งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว! - ตอนที่ 213
บทที่213 เธอนัดเขาไปทานข้าว
โล่เฟยเอ๋ออาจจะตื่นเต้นเกินไป เลยไม่สังเกตเห็นความขัดแย้งในคำพูดของซูซีมู่ ยังตอบอย่างเชื่อฟังว่า “คืนนี้เลย”
“หลังเลิกงาน ผมไปรับคุณ ”ซูซีมู่ตอบกลับ
“โอเค ” โล่เฟยเอ๋อตอบเสร็จ แล้วถามเหมือนคิดอะไรได้บางอย่าง “ใช่ละ คุณอยากกินอะไร?”
ซูซีมู่พูดเบา ๆว่า “คุณเป็นคนสั่งเลย”
ซูซีมู่บอกให้เธอสั่ง โล่เฟยเอ๋อเอียงศีรษะ คิดอย่างตั้งใจ
คิดไปด้วยถามไปด้วย “กินที่หยู้ผินเซียง?”
หลังถามเสร็จ ซูซีมู่ยังไม่ตอบกลับ โล่เฟยเอ๋อพูดอีกครั้ง “ กินหลายครั้งแล้ว รู้สึกเบื่อแล้ว…… หรือเปลี่ยนเป็นที่อื่น?”
ซูซีมู่เห็นด้วยแล้วพูด “ดี”
“เปลี่ยนเป็นไหนดีนะ? ”โล่เฟยเอ๋อพึมพำ
ซูซีมู่ถาม “ซินหยูจูเป็นไงบ้าง?”
โล่เฟยเอ๋อผงะ เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าซินหยูจูเป็นที่ที่ซูซิมู่พาเธอไปทานข้าวพร้อมกับประธานเย่และคุณนายเย่เมื่อครั้งก่อน
อาหารในร้านนั้นประณีตกว่าหยู้ผินเซียง อร่อย แต่ราคาแพงกว่าหยู้ผินเซียง
ต้องรู้ว่าการตกแต่งของร้านอาหารนั้นดูหรูหรากว่าร้านหยู้ผินเซียงมาก
ไม่ว่ายังไงเงินเดือนเธอก็ไม่พอจ่าย ต้องใช้แบล็คการ์ดที่ซูซีมู่ให้มาจ่าย ซูซีมู่อยากไปก็ไปได้เลย
ใช้เงินซูซีมู่เชิญซูซีมู่ไปกินข้าว โล่เฟยเอ๋อ คุณตกอับแล้วสิ……
โล่เฟยเอ๋อไม่ได้ตอบกลับซูซีมู่มานานแล้ว คิดว่าเธอไม่อยากไปซินหยูจู แล้วถาม “ไม่อยากไปร้านซินหยูจู นั้นเปลี่ยนที่อื่น”
โล่เฟยเอ๋อดึงสติกลับ รีบตอบ “ไม่ใช่ ไม่ใช่ พวกเราไปซินหยูจู”
ซูซีมู่พูดกลับว่า“โอเค ”
จุดมุ่งหมายของการโทรให้ซูซีมู่ก็สำเร็จแล้ว และยังคุยกันเรื่องคืนนี้กินอะไรด้วย โล่เฟยเอ๋อก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อละ จึงพูดไปว่า “นั้น……ถึงเวลาเจอกันนะคะ”
“ถึงเวลาเจอกัน……”
เมื่อโล่เฟยเอ๋อโทรให้ซูซีมู่ ซูซีมู่กำลังฟังรายงานของหัวหน้ารับผิดชอบของแต่ละแผนกต่างๆด้วยสีหน้าเย็นชา
ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นโทรมาตอนเขายุ่ง เขาจะไม่รับสายเลยด้วยซ้ำ แต่นี่เป็นสายเรียกเข้าจากโล่เฟยเอ๋อ……
ซูซีมู่ทำท่าขอเวลานอกแล้วรับสายโทรศัพท์
โล่เฟยเอ๋อบอกเขาว่า แบบทดสอบของคลาสฝึกอบรมพิเศษ เธอผ่านแล้ว
เขามีความสุขแทนเธอจริงๆ เพราะเขารู้ดี เพื่อแบบทดสอบนี้แล้ว โล่เฟยเอ๋อมีความขยันมากแค่ไหนในช่วงนี้
ดังนั้นเขาจึงแสดงความยินดีกับเธอ
นึกไม่ถึงเลยว่าโล่เฟยเอ๋อจะถามเขาว่าว่างไหม เธอจะชวนเขาไปกินข้าว……
เธอนัดเขาไปกินข้าว……
แล้วซูซีมู่ก็ถึงกับอึ้งไปเลย และความอึ้งของเขาทำเอาโทรศัพท์ในมือของเขาหล่นลงบนโต๊ะทำงานยังไม่รู้ตัว…… และนี่คือสาเหตุที่โล่เฟยเอ๋อได้ยินเสียงปังดังขึ้นทางโทรศัพท์
โทรศัพท์ของซูซีมู่หล่นลงบนโต๊ะทำงาน และในสายตาของคนที่นั่งอยู่ กลับคิดว่าซูซีมู่โยนโทรศัพท์ลงบนโต๊ะทำงาน
โยนโทรศัพท์หมายถึงอะไร? หมายถึงประธานโกรธเหรอ! แต่ละคนนั้นขนาดหายใจยังเกรงๆเลย และนี่คือสาเหตุที่โล่เฟยเอ๋อได้ยินเสียงแปลกๆในโทรศัพท์
โชคดีที่โจวเฉิงซึ่งนั่งอยู่ข้างๆซูซีมู่ตอบสนองได้เร็วกว่า รีบเก็บโทรศัพท์ให้ซูซีมู่
จากนั้นพวกเขาก็เห็นประธานซูของพวกเขาคุยโทรศัพท์เบาๆด้วยสีหน้าที่อ่อนโยน จากประธานที่ปกติจะเย็นชา สีหน้าไร้อารมณ์ตลอด ตอนนี้ได้แสดงสีหน้าที่อ่อนโยนออกมาได้ เกือบทำให้ทุกคนในห้องประชุมตะลึงกันระนาว จนเมื่อซูซีมู่คุยโทรศัพท์จบแล้ว ทุกคนยังไม่มีปฏิกิริยา
เมื่อซูซีมู่วางสาย ใบหน้ายังมีรอยยิ้มเล็กน้อย
แต่ว่า ตอนเขาเงยหน้าขึ้น เมื่อทุกคนในห้องประชุมมองเขาอย่างอึ้งๆ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาหายไปทันที
โจวเฉิงนั่งถัดจากซูซีมู่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของซูซีมู่ทันที กลัวว่าทุกคนจะทำให้ซูซีมู่โกรธ แกล้งไอเพื่อเตือนสติทุกคน
ทุกคนดึงสติกลับมา เห็นซูซีมู่ด้วยใบหน้าที่ไม่แสดงออก และหายสั่นทันที
ซูซีมู่ไม่พูดอะไร เพียงแค่ใช้นิ้วแตะพื้นโต๊ะเบา ๆ ทำเสียงเคาะๆๆ ในห้องประชุมเงียบกริบ แม้แต่เสียงเข็มหล่นลงบนพื้นยังได้ยินเลย
ประมาณหนึ่งนาทีต่อมา เขาแค่พูดเบา ๆ “การประชุมต่อ”
ที่แท้การประชุมยังดำเนินต่อ!
ทุกคนยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่หน้าผาก แล้วประชุมต่อ
การประชุมนี้กินเวลาไปสองชั่วโมง หลังการประชุมซูซีมู่ให้โจวเฉิงจองห้องของซินหยูจู และกลับไปที่ออฟฟิศเพื่อเซ็นอนุมัติเอกสารต่อ
เขาเพิ่งออกจากออฟฟิศ ไปรับโล่เฟยเอ๋อที่บริษัทดี้ก้วน
เมื่อถึงบริษัทดี้ก้วน เป็นเวลาที่บริษัทดี้ก้วนเลิกงานพอดี หยิบมือถือออกมา. และโทรสายของโล่เฟยเอ๋อออก และแล้วสายมือถือของโล่เฟยเอ๋อก็ปรากฏว่าสายไม่ว่าง……
ซูซีมู่ขมวดคิ้ว ใส่มือถือกลับไว้ที่กระเป๋า มองไปทางประตูของบริษัทดี้ก้วน
ผ่านไปไม่ถึงสองนาที เขาเห็นโล่เฟยเอ๋อออกมาจากประตูในขณะที่คุยโทรศัพท์อยู่
ซูซีมู่หยุดชั่วคราว ผลักประตูรถแล้วลงไปรอโล่เฟยเอ๋อ
เขารอ ก็รอไปสิบกว่านาที……
“……คุณป้าเหยา คุณอย่าพูดแบบนี้ ฉันไม่ได้ไม่เห็นด้วยกับป้า เพียงแต่ฉันเพิ่งเปลี่ยนงานเสร็จ ยุ่งนิดหน่อยค่ะ ”โล่เฟยเอ๋อกล่าวอย่างหมดหนทาง
เสียงของเห้อจิ้นเหยาในโทรศัพท์ทำให้ประหลาดใจเล็กน้อย “ทำไมถึงเปลี่ยนงานแล้ว? งานก่อนหน้านี้ไปได้ไม่ดีหรอ?”
“ไม่ใช่ เป็นเขาที่ให้กลับมาทำงานบริษัทดี้ก้วนนี้ ”โล่เฟยเอ๋อตอบด้วยรอยยิ้ม
จิ้นเหยาตอบกลับว่า‘จ้า’ แล้วถามว่า “นั้นหนูจะกลับมาตอนไหน?”
โล่เฟยเอ๋อคิดสักพักแล้วตอบกลับ “อีกไม่กี่วันก็สองกุมภาพันธ์ ตรงกับวันเสาร์แล้ว ฉันจะกลับไปค่ะ”
“นั้นโอเค ”เห้อจิ้นเหยาประนียอมตกลง
โล่เฟยเอ๋อยังอยากคุยต่อกับเห้อจิ้นเหยา แต่เธอเงยหน้าขึ้น เห็นซูซีมู่ยืนพิงอยู่ข้างรถที่จอดอยู่ตรงข้ามถนน หยุดชั่วคราว โล่เฟยเอ๋อรีบพูดบางอย่างทางโทรศัพท์ “คุณป้าเหยาคะ ฉันยังมีเรื่องต้องทำ ขอวางสายก่อนนะคะ ”จากนั้นวางสาย และข้ามถนนไป
โล่เฟยเอ๋อถามอย่างรู้สึกผิด “รอฉันนานยัง?”
ซูซีมู่กล่าวสองคำเบาๆว่า ‘ไม่นาน’ หันไปช่วยเธอเปิดประตูรถฝั่งที่นั่งข้างคนขับ
โล่เฟยเอ๋อรู้สึกแปลก ๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าแปลกตรงไหน จับจมูกเบาๆ แล้วขึ้นรถ
เวลานี้อยู่ในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนหลังเลิกงาน บนถนนรถติดหนักมาก
ขับไปจอดไป ทำคนอารมณ์เสียจริงๆ
วิทยุติดรถของรถคันข้างๆได้เปิดไว้ เป็นเสียงผู้ประกาศหญิงของช่องรายการเพลง
หลังจากผู้ประกาศพูดจบ ดนตรีไพเราะก็ดังขึ้น
โล่เฟยเอ๋อรู้สึกคุ้นเคย และให้ความสนใจเป็นพิเศษ
“……ไม่รู้ว่าเริ่มจากเมื่อไร ฉันชอบคิดถึงคุณเงียบ ๆ โปรดอย่าเยาะเย้ยความหลงใหลของฉัน ฉันรักคุณรักคุณรักสุดหัวใจ……”
เนื้อเพลงที่คุ้นเคยดังขึ้น หัวใจของโล่เฟยเอ๋อเจ็บร้าวอยู่หลายที
ที่แท้เพลงนี้ตรงกับเสียงเพลงรอสายที่โล่เฟยเอ๋อที่ตั้งให้ซูซีมู่โดยเฉพาะ «ซ่อนคุณไว้ในใจ»
โล่เฟยเอ๋ออดไม่ได้ที่จะเริ่มร้องตาม ลืมแม้กระทั่งซูซีมู่นั่งอยู่ข้างๆ “……ไม่เคยกล้าคาดหวังว่าจะได้อยู่กับคุณไปตลอด ขอเพียงแค่ให้ความรักของฉันได้มอบความหวานให้กับคุณ..