือนหลิงจะเป็นพยานกับโล่เฟยเอ๋อ หันหน้าไปทางเรือนหลิงด้วยใบหน้าที่โกรธมาก “ในบริษัทใครไม่รู้ว่าคุณกับโล่เฟยเอ๋อสนิทกัน ? คุณบอกว่าคุณเห็นเธอวาดด้วยตาของคุณเอง นี้เป็นเพียงแค่คำพูดเพียงด้านเดียวของคุณ
ด้วยเสียงของโจวหยุนที่ลดลง ผู้จัดการก็พยักหน้าเห็นด้วย “คำพูดข้างเดียวไม่ใช่หลักฐาน”
เรือนหลิงรู้ตั้งนานแล้วว่าโจวหยุนจะพูดแบบนี้ ใบหน้าเธอนิ่งและกล่าวว่า “ความสัมพันธ์ของฉันกับเฟยเอ๋อ นักออกแบบโจวคุณ……”เรือนหลิงยังไม่ทันพูดจบ โจวหยุนขัดจังหวะเธอ “เรือนหลิง คุณกล้า?”
“ทำไมฉันจะไม่กล้าล่ะ?” มุมปากของเรือนหลิงโค้งขึ้นสีหน้าเย้ยหยัน จากนั้นพูดต่อ “อันที่จริงฉันไม่ใช่เพื่อนของโล่เฟยเอ๋อเลย ฉันเป็นคนที่นักออกแบบโจวส่งให้ไปจับตาดูโล่เฟยเอ๋อไว้”
ประโยคสุดท้าย เรือนหลิงกล่าวขณะดูโล่เฟยเอ๋อ
เป็นเวลานาน เธอเก็บซ่อนความลับนี้แล้วมาเป็นเพื่อนกับโล่เฟยเอ๋อ หลังจากได้พูดมันออกมาวันนี้ เธอรู้สึกเบาสบายมาก
บางทีเฟยเอ๋ออาจไม่รู้จักเธอในฐานะเพื่อนอีกแล้ว แต่เรือนหลิงยังคงรู้สึกว่ามันคุ้มค่าแล้วล่ะ
คำพูดของเรือนหลิง เหมือนก้อนหินที่โยนลงไปในทะเลสาบที่สงบ และปลุกคลื่นเป็นพันระลอกในทันที
ทุกคนหันมองมาที่เธอ โล่เฟยเอ๋อก็เช่นกัน
แน่นอนว่าโจวหยุนไม่ยอมรับสิ่งที่เรือนหลิงพูด “เธอใส่ร้ายฉัน”
“นักออกแบบโจวคิดว่าฉันเป็นคนใส่ร้ายหรอ? หลังจากที่โล่เฟยเอ๋อช่วยคุณหนูหลี่ปรับแก้การออกแบบเข็มกลัดผีเสื้อแล้ว คุณก็สนใจพรสวรรค์ด้านการออกแบบของโล่เฟยเอ๋อ ตั้งแต่นั้นมา คุณก็ให้โล่เฟยเอ๋อส่งภาพออกแบบให้คุณทุกวัน ในมือถือฉันมีภาพออกแบบอยู่ค่ะ” เรือนหลิงเปิดมือถือ มีภาพออกแบบอยู่หลายรูป
ดูรูปภาพบนมือถือของเรือนหลิง สีหน้าของโจวหยุนเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เธอก็กลับมานิ่งสงบลงอย่างรวดเร็ว
“ที่แท้คุณและโล่เฟยเอ๋อก็เป็นเพื่อนส่วนรู้ร่วมคิดกัน และยังแอบถ่ายรูปภาพออกแบบของฉันอีกด้วย?”
โจวหยุนไม่ยอมรับผิดแถมยังใส่ร้ายให้อีกฝ่ายแผนสูงจริงๆเลย ทำให้คนจินตนาการไม่หยุด
เรือนหลิงได้ยินคำพูดของโจวหยุน ตาแทบแตก “โจวหยุน เธอไม่ยอมรับผิดแถมยังใส่ร้ายให้คนอื่นแบบนี้อีก”
โจวหยุนทำเสียงฮึ่มอย่างเย็นชา จากนั้นจึงกล่าวกับผู้จัดการว่า “ ผู้จัดการคะ คุณต้องตรวจสอบอย่างรอบคอบนะคะ การแข่งขันในวงการจิวเวลรี่ดุเดือดมากในขณะนี้ อย่าปล่อยให้คนนอกมากอบโกยผลประโยชน์จากช่องโหว่นะคะ ”
คำพูดของโจวหยุนแสดงออกอย่างชัดเจนมาก โล่เฟยเอ๋อและเรือนหลิงเป็นสายลับที่บริษัทจิวเวลรี่ร้านอื่นๆส่งมายังร้านจิวเวลรี่ว่านฟู๋
สายลับของบริษัทอื่นเป็นสิ่งที่บริษัทต่างๆเกลียดชังมากที่สุด ใบหน้าของผู้จัดการจึงเปลี่ยนเป็นเย็นชาในทันที
“ที่แท้ก็เป็นสายลับของบริษัทอื่น ไม่แปลกใจเลยที่คุณต้องการแย่งภาพออกแบบของนักออกแบบโจว”หลังจากหยุดชั่วคราวผู้จัดการก็พูดต่อ “รีบแจ้งตำรวจ มาจับพวกเธอซะ”
เสียงของผู้จัดการเพิ่งพูดจบ อีกเสียงที่โมโหจัดก็ดังขึ้น “ผมจะดูว่าใครกล้า?”
ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย โล่เฟยเอ๋อหันไปรอบ ๆ อย่างไม่น่าเชื่อ เห็นซูซีมู่เดินไปหาเธอ
ใช่เขามาจริงๆด้วย……
ความขมขื่นที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนได้ออกมาจากใจโล่เฟยเอ๋อ วินาทีถัดจากนั้น น้ำตาก็ร่วงลงมา
เห็นโล่เฟยเอ๋อร้องไห้ ซูซีมู่โกรธจนอยากฆ่าคน เขามาอย่ารีบ แต่ก็ยังปล่อยให้โล่เฟยเอ๋อต้องลำบาก
เขาเดินมาอย่างรวดเร็ว กอดเธอไว้ในอ้อมแขน “อย่าร้อง ผมมาแล้ว”
ได้ยินคำพูดปลอบโยนของซูซีมู่ โล่เฟยเอ๋อก็ร้องไห้หนักขึ้น
ซูซีมู่ยกมือขึ้นแล้วตบหลังของโล่เฟยเอ๋อเบา ๆ จากนั้นใช้น้ำเสียงเจรจาอย่างนุ่มนวล “เชื่อฟังผมนะ ไม่ร้องนะ ผมช่วยคุณระบายความแค้นนะ ดีไหม”
โล่เฟยเอ๋อเงยหน้าขึ้น ร้องไห้และถาม “จริงหรอคะ?”
“จริงสิ ” ซูซีมู่ยกมือขึ้น ใช้ปลายนิ้วปาดน้ำตาบนใบหน้าของโล่เฟยเอ๋อทีละน้อย
โล่เฟยเอ๋อพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “อืม