งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว! - ตอนที่ 217
บทที่ 217 รักจนสามารถทำให้ได้ทุกอย่าง
ซูซีมู่เอียงศีรษะเล็กน้อย และได้เห็นความคาดหวังจากดวงตาที่มืดมนของโล่เฟยเอ๋ออย่างชัดเจน
คาดหวัง……เธอไม่อยากให้เขาออกไปทำธุระหรอ?
ซูซีมู่แววตาเป็นประกาย จากนั้นถามว่า “ยืนนานขนาดนี้ ขาของคุณไม่เจ็บหรอ?”
ซูซีมู่ไม่พูดยังดี พอพูดปุ๊บ โล่เฟยเอ๋อก็รู้สึกเจ็บขาจริงด้วย
“เจ็บสิ”
ซูซีมู่ได้ก้มหน้าจ้องที่หน้าโล่เฟยเอ๋อ ถามด้วยเสียงต่ำว่า “รู้สึกเจ็บ แล้วยังไม่ไปนั่งอีก?”
คุณยังไม่ได้บอกว่าไม่ออกไปเลย!
โล่เฟยเอ๋อได้ก้มหน้าดึงชายเสื้อของซูซีมู่ และกัดริมฝีปากไม่พูดอะไร
เห็นท่าทีของโล่เฟยเอ๋อ ซูซีมู่ก็เข้าใจเลย ว่าโล่เฟยเอ๋อยังรอคำตอบของเขา ยังคิดที่ทำสงครามกับเขาอย่างไม่หยุด
ตอนแรกที่เขาจะออกไปทำธุระก็เป็นเพราะไม่อยากทำให้เธอไม่สบายใจ แต่ตอนนี้เธอไม่อยากให้เขาออกไปทำธุระ เขาก็ไม่ไปแน่นอนอยู่แล้ว
เปลี่ยนวิธีพูดอีกแบบนึง ขอแค่โล่เฟยเอ๋อมีความสุข ซูซีมู่สามารถทำเพื่อเธอได้ทุกอย่าง
ซูซีมู่ถอนหายใจในใจ จากนั้นพูดทีละคำอย่างช้าๆว่า “ผมไม่ไปแล้ว”
ได้ยินซูซีมู่บอกว่าไม่ไป โล่เฟยเอ๋อก็ดวงตาเป็นประกายสว่างขึ้นมาทันที “จริงนะ?”
“จริงสิครับ”
โล่เฟยเอ๋อได้ตอบ’อืม’ ผ่านไปไม่กี่วินาที เธอเพิ่งจะนึกได้ว่าเธอยังจับชายเสื้อของซูซีมู่อยู่ เธอจึงรีบปล่อยมือ
หลังจากปล่อยมือจึงสังเกตเห็นว่าชายเสื้อของซูซีมู่ที่โดนเธอจับนั้น มันยับยู่ยี่ไปหมดแล้ว เธอรู้สึกเขินเกร็ง”คือว่า……ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ”
“ไม่เป็นไร”หลังจากที่ซูซีมู่ก้มหน้าไปดูที่ชายเสื้อ แล้วก็ได้มองไปทางโล่เฟยเอ๋อ “ไปนั่งบนโซฟาเถอะ”
“อื้ม ได้คะ”โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า แล้วค่อยๆเดินไปทางโซฟา
ซูซีมู่ขมวดคิ้ว แล้วเดินก้าวย่างไป จากนั้นอุ้มเธอจากด้านหลัง
“เฮ้ย….ทำไมคุณ……”ทันใดนั้นเหมือนร่างกายลอยขึ้น โล่เฟยเอ๋อตกใจมาก จากนั้นสังเกตตัวซูซีมู่ เธอถึงกับอึ้ง
“แบบนี้ขาของคุณจะได้ไม่เจ็บ”ซูซีมู่ตอบกลับเบาๆ
แบบนี้ขาของคุณจะไม่เจ็บ……
ประโยคที่เรียบง่ายนี้ ได้เจาะเข้าไปลึกๆในใจที่อ่อนโยนและนุ่มนวลที่สุดของโล่เฟยเอ๋อ ทำให้ใจที่ไม่กล้ารักนั้น กลับมาเต้นแรงอีกครั้ง
ซูซีมู่ไม่ได้ไปออกงานนอกสถานที่ แต่มอบภารกิจนี้ให้กับโจวเฉิง
โจวเฉิงที่น่าสงสาร ตั้งตารอคอยท่านประธานของตนเองข้างนอกวิลล่าแท้ๆ แต่ผลเขาที่รอมากลับเป็นภารกิจที่ต้องไปออกงานนอกสถานที่
วันที่สอง วันที่สาม เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์พอดีไม่ต้องไปทำงาน โล่เฟยเอ๋อได้พักผ่อนอยู่ในบ้านอย่างเชื่อฟัง และช่วงนี้ก็เป็นเวลาออกงานนอกสถานที่ของซูซีมู่ แน่อยู่แล้วว่าไม่ต้องไปที่บริษัท
วันที่สี่เป็นวันจันทร์ โล่เฟยเอ๋อจะไปทำงาน ซูซีมู่ก็ไม่ได้ห้าม และได้ขับรถไปส่งเธอที่บริษัท
เพื่อที่จะให้โล่เฟยเอ๋อเดินน้อยลง ซูซีมู่จอดรถที่โซนต้องห้ามที่อยู่ด้านข้างถนนของตึกใหญ่บริษัทดี้ก้วนโดยที่ไม่คำนึงถึงการลงโทษ
หลังจากซูซีมู่อุ้มโล่เฟยเอ๋อลงจากรถ ก็กล่าวว่า :”ระวังแผลที่ขาด้วย หลังเลิกงาน ผมจะมารับคุณ”
“ค่ะ”โล่เฟยเอ๋อได้พยักหน้า จากนั้นพูดว่า:”ตรงนี้เขาห้ามจอด คุณรีบไปเลย”
ซูซีมู่ตอบว่า’อืม’ แต่ไม่ได้ขยับ
โล่เฟยเอ๋อรู้ถึงความดื้อรั้นของซูซีมู่ ถ้าเธอไม่เข้าไป เขาจะไม่ยอมไปแน่นอน เลยบอกกับซูซีมู่ว่า’ลาก่อน’ จากนั้นก็หันหน้าไปและเดินไปที่บริษัทอย่างช้าๆ
ถึงแม้ซูซีมู่เห็นโล่เฟยเอ๋อเดินได้ช้า แต่ก็ไม่เห็นเธอรู้สึกเจ็บ เลยรู้สึกสบายใจ
เมื่อเห็นว่าโล่เฟยเอ๋อเดินเข้าไปในบริษัทแล้ว ก็ขึ้นรถแล้วจากไป
โล่เฟยเอ๋อไม่ต้องไปทำงานที่สำนักงานออฟฟิศ หลังจากที่เข้าบริษัท เธอเลยไปที่คลาสฝึกอบรมพิเศษโดยตรง
ยังไม่ทันเข้าประตูห้องคลาสฝึกอบรมพิเศษ ก็เห็นเย่รู่ไป๋กับคาริน่าเหมือนกำลังเถียงอะไรบางอย่างแต่ไกล ขณะที่โล่เฟยเอ๋อหยุดเดิน จากนั้นหันหลังเตรียมที่จะเดินถอยออกมา ก็ได้ยินเสียงเย่รู่ไป๋เรียกเธอ
“โล่เฟยเอ๋อ คุณมานี่หน่อย”
โล่เฟยเอ๋อก็หยุดเดิน แล้วหันหน้ากลับไป เดินไปทางที่เย่รู่ไป๋พวกเขาอยู่
หลังจากรอโล่เฟยเอ๋อเดินไปถึงตรงหน้า เย่รู่ไป๋ก็พูดกับโล่เฟยเอ๋อว่า :”คุณพูดกับคาริน่าเองเลย ว่าคุณมีสิทธิ์เป็นตัวแทนของบริษัทเพื่อเข้าร่วมการประกวดไหม?
ตัวแทนของบริษัทเพื่อเข้าร่วมการประกวด? โล่เฟยเอ๋อไม่เข้าใจคำพูดของเย่รู่ไป๋มันหมายความว่าอะไร
คาริน่าเห็นโล่เฟยเอ๋อไม่เข้าใจ เลยอธิบายว่า :”โล่เฟยเอ๋อ ตอนแรกฉันอยากจะเลือกให้คุณเป็นตัวแทนของบริษัทเพื่อไปเข้าร่วมการประกวด แต่เย่บอกว่าคุณไม่มีสิทธิ์?”
ไม่มีสิทธิ์?เพราะเธอถูกบังคับยัดเยียดให้เข้ามา แล้วก็ลางานตามใจตัวเอง?
ปากของโล่เฟยเอ๋อโค้งขึ้นยิ้มแบบขมขื่น จากนั้นกล่าวอย่างเบาๆว่า:”ฉันรู้ละ ขอบคุณพวกคุณที่มาแจ้งให้ทราบนะคะ ฉันขอตัวเข้าไปก่อนค่ะ”
พูดประโยคนี้จบ โล่เฟยเอ๋อก็หันกลับไปแล้วเดินไปที่ประตูทางเข้าของห้องคลาสฝึกอบรมพิเศษ
เย่รู่ไป๋นึกไม่ถึงว่าโล่เฟยเอ๋อจะมีปฏิกิริยาการตอบสนองกลับแบบนี้ ได้แต่จ้องมองด้านหลังของโล่เฟยเอ๋อแบบนิ่งๆ
จนกระทั่งได้ยินเสียงของคาริน่า “เย่ เป็นไปตามที่คุณต้องการแล้ว”
เย่รู่ไป๋ได้มองกลับไปบนหน้าที่ดูไม่พอใจของคาริน่า แล้วก็มีความรู้สึกว่าตัวเองทำอะไรผิด
ทำผิด?เขาแต่มองปัญหาจากด้านสังคมก็เท่านั้นเอง
อีกอย่าง ความสัมพันธ์ระหว่างโล่เฟยเอ๋อกับผู้ช่วยโจว โล่เฟยเอ๋ออาจจะไม่ต้องการการเสนอชื่อจากพวกเขาเลยด้วยซ้ำ
ส่ายหัว เย่รู่ไป๋บอกกับคาริน่าว่า :”คาริน่า คุณให้ความสำคัญกับโล่เฟยเอ๋อมากเกินไปแล้ว”
คาริน่าถอนหายใจ พูดออกมาสองคำ “คงงั้น”
“พอล่ะ ไม่ต้องไปกังวลเรื่องนี้อีก ผมจะนำรายชื่อขึ้นไปส่งข้างบนล่ะ”หลังจากเย่รู่ไป๋พูดจบก็ได้โบกมือให้คาริน่า แล้วเดินจากไป
ถ้าบอกว่าโล่เฟยเอ๋อพอใจต่อการตัดสินของเย่รู่ไป๋มันก็แปลกแล้ว ในเมื่อคาริน่าบอกแล้วว่า ตอนแรกเธอได้เลือกเธอเป็นตัวแทนของบริษัทเพื่อที่จะไปประกวด แต่เย่รู่ไป๋ปฏิเสธความสามารถของเธอ
โล่เฟยเอ๋อกำมืออย่างแรง จากนั้นก็เดินไปนั่งที่ที่นั่งของตนเอง
เพิ่งนั่งลงไป เพื่อนร่วมงานหลายคนที่อยู่ข้างๆก็ล้อมรอบเข้ามา “เฟยเอ๋อ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาทำไมคุณถึงไม่มาเรียนอ่ะ?”
โล่เฟยเอ๋อเงิบสักพัก แล้วตอบ “ฉันมีธุระนิดนึงนะ ก็เลยลา”
“เมื่อวันศุกร์อาจารย์คาริน่าได้เสนอรายชื่อผู้เข้าประกวดแต่แรกแล้ว แต่ผู้จัดการเย่บอกว่า คุณไม่มาทำงาน ให้นำชื่อของคุณออก “เพื่อนร่วมงานกล่าวอย่างน่าเสียดาย
โล่เฟยเอ๋อเพิ่งรู้เรื่องนี้จากปากของคาริน่าเมื่อกี้ จึงไม่แปลกใจนัก เพียงแค่พยักหน้าเบาๆ”อืม ฉันรู้แล้ว”
เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ เห็นโล่เฟยเอ๋อมีปฏิกิริยาที่เงียบๆแบบนี้ ยังคิดว่าเธอได้รับผลกระทบทางใจอย่างร้ายแรงซะอีก จึงกล่าว :”เฟยเอ๋อ คุณสามารถไปหาอาจารย์คาริน่ากับผู้จัดการเย่แล้วลองคุยกันดู บางทีคุณอาจได้เข้าร่วมก็ได้นะ”
โล่เฟยเอ๋อได้ยิ้ม แล้วพูดกับพวกเธอว่า:”ขอบคุณ ไม่จำเป็นแล้ว”
เมื่อเพื่อนร่วมงานเห็นโล่เฟยเอ๋อคิดได้อย่างนี้ ก็ไม่พูดเกลี้ยกล่อมเธอให้ไปหาคาริน่ากับเย่รู่ไป๋อีก พูดเพียงคำปลอบใจไม่กี่คำแล้วเดินจากไป