งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว! - ตอนที่ 232
บทที่ 232 เข้าใกล้ความจริง
หลังจากคุยโทรศัพท์เสร็จ ในห้องหนังสือก็เงียบลง ที่นอกหน้าต่างแสงแดดทอประกายสวยงามมาก สาดส่องลงมาทั่วโลก และเงียบสงบ แต่ทว่า ในใจของซูซีมู่กลับรู้สึกเจ็บปวดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เพียงแต่เขาไม่ได้แสดงออกมาให้เห็นเท่านั้น
นั่นลูกของเขานะ ลูกของเขากับเฟยเอ๋อ แต่เขากลับไม่สามารถปกป้องลูกไว้ได้
เป็นเพราะอะไรเขาถึงไม่ได้ปกป้องลูกให้ดีล่ะ
เฟยเอ๋อเป็นเพราะท้องจึงได้แพ้ท้องจนอ้วก แต่ทำไมเขากลับคิดว่ากระเพาะเธอมีปัญหากันนะ
ทำไมเขาถึงคิดว่าเฟยเอ๋อจะทนไหว แล้วไม่ยอมพาเธอไปตรวจรักษากันนะ
ถ้าหากตอนนั้นเขาพาเฟยเอ๋อไปตรวจรักษา จะต้องตรวจเจอแน่นอนว่าเธอท้องลูกของพวกเขา
เป็นเพราะเขา เป็นเพราะเขาไม่ได้ปกป้องดูแลลูกให้ดี เป็นเพราะเขาไม่ดูแลปกป้องเฟยเอ๋อ
เขาทำผิดต่อลูก ทำผิดต่อเฟยเอ๋อ…
ซูซีมู่ยกมือขึ้นมาปิดหน้า น้ำตาที่เปียกปอนนั้นค่อย ๆ ไหลซึมออกมาจากระหว่างนิ้วมือ…
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูจากด้านนอกดังขึ้น
“คุณชาย คุณอยู่ไหมคะ” เสียงคนรับใช้ดังมาจากด้านนอกประตู
ซูซีมู่ไม่ได้เปิดประตู เพียงแต่ถามกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “มีเรื่องอะไร”
“คุณผู้หญิงหลับอยู่ที่โซฟา คุณไปเรียกเธอดีไหม ให้เธอกลับไปที่ห้อง…” คนรับใช้ไม่ทันพูดจบ ซูซีมู่ก็พูดขัดขึ้นมาทันที : “ฉันจะลงไปเดี๋ยวนี้แหละ”
“ค่ะ คุณชาย” หลังจากเสียงตอบรับของคนรับใช้ เสียงฝีเท้าก็ค่อย ๆ ไกลออกไป
ซูซีมู่ไปล้างหน้าในห้องน้ำ สงบสติอารมณ์ตัวเองสักครู่ จากนั้นก็ลงไปด้านล่าง
เมื่อถึงชั้นล่าง ก็เห็นโล่เฟยเอ๋อนอนหลับอยู่บนโซฟา
เขานิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วค่อย ๆ โน้มตัวลงไปอุ้มโล่เฟยเอ๋อขึ้นมา ขณะนั้นเองโล่เฟยเอ๋อก็ลืมตาขึ้นมา แต่ท่าทางสะลึมสะลือมาก
“อุ้มเธอกลับไปนอนที่ห้องน่ะ” ซูซีมู่เอ่ยพูด
โล่เฟยเอ๋อตอบ อืม กลับคำเดียว จากนั้นก็ยกมือขึ้นคล้องไปที่คอของซูซีมู่ ยื่นหน้าเข้าไปใกล้กับหน้าอกของซูซีมู่แล้วหลับต่อ
ซูซีมู่ก้มหน้ามองไปยังคนที่อยู่ในอ้อมอก แล้วอุ้มโล่เฟยเอ๋อขึ้นไปชั้นบน
หลังจากถึงห้องนอนแล้ว ซูซีมู่วางโล่เฟยเอ๋อลงบนเตียง กำลังจะดึงมือโล่เฟยเอ๋อออกแล้วลุกขึ้น
แต่มือของโล่เฟยเอ๋อกลับยิ่งโอบคล้องคอเขาไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยมือ
ซูซีมู่เป็นห่วงว่าถ้าใช้แรงดึงมือเธอออกจะทำให้เธอตื่นได้ เขาจึงได้แต่นอนกอดเธอบนเตียงแบบนั้น
โล่เฟยเอ๋อซุกตัวในอ้อมกอดเขา หลับลึกยิ่งขึ้นไปอีก
ซูซีมู่ก้มหน้าจ้องมองหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดเขา สีหน้าของเธอยังคงซีดอยู่ แต่ก็ดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มากแล้ว
เขาสัมผัสแก้มเธอเบา ๆ ด้วยความรัก แววตานั้นเต็มไปด้วยความอบอุ่น…
เจ็ดวันผ่านไปเร็วมาก โล่เฟยเอ๋อควรจะต้องกลับไปทำงานที่บริษัทแล้ว
“ลางานหยุดพักอีกสักสองสามวันดีไหม” ซูซีมู่มองไปยังโล่เฟยเอ๋อที่ใบหน้ายังคงซีดขาวเล็กน้อย พลางขมวดคิ้ว
โล่เฟยเอ๋อรีบส่ายหน้า : “ไม่ต้องหรอก”
นิ่งไปครู่หนึ่ง โล่เฟยเอ๋อก็พูดต่อว่า “ไม่มีอันนั้นแล้ว…” ตอนที่พูดถึงอันนั้น ใบหน้าของโล่เฟยเอ๋อแดงระเรื่อ
แต่ใบหน้าซูซีมู่ไม่ได้แสดงท่าทีอะไร เพียงตอบกลับสั้น ๆ ว่า อืม
“งั้นฉันไปทำงานแล้วนะ” โล่เฟยเอ๋อก้มหน้า ปลดสายเข็มขัดนิรภัยเตรียมตัวลงจากรถ
ทันใดนั้นเอง ซูซีมู่ก็เอ่ยปากพูดขึ้นมา “พกอันนี้ไปด้วย”
“อะไร” โล่เฟยเอ๋อหันมามอง เห็นในมือซูซีมู่ถือถุงใบหนึ่งอยู่
เธอรู้สึกงง ยื่นมือรับถึงนั้นมาเปิดดู ด้านในคือเสื้อกั๊กหนึ่งตัว
“ใส่ไว้ อย่าให้ร่างกายหนาวเย็น” ซูซีมู่กล่าว
โล่เฟยเอ๋อยิ้มกว้างออกมา “ได้ค่ะ”
ซูซีมู่เหมือนโดนรอยยิ้มบนใบหน้าเธอแพร่เชื้อติดต่อ เขาเองก็เผลอยิ้มออกมา “เข้าไปเถอะ ฉันเลิกงานแล้วจะมารับเธอ”
“อืม นายขับดี ๆ นะ” โล่เฟยเอ๋อพูดจบก็เปิดประตูลงจากรถ
ซูซีมู่พยักหน้า จากนั้นก็ขับรถออกไป
ยืนมองซูซีมู่ขับรถออกไปแล้ว โล่เฟยเอ๋อถึงจะหมุนตัวเดินเข้าบริษัท เดินไปได้เพียงสองก้าว ก็มีเสียงแตรดังขึ้นมาจากด้านหลัง
เธอหันกลับไป ก็เห็นเย่รู่ไป๋กำลังโบกมือให้เธอจากในรถ
“ผู้จัดการฝ่ายเย่ สวัสดีค่ะ” โล่เฟยเอ๋อนิ่งไปชั่วครู่ จากนั้นก็เดินเข้าไปทักทายเย่รู่ไป๋
สายตาของเย่รู่ไป๋มองไปบนใบหน้าโล่เฟยเอ๋อ จากนั้นก็เอ่ยถาม : “ดีขึ้นหรือยัง”
“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ ขอบคุณผู้จัดการฝ่ายเย่ที่เป็นห่วงค่ะ” โล่เฟยเอ๋อตอบกลับอย่างมีมารยาท
“งั้นก็ดีแล้วล่ะ” ดวงตาเย่รู่ไป๋เป็นประกาย จากนั้นก็เอ่ยถามไปเรื่อย “เมื่อกี้คนที่มาส่งเธอคือแฟนคนนั้นของเธอเหรอ”
แฟนเหรอ โล่เฟยเอ๋องุนงงไปชั่วขณะถึงนึกขึ้นมาได้ว่าที่เย่รู่ไป๋พูดถึงก็คือซูซีมู่
ซูซีมู่ไม่ใช่แฟนของเธอ เขาเป็นสามีเธอ แต่ก็ไม่ใช่สามีเธอ
แววตาโล่เฟยเอ๋อมืดลง เธอตอบกลับไปว่า “ไม่ใช่แฟนค่ะ”
เย่รู่ไป๋จ้องไปที่โล่เฟยเอ๋อ จากนั้นก็พยักหน้า “รีบเข้าไปเถอะ ไม่อย่างนั้นจะสายเอาได้”
ถ้าฉันสายขึ้นมา ก็ต้องโทษนายที่เรียกฉันไว้ไม่ใช่เหรอ โล่เฟยเอ๋อกลอกตาไปมาในใจ พยักหน้าตอบรับเย่รู่ไป๋ แล้วรีบเดินไปยังประตูทางเข้าบริษัท
มองตามหลังโล่เฟยเอ๋อที่เดินจากไป เย่รู่ไป๋ก็ตกอยู่ในภวังค์เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
รถคันนั้นที่มาส่งโล่เฟยเอ๋อที่บริษัทเมื่อสักครู่นี้ เขาเคยเห็นมาก่อน
ถ้าจะพูดให้ถูกต้องคือ เขาเคยเห็นมันที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทซูซื่อ
แต่คนที่ขับรถคันนี้คือใคร เขาก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เพียงแต่เดาได้ว่าจะต้องเป็นคนที่มีตำแหน่งสูงในบริษัทซูซื่อ
โล่เฟยเอ๋อคนนี้ไม่เพียงแค่มีท่านประธานช่วยพาเข้ามาทำงานในบริษัทดี้ก้วนด้วยตัวเอง แต่ยังมีผู้บริหารระดับสูงบางคนของบริษัทซูซื่อมาส่งทำงานด้วย
ภูมิหลังเธอเป็นใครกันแน่นะ
เย่รู่ไป๋ก็เพียงแค่คาดเดาเท่านั้น ไม่ได้คิดจะไปสืบหาความจริงอะไร
พูดเป็นเล่นไป ต่อให้โล่เฟยเอ๋อจะเป็นภรรยาของท่านประทาน มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาสักหน่อย
ไม่พูดไม่ได้ว่า ผู้จัดการฝ่ายเย่นั้นคิดถูกแล้ว
คุณท่านไม่ได้มาเยี่ยมโล่เฟยเอ๋อด้วยตัวเอง แต่ส่งของบำรุงมากมายมาให้ที่คฤหาสน์
ไม่ว่าจะเป็นโสม ห่อสิ่วโอว(สมุนไพรบำรุงเลือด) รังนก เป็นต้น ส่งมามากมายราวกับได้มาฟรีอย่างนั้น
ซูซีมู่กลัวว่าจะทำให้โล่เฟยเอ๋อสงสัยขึ้นมา ฉะนั้นช่วงที่โล่เฟยเอ๋อลางานเจ็ดวันนั้น เขาเลยไม่ได้ให้คนรับใช้เตรียมของบำรุงพวกนี้ให้เธอทานเลย เพียงแค่รอให้โล่เฟยเอ๋อกลับมาทำงานแล้วค่อยเริ่มให้เธอทานของบำรุงพวกนี้
วันก่อนเป็นซุปไก่โสม เมื่อวานทำซุปกระดูกไก่ห่อสิ่วโอว วันนี้เป็นรังนกนึ่ง
“นี่ก็คือรังนกเหรอ” โล่เฟยเอ๋อมองไปในถ้วยที่มีรังนกสีแดงแล้วเอ่ยถามขึ้นมา
ซูซีมู่ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเงยหน้าขึ้นมองเธอ “อืม ทำไมเหรอ”
“ไม่มีอะไร เพียงแค่ไม่เหมือนรังนกที่ฉันเคยกินน่ะ” โล่เฟยเอ๋อส่ายหน้า
ซูซีมู่อยากรู้ขึ้นมา จึงเอ่ยถามพลางขมวดคิ้ว “มีอะไรไม่เหมือนกันเหรอ”
“ที่ฉันเคยกินมันเป็นสีขาว แต่นี่เป็นสีแดง” ขนตาของโล่เฟยเอ๋อกระพริบไปมา จากนั้นก็พูดต่อ “รสชาติก็ไม่เหมือนกันอีกด้วย รสชาติมันเปรี้ยว ๆ หน่อย อ้อ หลายวันก่อนฉันรู้สึกว่ารสชาตินั้นดีมาก แต่ตอนนี้รู้สึกว่ามันหวาน ก็ค่อนข้างดี…”
โล่เฟยเอ๋อพูดเองเออเองอยู่คนเดียว ซูซีมู่ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามได้แต่ขมวดคิ้ว ในหัวได้แต่นึกภาพตาม
รังนกมีรสชาติเปรี้ยว ๆ เหรอ หลายวันก่อนรู้สึกว่ารสชาตินั้นอร่อยงั้นเหรอ
ซูซีมู่รู้สึกว่าเขาเหมือนจะจับจุดอะไรได้บ้างแล้ว แต่แล้วก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาเลย
เขาส่ายหัว พูดแบบผ่าน ๆ ว่า : “รังนกมีมากมายหลายชนิด วิธีทำก็แตกต่างกันไป”
“อ๋อ” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า แล้วทานรังนกในถ้วยต่อ