งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว! - ตอนที่ 279
บทที่ 279 โล่ชิงไป๋ฟื้นแล้ว
เมื่อโล่เฟยเอ๋อกลับมาที่ห้องผู้ป่วย ไม่เห็นเห้อจิ้นเหยา เห็นแค่พยาบาลในห้อง รู้สึกงงงวยเล็กน้อย
“คุณป้าเหยาไปไหนแล้ว?” โล่เฟยเอ๋อออกจากห้องไปถามบอดี้การ์ดหน้าห้อง
บอดี้การ์ดตอบ “คุณนายไปบริษัทแล้ว”
โล่เฟยเอ๋อไม่ได้คิดมาก ขานรับแล้วกลับเข้ามาในห้องผู้ป่วย
เธอเข้ามาในห้อง จากนั้นไม่นานก็พยว่ามือของโล่ชิงไป๋นั้นขยับ
“พ่อ?” โล่เฟยเอ๋อตื่นเต้นตะโกนเรียกพ่อไปหนึ่งครั้ง
โล่ชิงไปดูเหมือนจะได้ยินเสียงของเธอ ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น
เห็นโล่ชิงไป๋ลืมตาขึ้นมา โล่เฟยเอ๋อน้ำตาหยดผล็อยลงทันที
“พ่อ พ่อฟื้นแล้ว!”
โล่ชิงไป๋ที่ฟื้นขึ้นมาสายตาจับจ้องไปที่โล่เฟยเอ๋อ อยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ปากของเขาเบี้ยวเอียง พูดอะไรไม่ออก
โล่เฟยเอ๋อไม่ได้สังเกตในจุดนี้ เธอรีบวิ่งออกจากห้องไปด้วยความตื่นเต้น “หมอ หมอรีบมา พ่อฉันฟื้นแล้ว…..”
โล่เฟยเอ๋อจากไปไม่ถึงหนึ่งนาที ประตูห้องผู้ป่วยเปิดออกอย่างเงียบ ๆ
บอดี้การ์ดที่เฝ้าอยู่ด้านนอกเดินเข้ามา เขามองโล่ชิงไป๋ที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย
จากนั้นจึงหยิบเอาโทรศัพท์ ต่อสายโทรออกไป
“คุณนาย คุณท่านฟื้นแล้ว”
“โล่ชิงไป๋ฟื้นแล้ว?” เห้อจิ้นเหยาตกใจอุทานเสียงดัง
“ใช่แล้ว” บอดี้การ์ดพยักหน้า
“ทำไมถึงฟื้นขึ้นมาได้ล่ะ? ไม่ใช่ว่าหมอบอกว่าเขาไม่ได้สติอาจจะไม่ฟื้นแล้ว….” เห้อจิ้นเหยาพึมพำตรงนั้น
บอดี้การ์ดไม่ได้มีสีหน้าอะไร คอยฟังเงียบ ๆ
เห้อจิ้นเหยาพึมพำเสร็จ จากนั้นจึงเอ่ยถาม “เขาได้พูดอะไรกับโล่เฟยเอ๋อไหม?”
“น่าจะไม่ได้พูด” บอดี้การ์ดมองโล่ชิงไป๋ที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย แล้วพูด “เพราะนายท่านดูเหมือนจะพูดไม่ได้”
“พูดไม่ได้……” เห้อจิ้นเหยานั้นดูเหมือนจะเบาใจขึ้น แล้วสั่งอย่างเข้มงวด “ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ นายจับตาดูไว้ ถ้ามีอะไรให้โทรหาฉัน”
“ครับ คุณนาย” บอดี้การ์ดพยักหน้า วางสาย ออกจากห้องไป
โล่ชิงไป๋บนเตียงผู้ป่วยเบิกตากว้าง จ้องตามบอดี้การ์ดที่เดินออกไป
บอดี้การ์ดเดินออกไปได้ไม่นาน โล่เฟยเอ๋อรีบกลับที่ห้องพร้อมกับหมอ
“หมอ พ่อของฉันเหมือนจะพูดไม่ได้….” โล่เฟยเอ๋อยังพูดไม่ทันจบ หมอก็เอ่ยขัดเธอ
“ญาติออกไปก่อน ให้ฉันตรวจคนไข้อย่างละเอียด”
“ค่ะ รบกวนคุณหมอด้วย” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า ถอยออกจากห้องไป
โล่เฟยเอ๋อออกไปไม่นาน เห้อจิ้นเหยาก็รีบมา
“เฟยเอ๋อได้ยินว่าพ่อเธอฟื้นแล้ว”
“ใช่แล้ว คุณป้าเหยา” โล่เฟยเอ๋อหยักหน้า
“ฟื้นแล้วจริงเหรอ! พระเ้าคุ้มครอง…..” เห้อจิ้นเหยาสองมือไหว้ปลก ๆ จากนั้นจึงเอ่ย “ฉันเข้าไปดูพ่อเธอหน่อย” แล้วก็จะเดินเข้าไปเลย
โล่เฟยเอ๋อดึงเห้อจิ้นเหยาไว้พร้อมบอก: “หมอกำลังตรวจคุณพ่อ ตอนนี้ยังเข้าไปไม่ได้”
“อ่อ งั้นรอก่อน” เห้อจิ้นเหยามองไปที่ห้องผู้ป่วยอย่างใจจดจ่อ ความคิดหลายอย่างเกิดขึ้นในหัว
โล่ชิงไป๋เป็นอย่างไรบ้าง? พูดไม่ได้จริงหรือไม่?
เธอยังไม่ได้จัดการเรื่องทั้งหมด ถ้าหากโล่ชิงไป๋บอกโล่เฟยเอ๋อตอนนี้ เรื่องพวกนั้นที่เธอทำมา ก็เสียแรงเปล่า
ไม่ จะไม่เป็นแบบนั้น
เขาพูดไม่ได้ ไม่ได้เตรียมตัวสถานการณ์ยิ่งหนักขึ้น…..
โล่เฟยเอ๋อไม่ได้สังเกตท่าทางไม่ปกติของเห้อจิ้นเหยา มองแต่ปลายเท้า ไม่รู้กำลังคิดอะไรอยู่
ไม่นาน หมอก็ออกมาจากห้องผู้ป่วย
“หมอ พ่อฉันเป็นอย่างไรบ้าง?” โล่เฟยเอ๋อกับเห้อจิ้นเหยาเข้าไปถามทันที
หมอถอดหน้ากากพลางตอบ “คุณโล่แม้จะตื่นแล้ว แต่อาการไม่ได้ดีนัก”
โล่เฟยเอ๋อชะงักไป ก่อนจะพูดกับหมออย่างกระวนกระวาย: “พ่อฉันฟื้นแล้ว ทำไมอาการถึงยังไม่ดี?”
หมอตอบกลับเสียงต่ำ “เหมือนที่คุณโล่ทราบแล้ว คุณโล่แม้จะฟื้นแล้วแต่พูดไม่ได้”
“ใช่ ฉันรู้แล้ว” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า
“คุณโล่อัมพฤกษ์-อัมพาตครั้งนี้ค่อนข้างสาหัส ระบบทั้งร่างกายได้รับผลกระทบ ไม่เพียงแค่พูดไม่ได้ ร่างกายซีกซ้ายทั้งหมดของเขาก็ใช้การไม่ได้”
ไม่เพียงแค่พูดไม่ได้ ร่างกายซีกซ้ายทั้งหมดของเขาก็ใช้การไม่ได้…..โล่เฟยเอ๋อไม่คาดคิดว่าจะร้ายแรงถึงเพียงนี้
อีกด้านเห้อจิ้นเหยาได้ยินหมอพูดแบบนี้ ใจที่ถูกบีบมาครึ่งวันก็คลายลง
เพราะโล่ชิงไป๋ที่ไม่มีประโยชน์อะไร ไม่สามารถทำอะไรเป็นภัยต่อเธอได้อีก
เธอแสร้งทำเป็นร้องไห้พูดกับหมอ “แล้วชิงไป๋เขาจะกลับมาเป็นปกติได้ไหม?”
“อาการแบบนี้ ยากที่จะกลับมาเป็นปกติ” หมอส่ายศีรษะ
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้…..” เห้อจิ้นเหยาสั่นไปทั้งร่างอย่างรุนแรง แทบจะยืนบนเท้าไม่ไหว
โล่เฟยเอ๋อได้สติกลับมา แล้วรับเธอไว้
เห้อจิ้นเหยาพูดกับโล่เฟยเอ๋อด้วยน้ำตา: “เฟยเอ๋อพ่อของเธอรักษาไม่หายแล้ว…..”
“ไม่หรอก พ่อต้องรักษาหาย” โล่เฟยเอ๋อปลอบเห้อจิ้นเหยา
“ใช่ ต้องรักษาหาย” เห้อจิ้นเหยาพูดเสียงอ่อน นัยน์ตาเย็นชาวาววับ
เธอไม่ได้คิดจะรักษาโล่ชิงไป๋ แต่ทว่า เห็นแก่ที่โล่ชิงไป๋ดีกับเธอและลูกตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอจะเลี้ยงดูเขาอย่างดี…..
โล่เฟยเอ๋อครางรับ แล้วพูดต่อ: “พวกเราไปดูคุณพ่อกันเถอะ”
“ได้” เห้อจิ้นเหยาเก็บสีหน้า พยักหน้า
โล่ชิงไป๋นอนลืมตาอยู่เตียงผู้ป่วยหมือนเดิม แต่เครื่องมือแพทย์รอบตัวเขาน้อยลงไม่น้อย
เห็นโล่เฟยเอ๋อเข้ามา ดวงตาเขาก็สว่างขึ้น ส่งเสียงอืออาออกมาหนึ่งครั้ง
โล่เฟยเอ๋อดึงรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ “พ่อ ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ? คุณป้าเหยามาแล้วนะ”
ได้ยินคุณป้าเหยาสามคำนี้ รูม่านตาของโล่ชิงไป๋ขยายออกทัที ร่างกายเขาอยากขยับแทบตาย เขาอยากบอกโล่เฟยเอ๋อ เห้อจิ้นเหยาคิดทำร้ายเธอ แต่นอกจาก ‘อา’ แล้ว อะไรก็พูดออกมาไม่ได้
แต่โล่เฟยเอ๋อไม่เข้าใจ เธอคิดว่าโล่ชิงไป๋ตื่นเต้นที่เห้อจิ้นเหยามา
เห้อจิ้นเหยาเห็นท่าทางทั้งหมดของโล่ชิงไป๋ แววตาฉายแววหัวเราะเยาะ
แล้วเดินไปที่ข้างเตียงผู้ป่วย ยื่นมือไปกุมมือโล่ชิงไป๋ พูดด้วยน้ำเสียงปนสะอื้น: “ชิงไป๋ ในที่สุดคุณก็ฟื้นแล้ว ฉันตกใจแทบตาย”
โล่ชิงไป๋พยายามผลักเห้อจิ้นเหยาออก เสียดายที่มือของเขา ไม่ฟังคำสั่งขอเขาเลย
โล่เฟยเอ๋อมองพวกเขากุมมือกัน เอ่ยด้วยรอยยิ้มเล็ก ๆ “คุณป้าเหยา คุณคุยกับพ่อเถอะ ฉันจะออกไปก่อน”
“ได้สิ” เห้อจิ้นเหยายิ้มแล้วพยักหน้า
รอโล่เฟยเอ๋อเดินออกจากห้องไปแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าเห้อจิ้นเหยาก็หายไปทันที
เธอสลัดมือโล่ชิงไป๋ออก แล้วพูดเสียงเย็น: “คุณอยากบอกเธอว่าฉันต้องการทำร้ายเธอ?”
“อา….” โล่ชิงไป๋จ้องเห้อจิ้นเหยาอย่างดุดัน มือไม้แกว่งมั่วไปหมด
เห้อจิ้นเหยาไม่โกรธ กลับหัวเราะออกมา “ตอนนี้จำได้แล้วว่าเธอเป็นลูกสาว? เมื่อก่อนคุณทำอย่างไรกับเธอยังจำได้ไหม?”
โล่ชิงไป๋มือไม้หยุดนิ่งไป แววตาเจ็บปวดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เห็นโล่ชิงไป๋แบบนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าเห้อจิ้นเหยายิ่งกว้างขึ้น
“คุณวางใจเถอะ ฉันให้คุณดูแน่ว่าเธอจะตายอย่างไร”
ได้ยินเห้อจิ้นเหยาพูดว่าตาย โล่ชิงไป๋เต็มไปด้วยความโกรธ ดิ้นรนพยายามจะลุกขึ้น เสียดายที่เขาอัมพาตครึ่งซีก ดิ้นรนต่อไปก็เปล่าประโยชน์
เห้อจิ้นเหยามองเขาสายตาเย็น จากนั้นเปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อย เดินออกจากห้องไป……