งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว! - ตอนที่ 367
บทที่ 367 บริษัทจิวเวลรี่นานาชาติไป๋ซื่อ
หลังจากที่ผู้จัดการจากไป โล่เฟยเอ๋อก็ยิ้มควงแขนของซูซีมู่ทันที “อย่าโกรธเลยนะ”
ไอเยือกเย็นบนใบหน้าของซูซีมู่หายไปในพริบตา จับมือของโล่เฟยเอ๋อไว้ เดินเข้าไปในลิฟต์……
สำหรับเรื่องที่ได้พบกับท่านประธานที่เดินด้วยกันกับโล่เฟยเอ๋อในบริษัท ผู้จัดการแค่มองว่าเป็นเรื่องบังเอิญ ไม่เคยคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างโล่เฟยเอ๋อกับซูซีมู่เลย
แน่นอนว่า นี่ก็เป็นเพราะว่า ในเวลานั้นโล่เฟยเอ๋อปลีกตัวออกห่างซูซีมู่
จนกระทั่งตอนที่โล่เฟยเอ๋อนำทีมไปเข้าร่วมการแข่งขันของบริษัทจิวเวลรี่นานาชาติไป๋ซื่อที่แอฟริกาใต้ ได้เห็นซูซีมู่กับโล่เฟยเอ๋ออยู่ด้วยกัน ผู้จัดการถึงรู้ว่า โล่เฟยเอ๋อเป็นนายหญิงของบริษัท……
วันรุ่งขึ้น โล่เฟยเอ๋อเรียกบุคคลทั้งสามที่เธอเลือก มาที่ห้องทำงานของเธอ
หลังจากที่เธอเชิญทุกคนนั่งลง ก็เข้าสู่หัวข้อโดยตรง “รู้ไหมว่าทำไมฉันถึงเรียกพวกคุณมา? ”
ทั้งสามคนนอกจากคาริน่าแล้ว อีกสองคนส่ายหัว
“ฉันเลือกพวกคุณสามคนมาเข้าร่วมกับฉัน” โล่เฟยเอ๋อหยุดชั่วคราว แล้วพูดว่า “ไปเข้าร่วมการแข่งขันของนักออกแบบ ที่บริษัทจิวเวลรี่นานาชาติไป๋ซื่อจัดขึ้น”
เมื่อได้ยินคำว่า บริษัทจิวเวลรี่นานาชาติไป๋ซื่อ สีหน้าของทั้งสามคนก็เปลี่ยนไป
ทำยังไงได้ การผูกขาดทางอัญมณีของบริษัทจิวเวลรี่นานาชาติไป๋ซื่อนั้น น่าสยดสยองเกินไป อะไรก็ตามในวงการจิวเวลรี่ ไม่มีใครไม่รู้ว่า ไม่กี่คำนี้หมายถึงถึงอะไร
ในตอนนี้บริษัทจิวเวลรี่นานาชาติไป๋ซื่อ ถึงกับจัดการแข่งขันของนักออกแบบ ไม่เพียงแต่แปลกใจ แต่ยังประหลาดใจอีกด้วย
“เมื่อก่อนบริษัทไม่มีคุณสมบัติในการแข่งขัน แต่ตอนนี้บริษัท มีคุณสมบัติแล้ว ดังนั้นบริษัทจึงให้ความสำคัญกับการแข่งขันในครั้งนี้มาก” โล่เฟยเอ๋อค่อยๆ พูดขึ้น สายตามองทั้งสามคน ที่อยู่ตรงข้าม “ความสำเร็จหรือความล้มเหลว ขึ้นอยู่ที่เรา”
“ขอถามหน่อยว่า แค่พวกเราทั้งสี่คนหรือ? ” หนึ่งในนักออกแบบถามด้วยเสียงต่ำ
“ใช่” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า แล้วพูดว่า “เวลาแข่งขัน คืออีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า ถึงเวลานั้น พวกคุณไปแอฟริกาใต้พร้อมกันกับฉัน”
“ค่ะ……”
ช่วงเวลาหนึ่งสัปดาห์ ก่อนที่จะไปแข่งขันที่บริษัทจิวเวลรี่นานาชาติไป๋ซื่อ ซูซีมู่ยุ่งมาก
เพื่อที่จะไปแอฟริกาใต้กับโล่เฟยเอ๋อด้วย เขาจำเป็นต้องจัดการงานให้เสร็จล่วงหน้า
โล่เฟยเอ๋อเห็นว่าเขายุ่งมากขนาดนี้ รู้สึกปวดใจยิ่งนัก บอกหลายครั้งแล้วว่า ให้เขาอย่าตามเธอไป ให้เธอไปเองก็ได้แล้ว แต่โดนซูซีมู่ปฏิเสธ
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ในวันที่จะไปบริษัทจิวเวลรี่นานาชาติไป๋ซื่อผู้จัดการก็ได้ไปที่ห้องทำงานของเย่รู่ไป๋ตั้งแต่เช้า
แต่แค่เห็นเพียงพวกคาริน่าสามคนเท่านั้น ส่วนโล่เฟยเอ๋อไม่เห็นแม้แต่เงา
“โล่เฟยเอ๋อล่ะ? ยังไม่มาหรือ? ”
เย่รู่ไป๋ตอบ “คุณโล่ไม่ไปแอฟริกาใต้พร้อมกับพวกเรา”
“เธอไม่ไปพร้อมกันกับเรา จะไปกับใคร? ” ผู้จัดการไม่พอใจแล้ว
“เมื่อถึงเวลาผู้จัดการก็จะรู้เอง” เย่รู่ไป๋ตอบโดยตรง
เมื่อถึงเวลาก็จะรู้เอง……มักจะตอบส่งเขาด้วยประโยคนี้ ผู้จัดการมองตาขวางใส่เย่รู่ไป๋ แต่ก็ไม่ได้ถามต่อไปอีก
เขารู้ดีว่า ถ้าเย่รู่ไป๋ไม่อยากจะพูด เขาถามแล้วก็เปล่าประโยชน์
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปสนามบินเลย……”
เดิมทีโล่เฟยเอ๋อคิดไว้ว่า จะไปแอฟริกาใต้กับพวกผู้จัดการพร้อมกัน ซูซีมู่มีการประชุมฉุกเฉิน ดังนั้นจึงไม่ได้ไปพร้อมกันกับพวกเขา
หลังจากที่ซูซีมู่ประชุมเสร็จ พวกเขาถึงได้นั่งเครื่องบินส่วนตัวไปที่แอฟริกาใต้
หลังจากมาถึงแอฟริกาใต้ โล่เฟยเอ๋อได้โทรติดต่อกับเย่รู่ไป๋ก่อน จากนั้นถึงได้ไปโรงแรมที่พวกเย่รู่ไป๋เข้าพัก พร้อมกันกับซูซีมู่
หลังจากที่เย่รู่ไป๋ได้รับสายของโล่เฟยเอ๋อแล้ว ก็รอพวกเขาอยู่ที่ล็อบบี้ของโรงแรมมาตลอด
หลังจากรอมาครึ่งชั่วโมงกว่า ก็เห็นซูซีมู่เดินจูงมือของโล่เฟยเอ๋อ เดินเข้ามาจากด้านนอกโรงแรม
เขารีบลุกขึ้น เข้าไปทักทาย “ประธานซู คุณนาย”
ซูซีมู่ส่งเสียง ‘อืม’ แล้วถามว่า “จองห้องไว้หรือยัง? ”
“จองไว้แล้ว เป็นห้องเพรสซิเดนเชียล สวีท” เย่รู่ไป๋พยักหน้า หยิบคีย์การ์ดออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
ซูซีมู่รับการ์ดห้องไป จากนั้นก็จูงมือโล่เฟยเอ๋อ เดินเข้าไปในลิฟต์ เหลือเพียงเย่รู่ไป๋ที่สีหน้ากลัดกลุ้ม ยืนอยู่ที่นั่น
ในเวลานี้ผู้จัดการเดินออกมาจากในลิฟต์พอดี เมื่อเห็นเย่รู่ไป๋ ประหลาดใจยิ่งนัก “ฮืม……หัวหน้าเย่ คุณไปพบกับโล่เฟยเอ๋อไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงอยู่ที่นี่? ”
“ฉันได้พบกับคุณโล่แล้ว” เย่รู่ไป๋เหลือบมองผู้จัดการแล้วตอบกลับ
ผู้จัดการส่งเสียง ‘อ๋อ’ ก่อน แล้วถามว่า “เรื่องการแข่งขัน คุยกับเธอได้ยังไงบ้าง? ”
“ไม่ได้คุย” เย่รู่ไป๋ตอบตามความเป็นจริง
เมื่อผู้จัดการได้ยินสิ่งที่เขาพูด แทบจะกระอักเลือด “คุณมาหาเธอโดยเฉพาะ แต่ไม่ได้คุย? คุณไม่รู้หรือว่า พรุ่งนี้เราก็จะไป บริษัทจิวเวลรี่นานาชาติไป๋ซื่อแล้ว? ตอนนี้คุณไม่คุยกับเธอ คุณเตรียมจะคุยกับเธอเมื่อไหร่? ”
“เอ่อ……” เย่รู่ไป๋ลูบจมูกอย่างเก้อเขิน
“ช่างเถอะ ฉันไปคุยกับเธอเอง เธอพักอยู่กับพวกคาริน่าใช่ไหม……” ผู้จัดการพูดขณะที่เดินเข้าไปในลิฟต์
เย่รู่ไป๋รีบจับมือเขาไว้ “คุณอย่าไป เธอไม่ได้พักอยู่กับพวกเธอ”
ผู้จัดการขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วถามว่า “เธอพักอยู่ที่ไหน? ”
เย่รู่ไป๋ไม่ได้ตอบคำพูดของผู้จัดการ เพียงพูดว่า “ฉันโทรหาเธอแล้วกัน”
“ได้” ผู้จัดการพยักหน้า
เย่รู่ไป๋หยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วโทรหาโล่เฟยเอ๋อ
แต่แล้วคนที่รับสายไม่ใช่โล่เฟยเอ๋อ แต่เป็นซูซีมู่
“ฮัลโหล? ”
เมื่อได้ยินเสียงผู้ชายที่ดังมาจากปลายสาย เย่รู่ไป๋ก็ถึงกับผงะไปชั่วขณะ จากนั้นก็ตั้งตัวได้ รู้ว่าเป็นท่านประธาน จึงรีบเรียกว่า ‘ประธานซู’
เขาไม่สังเกตว่า ตอนที่เขาเรียกประธานซู ผู้จัดการที่อยู่ข้างๆ สีหน้าแปลกประหลาด
“นายหาเฟยเอ๋อ มีเรื่องอะไร? ”
เย่รู่ไป๋ตอบว่า “ฉันอยากจะคุยเรื่องการแข่งขันกับคุณโล่”
“สายหน่อยค่อยเข้ามา”
“ครับ……”
หลังจากวางสาย ที่เย่รู่ไป๋ต้องเผชิญ ก็คือสายตาที่แปลกประหลาดของผู้จัดการ
“มีอะไรเหรอ?” เย่รู่ไป๋ถามแปลกๆ
ผู้จัดการถามว่า “คุณโทรหาประธานซู? ”
เมื่อกี้ทำไมเขาตื่นเต้นจนลืมไปว่าผู้จัดการอยู่ข้างๆ ? เย่รู่ไป๋หลบสายตาเล็กน้อย แล้วพูดว่า “ผู้จัดการ คุณได้ยินผิดแล้วมั้ง? เมื่อกี้ฉันได้โทรหาคุณโล่ แล้วคนที่รับสาย คือสามีของคุณโล่”
“โล่เฟยเอ๋อแต่งงานแล้วหรือ?” ความสนใจของผู้จัดการเปลี่ยนไปทันที
“แต่งงานแล้ว” คนรักยังเป็นคนที่คุณคิดยังไงก็คิดไม่ถึง
สีหน้าของผู้จัดการเปลี่ยนไปอีก ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ หลังจากนั้นไม่นาน ก็พูดว่า “คุณจะไปคุยกับเธอตอนนี้เลยหรือ? ”
เย่รู่ไป๋ตอบว่า “สายหน่อยค่อยเข้าไป”
ผู้จัดการส่งเสียง ‘อ๋อ’ จากนั้นก็เดินไปที่ลิฟต์
ผู้จัดการเพิ่งออกจากลิฟต์ไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงเข้าไปในลิฟต์อีกแล้ว?
เย่รู่ไป๋มักจะรู้สึกว่า พฤติกรรมของผู้จัดการแปลกประหลาดมาก……
หลังจากที่ผู้จัดการกลับมาที่ห้อง ก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรออก หลังจากที่อีกฝ่ายรับสาย เขาก็พูดเป็นภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว “พวกคุณตรวจสอบยังไง? ทำไมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโล่เฟยเอ๋อพาสามีมาด้วย”
ทางนี้มีเสียงผู้หญิงที่แหบแห้งดังขึ้น “เธอก็แค่พาสามีมาเท่านั้นเองไม่ใช่หรือ? เรื่องใหญ่โตอะไรกัน? ”
ผู้จัดการพูดด้วยสีหน้าที่ดูไม่ดีเล็กน้อย “คุณไม่รู้หรือว่า ข้างกายของเธอมีคนเพิ่มขึ้นมาคนหนึ่ง จะทำให้แผนของเราผิดพลาดได้? ”
บุคคลที่อยู่ทางปลายสาย พูดอย่างไม่พอใจ “ผู้จัดการไม่มีความมั่นใจในตัวเองหรือ? ”
เมื่อฟังคำพูดของอีกฝ่าย สีหน้าของผู้จัดการก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย สุดท้ายก็พูดว่า “ฉันรู้แล้ว วางสายก่อน…