งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว! - ตอนที่ 29
บทที่ 29 ประธาณซูซื้อเค้กทำไม
งานเปิดตัวสินค้าใหม่ของบริษัทดี้ก้วนจะเริ่มเวลาสิบโมงครึ่ง เก้าโมงโจวเฉิงและพนักงานขับรถก็เข้าไปรับซูซีมู่ที่คฤหาสน์
วันนี้รถติดไม่ขยับ เพื่อสร้างบรรยากาศในรถโจวเฉิงก็พูดเล่นขึ้นมา “ประธาณซู หาผู้บริหารชั้นสูงของบริษัทดี้ก้วนรู้ว่านายไปร่วมงานเปิดตัวสินค้าใหม่ด้วยตนเอง คงจะดีใจน่าดู”
ซูซีมู่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขาหันออกไปมองด้านนอกหน้าต่าง เห็นว่าด้านข้างปากทางเข้าตึกอวิ๋นเหซียงฝั่งตรงข้าม มีร้านเค้กอยู่พอดี มีคนต่อแถวเป็นขบวนยาวออกมา
เขาจำได้ว่าคืนวันนั้นโล่เฟยเอ๋อซื้อเค้กมาจากร้านแถวตึกอวิ๋นเหซียง คิดว่าน่าจะเป็นร้านนี้
เขายังจำได้อีกว่าเค้กที่เธอซื้อชื่อว่าทีรามิสุ …
เหม่อมองอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็พูดขึ้นมา “หยุดรถ”
คนขับรถราวกับว่าเมื่อได้ยินเสียงของซูซีมู่สั่งขึ้นมา ก็เยียบเบรกในทันที
“ประธาณซู เจ้านายมีธุระ… ” ยังไม่ทันที่โจวเฉิงจะพูดจบ ซูซีมู่ก็หันไปทางเขาพลางพูดด้วยเสียงราบเรียบ “คุณลงไป”
ลงรถ? เขาเพียงแค่พูดเล่นสองสามประโยค ประธาณซูถึงกับไล่เขาลงจากรถ?
โจวเฉิงชะงักไปสองวินาที มองไปทางซูซีมู่ด้วยสีหน้าสำนึกผิด “ประธาณซู ผม… ”
ซูซีมู่เหลือบตามองไปทางโจวเฉิงแล้วพูดซ้ำด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ลงรถ ไปซื้อเค้กทีรามิสุที่ร้านเค้กข้างหน้า”
โจวเฉิงไม่กล้าถามอะไรมา รีบลงจากรถทันทีที่รถเทียบฟุตบาธจากนั้นจึงวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดไปยังร้านเค้กที่ซูซีมู่สั่งไว้เพื่อซื้อทีรามิสุ
โจวเฉิงไม่รู้ว่าประธาณซูของเขานั้นตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ แต่แน่ใจมาก ๆ ว่า งานเปิดตัวสินค้าใหม่ของบริษัทดี้ก้วน ประธาณซูของพวกเขาจะไม่ไปปรากฏตัวแน่นอน
พูดเป็นเล่น ประธาณซูจะไปร่วมงานเปิดตัวสินค้าใหม่ จะถือเค้กไปด้วย?
วันนี้เป็นวันเปิดตัวสินค้าใหม่ของบริษัทดี้ก้วน และก็ยังเป็นสินค้าใหม่ตัวแรกหลังจากที่ผู้ช่วยโจวเข้าไปรับช่วงต่อ เหล่าผู้บริหารระดับสูงของบริษัทดี้ก้วนให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งนี้ผู้ช่วยโจวยังส่งผู้ช่วยคนสำคัญข้างกายของประธาณซูมารวมงานเป็นพิเศษ
และยิ่งคาดไม่ถึงคือ เมื่องานเปิดตัวสินค้าเริ่มขึ้น ก็มีสินค้าชิ้นหนึ่งถูกคนกล่าวหาว่าลอกผลงานจของบริษัทจิวเวอรี่อีกแห่ง
คิดไม่ถึงว่าในงานเปิดตัวสินค้าใหม่จะมีสินค้าลอกเลียนแบบออกมา นี่ไม่ใช่เพียงแค่บริษัทดี้ก้วนขายหน้าเท่านั้น แต่เป็นการตบหน้าผู้ช่วยโจวเข้าอย่างจัง โจวเฉิงที่เป็นถึงตัวแทนของผู้ช่วยโจวเข้าร่วมงานเปิดตัวสินค้าใหม่นี้ก็รีบบอกให้ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทดี้ก้วนลบสินค้านั้นออกจากงาน อีกทั้งยังสั่งให้ทางบริษัทดี้ก้วนรีบตรวจสอบ และออกไปรับหน้ากับลูกค้าและสื่อต่าง ๆ
หลินยี่ได้ยินข่าวว่ามีสินค้าที่เป็นการคัดลอกผลงานปรากฏขึ้นในงานเปิดตัวสินค้าใหม่ ก็เกือบเป็นลม
การออกแบบผลงานชินนี้เป็นการออกแบบจากมือของเธอ เป็นการใช้แรงบันดาลใจจากนักออกแบบของบริษัทจิวเวอรี่แห่งหนึ่ง แต่ก็หลายปีมาแล้ว เดิมที่เป็นการออกแบบไปตามความคิด แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อถูกส่งออกไปก็ได้รับการตอบกลับอย่างดี และยังติดเป็นหนึ่งในสินค้าที่จะเปิดตัวใหม่อีกด้วย
หลังจากได้รับข่าวนี้ หลินยี่ดีใจอย่างมาก ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าผลงานชิ้นนี้เป็นการคัดลอกผลงาน แต่เธอคิดว่าเวลามันผ่านไปนานมากแล้ว คงไม่มีใครสามารถดูออกหรอก
แต่คาดไม่ถึง ในงานเปิดตัวสินค้าใหม่ก็มีคนจำได้เสียอย่างนั้น
คร่ำวอดอยู่ในวงการนักออกแบบจิวเวอรี่มาก็หลายปี หลินยี่รู้ดีว่าหากนักออกแบบคนหนึ่งถูกตราหน้าว่าลอกผลงานคนอื่น นักออกแบบคนนั้นก็จะไม่มีที่ยืนในวงการจิวเวอรี่อีกต่อไป
ในตอนที่หลินยี่เดินไปเดินมาอย่างร้อนใจอยู่ในห้องทำงาน ถังหซิวฉีก็เข้ามา
เห็นสีหน้าของหลินยี่ไม่ค่อยดีนัก ถังหซิวฉีก็ถามด้วยความประหลาดใจ “เกิดอะไรขึ้น?”
“เกิดเรื่องนิดหน่อย” หลินยี่ตอบกลับ
ถังหซิวฉีเหลือบไปมองสีหน้าของหลินยี่ เดาว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นคงเป็นเรื่องใหญ่มาก “เรื่องอะไร?”
“งานเปิดตัวสินค้าใหม่ปรากฏผลงานที่คัดลอกมาเป็นการออกแบบของฉัน… ” หลังจากพูดจบ หลินยี่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ถังหซิวฉีเข้าใจดีว่ามันหมายความว่าอย่างไร
ผลงานของหลินยี่ถูกตรวจสอบขึ้นมา เธอก็ไม่สามารถอยู่ที่บริษัทดี้ก้วนได้อีกต่อไปแล้ว
แต่ว่าถ้าหากตรวจสอบแล้วไม่ใช่หลินยี่ แต่เป็นคนอื่นล่ะ? ถังหซิวฉีมีประกายเย็นชาแวบขึ้นมาในตา จากนั้นก็ปั้นสีหน้าเหมือนคนหัวอกเดียวกัน “พี่หลิน เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง? ทีนี้จะทำยังไงดี?”
ถังหซิวฉีทำท่าราวกับพูดไปเรื่อย “ที่จริงมันก็ไม่แน่นะ! ลูกน้องของพี่มีตั้งหลายคน ใครจะไปรู้ว่าจริงๆแล้วเป็นผลงานของพี่ หรือของคนอื่นกันแน่?”
หลินยี่ที่กำลังมีสีหน้าครุ่นคิดหันไปมองถังหซิวฉี ไม่ได้พูดอะไร
แต่ถังหซิวฉีรู้ หลินยี่นั้นเก็บคำพูดนี้ของเขาเอาไว้แล้ว และที่มั่นใจมากกว่านั้น ลูกน้องของหลินยี่ที่สามารถเอามาเป็นตัวตายตัวแทนได้ มีแค่คนนั้นคนเดียว
ถังหซิวฉีหัวเราะเล็กน้อย ลูกขึ้นยืน “พี่หลิน ฉันยังมีธุระ ยังไงไปก่อนนะ”
หลินยี่ตอบรับด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจ
ถังหซิวฉีออกไปได้ไม่นาน หลินยี่ก็ถูกเรียกไปที่ห้องหัวหน้าแผนกออกแบบ
เมื่อหลินยี่เดินเข้าไป หัวหน้าก็ด่าเธอเป็นชุด “หลินยี่ เธอก็เป็นคนเก่าแก่แล้วนะ ทำไมถึงลอกผลงานคนอื่นแบบนี้”
“หัวหน้าขอโทษค่ะ เป็นเพราะฉันดูแลได้ไม่เข้มงวด ถึงทำให้ลูกน้องทำผลงานแบบนี้ออกมา” หลินยี่เริ่มด้วยการขอโทษตามด้วยบอกว่าตนนั้นทำผิด
หัวหน้าได้ยินว่าแบบนั้นไม่ใช่เธอที่เป็นคนออกแบบ นัยน์ตาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที “ผลงานนั้นเธอไม่ได้วาด?”
“ไม่ใช้ฉัน เป็นลูกน้องใหม่ของฉัน ที่จริงแบบนั้นเป็นแบบที่ฉันให้เขาเอาไปเป็นตัวอย่าง แต่ก็ดันเกิดความผิดพลาดถูกส่งมาที่หัวหน้า จากนั้นหัวหน้าก็บอกว่าการออกแบบดีมาก ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งผลงานในงานเปิดตัวสินค้าใหม่ ฉันก็คิดว่านี่จะเป็นโอกาสที่ดีของเธอ ก็เลย… ” หลินยี่พูดออกมาอย่างลื่นไหล หัวหน้าแผนกก็เชื่อในทันที
หัวหน้าแผนกแทรกขึ้นมา “เธอให้โอกาสเด็กใหม่ คือเอาผลงานที่ลอกมานั้นไปให้โอกาสหรือ? เธอรู้มั้ยว่ามันส่งผลกระทบมากแค่ไหน?”
หลินยี่ได้ยินคำพูดนี้จากหัวหน้า ก็เข้าใจว่าหัวหน้าเชื่อเธอแล้ว รีบพูดขอโทษ “ขอโทษค่ะหัวหน้า เป็นเพราะฉันสะเพร่า”
หัวหน้าโบกมือใหญ่ ๆ พลางพูด “เรื่องที่เธอสะเหร่า ฉันค่อยคิดบัญชี ตอนนี้เธอไปเรียกคนที่วาดแบบนี้ให้มาหาฉันก่อน”
“ค่ะ” หลินยี่ปัดความรับผิดชอบไปแล้ว ก็สบายใจขึ้นมา พูดถึงคนนั้นจะพูดได้อย่างไรว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง? ถึงเวลามีทั้งพยาน ทั้งหลักฐาน เธอจะหนีรอดไปได้อย่างไร?
ซูซีมู่ไม่ได้ไปร่วมงานเปิดตัวจริง ๆ เสียด้วย แต่กลับไปที่แผนกออกแบบของบริษัทดี้ก้วนไปหาโล่เฟยเอ๋อ
“คุณมาได้ยังไง?” โล่เฟยเอ๋อเห็นซูซีมู่เดินมาก็รู้สึกคาดไม่ถึง
ซูซีมู่ไม่ได้ตอบกลับโล่เฟยเอ๋อ เพียงแค่ยื่นเค้กให้กับโล่เฟยเอ๋อ
เห็นเค้กที่ตัวเองชอบมากที่สุด โล่เฟยเอ๋อก็ดีใจจนแทบจะบิน “ทีรามิสุ!”
เธอชอบมันจริง ๆ ด้วย! ซูซีมู่ฉีกยิ้มเล็กน้อย “ขอบคุณที่คุณดูแลผมเมื่อวันก่อน”
“ไม่เป็นไรสักหน่อย แต่ว่าเค้กนี้ฉันรับไว้นะ” โล่เฟยเอ๋อแลบลิ้นใส่เขา
ซูซีมู่เห็นท่าทางน่ารักแบบนั้น ก็ยกมือขึ้นมาหมายจะลูบหัวเธอโดยไม่ทันรู้ตัว เมื่อยกมือขึ้นมาได้ครึ่งทางก็คิดขึ้นมาได้ว่าตัวเองกำลังจะทำอะไร ท่าทางของเขายังค้างอยู่เช่นนั้น
โล่เฟยเอ๋อเงยหน้า เห็นท่าทางของเขาก็ขมวดคิ้ว “เป็นอะไรไป?”
ซูซีมู่ทำเป็นเปลี่ยนเรื่อง “คือ คุณยุ่งมั้ยวันนี้? ไปกินข้าวกัน”
“อื้อ ได้” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้น … ” ซูซีมู่กำลังจะพูดอะไรต่อก็มีคนเรียกโล่เฟยเอ๋อ “เฟยเอ๋อ พี่หลินเรียกเธอ”