งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว! - ตอนที่ 374
บทที่ 374 ทวงคนถึงบ้าน
ตอนที่ไป๋หวนหยู่วิ่งออกจากบ้านพักตากอากาศ ก็เห็นซูซีมู่ขึ้นไปบนรถพอดี
เขารีบพูดขึ้นอย่างรีบร้อนว่า “รอก่อน ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ”
ซูซีมู่ที่กำลังขึ้นรถชะงักไป จากนั้นก็พูดออกมาสองคำ ‘ขึ้นรถ’ แล้วก็ขึ้นรถไปทันที
ไป๋หวนหยู่ก็วิ่งเหยาะๆ ตามไป เปิดประตูรถข้างคนขับของซูซีมู่ ขึ้นไปนั่ง
เขายังไม่ทันได้นั่งดีๆ รถของซูซีมู่ก็พุ่งตัวออกไปแล้ว
ทำไมต้องขับเร็วอย่างนี้ด้วยเนี่ย เกือบจะบินได้อยู่แล้ว ……สองขาของไป๋หวนหยู่สั่นระริก จากนั้นก็ยื่นมือดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดไว้บนตัว
“ผมรู้จักคนที่ชื่อไอบุต”
“อืม” ซูซีมู่รอคำพูดต่อไปของเขาอย่างสงบ
นิสัยแบบนี้……ไป๋หวนหยู่ลูบจมูกตัวเอง จากนั้นก็เริ่มแนะนำไอบุต
“ไอบุตเป็นขุนนางมาห์มุดของฝรั่งเศสยุคกลาง ถึงตอนนี้จะไม่มีตำแหน่งมาห์มุดแล้ว ก็ได้ใช้เงินทองที่ได้สะสมไว้ก่อตั้งบริษัทมาห์ขึ้น อะแฮ่ม ……แน่นอนว่าคงเทียบกับบริษัทซูซื่อไม่ได้”
หยุดไปชั่วครู่ ไป๋หวนหยู่ก็กล่าวต่อไปว่า “คนของตระกูลไอบุตล้วนเป็นคนของบริษัทบริษัทมาห์ มีเพียงไอบุตที่ชื่นชอบการออกแบบจิวเวลรี่ จนได้เป็นนักออกแบบจิวเวลรี่ ตอนเขาอายุยี่สิบห้าปีก็ได้รับรางวัลการแข่งขันจิวเวลรี่ระดับโลก ตอนอายุสามสิบห้าก็ได้ก่อตั้งแบรนด์ของตัวเองขึ้นในนามไล๋เค่ จากนั้นเขาก็กลายเป็นนักออกแบบจิวเวลรี่ระดับโลก และตอนที่ธุรกิจของเขากำลังรุ่งเรืองถึงขีดสุด เขากลับเลือกที่จะลาออกจากวงการจิวเวลรี่ จากนั้นก็ไม่เคยได้ยินข่าวคราวของเขาอีกเลย คิดไม่ถึงว่าเขาจะอยู่ที่เคปทาวน์”
ได้ยินการแนะนำของไป๋หวนหยู่ คิ้วของซูซีมู่ก็ขมวดขึ้นอย่างดุร้าย
ทำไมคนแบบนี้จึงต้องการลักพาตัวเฟยเอ๋อ
ไป๋หวนหยู่ชำเลืองมองสีหน้าของซูซีมู่ จากนั้นก็ถามขึ้นว่า “ตามหลักแล้วเขาน่าจะไม่มีความเกี่ยวข้องกับภรรยาของคุณ ทำไมเขาต้องลักพาตัวเธอด้วย หรือว่าภรรยาคุณเคยมีเรื่องกับเขาหรือ”
“ไม่มี” ซูซีมู่ตอบ
“ทำไมคุณถึงรู้ว่าไม่มี” ไป๋หวนหยู่ถาม
ซูซีมู่สีหน้าขรึมลง ไม่พูดจา
ไป๋หวนหยู่ลูบจมูก พูดขึ้นว่า “ความสัมพันธ์ของเขากับพ่อผมนับว่าไม่เลว ผมจะโทรหาพ่อผม ให้เขาช่วย”
“ขอบคุณ……”
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง พวกเขาก็มาถึงประตูหน้าบ้านพักตากอากาศหลันโปวานเลขที่12
น่าจะเป็นเพราะพ่อของไป๋หวนหยู่ได้คุยกับไอบุตก่อนแล้ว หลังจากที่ไป๋หวนหยู่พูดชื่อออกไป พ่อบ้านของบ้านพักตากอากาศก็ให้พวกเขาเข้าไป
“คุณผู้ชายกำลังรอพวกคุณอยู่ที่ห้องหนังสือครับ”
“ขอบคุณ” หลังจากที่ไป๋หวนหยู่กล่าวขอบคุณ ก็เดินตามพ่อบ้านไปยังห้องหนังสือพร้อมกับซูซีมู่
มาถึงหน้าประตูห้องหนังสือ พ่อบ้านก็เอ่ยขึ้นกับไป๋หวนหยู่กับซูซีมู่ว่า ‘รอสักครู่’ จากนั้นจึงยกมือขึ้นเคาะประตู
“มีอะไร” ข้างในมีเสียงขรึมต่ำส่งออกมา
พ่อบ้านตอบว่า “คุณผู้ชายครับ คุณไป๋มาแล้ว”
คนข้างในตอบกลับว่า “ให้เขาเข้ามา”
“ครับ คุณผู้ชาย” พ่อบ้านผลักบานประตูออก จากนั้นก็หมุนตัวกลับมาทำท่า ‘เชิญ’ ให้กับไป๋หวนหยู่กับซูซีมู่ “เชิญคุณทั้งสอง”
ไป๋หวนหยู่พยักหน้า กับซูซีมู่ที่อยู่หน้าคนหลังคนเดินเข้าไปในห้องหนังสือ
สายตาของไอบุตจรดอยู่ที่ร่างของซูซีมู่ที่มีใบหน้าเย็นชา จากนั้นจึงมองไปที่ไป๋หวนหยู่ “คุณเหมือนกับพ่อของคุณมาก”
“ขอบคุณคุณไอบุตที่ชม” ไป๋หวนหยู่ตอบกลับอย่างสุภาพ
ไอบุตหรี่ตาลง จากนั้นก็เอ่ยเชิญพวกเขา “เชิญนั่ง”
ไป๋หวนหยู่พยักหน้านั่งลง แต่ซูซีมู่กลับเอาแต่มองไอบุตด้วยสายตาเย็นชาไม่เคลื่อนไหว
ซูซีมู่มองไปทางเขาแวบหนึ่ง จากนั้นก็นั่งลงบนโซฟา
สายตาของไอบุตอยู่บนร่างของซูซีมู่ “คนนี้คือ”
ไป๋หวนหยู่อมยิ้มอธิบายกับไอบุตว่า “เขาคือประธานของบริษัทซูซื่อซูซีมู่”
ไอบุตได้ยินคำพูดของไป๋หวนหยู่ สีหน้ามีแววประหลาดใจ จากนั้นก็ลุกขึ้น ยื่นมือออกไปหาซูซีมู่ “ประธานซู ยินดีที่ได้พบ”
ซูซีมู่ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ชำเลืองมองมือของไอบุตที่ยื่นมา ไป๋หวนหยู่มีความรู้สึกว่า เหมือนซูซีมู่กำลังครุ่นคิดว่าจะบิดมือของไอบุตให้หักอย่างไง เขารีบพูดขึ้นว่า “คุณไอบุต ที่พวกเรามาวันนี้ เพราะมีเรื่องนิดหน่อย”
ไอบุตเก็บมือกลับไปอย่างรู้สึกทำตัวไม่ถูก กระแอมขึ้นเบาๆ สองเสียงถามว่า “พวกคุณมีเรื่องอะไร”
ไป๋หวนหยู่ไม่เกรงใจ พูดจุดประสงค์ของการมาอย่างตรงไปตรงมา “อยากถามคุณไอบุตว่า คุณโล่เฟยเอ๋ออยู่ที่นี่หรือเปล่า”
ไอบุตคิดไม่ถึงว่าที่ไป๋หวนหยู่มาหาเขาก็เพราะโล่เฟยเอ๋อ โล่เฟยเอ๋อเป็นวิธีการเดียวที่เขาจะได้พบกับไค่ตี้ เขาจะส่งเธอกลับไปได้ไง
สีหน้าเขาไม่เปลี่ยน เอ่ยอย่างเฉยชา “คุณโล่เฟยเอ๋ออะไรกัน ผมไม่รู้จัก”
ซูซีมู่ลุกขึ้นยืน จากนั้นยังไม่ทันที่ไอบุตจะรู้ตัว ก็กระชากคอเสื้อของเขาไว้
ลงมือโดยไม่ไว้หน้ากันเลย ไป๋หวนหยู่ถอนหายใจในใจ จากนั้นก็ลุกขึ้นมา รีบพูดกับไอบุตว่า “คุณไอบุต คุณน่าจะเข้าใจดี ในเมื่อพวกเรามาถึงที่ แน่นอนว่าต้องได้ข่าวที่ได้รับการยืนยันแล้ว”
สีหน้าของไอบุตขาวซีด จากนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า “เจ้าลูกชายของตระกูลไป๋ คุณแน่ใจแล้วหรือว่าจะไม่คิดเผื่อตระกูลของคุณ เพื่อดีไซเนอร์คนเดียวคิดจะเป็นปรปักษ์กับผมเหรอ”
ได้ยินคำพูดของไอบุต ไป๋หวนหยู่หัวเราะ “แม้จะมาสู้กับคนทั้งตระกูลไป๋ พวกเราทั้งหมดก็สู้ยิบตาเช่นกัน”
คำพูดของไป๋หวนหยู่ทำเอาไอบุตลืมตาโตอย่างคาดไม่ถึง และซูซีมู่เองก็มองเขาด้วยสายตาที่แฝงด้วยความนัยอันลึกล้ำ
ไป๋หวนหยู่ได้สติก็รู้ว่าตนเองเปิดเผยบางเรื่องออกไป รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ไอบุต คุณห่วงตัวคุณเองดีกว่า ว่าจะทำอย่างไรให้ประธานซูหายโมโห”
ไอบุตมองไปยังซูซีมู่ที่สีหน้าไม่น่าดูนัก “เกี่ยวอะไรกับเขา”
ไป๋หวนหยู่เอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ “ต้องเกี่ยวแน่นอน เพราะว่าคุณโล่เฟยเอ๋อเป็นภรรยาของประธานซู”
“จะเป็นไปได้ยังไง” สายตาของไอบุตมีแววประหลาดใจ
หากว่าเป็นแค่บริษัทจิวเวลรี่นานาชาติไป๋ซื่อ ไอบุตยังสามารถใช้อำนาจของตระกูลตนสู้ได้ แต่หากเป็นบริษัทซูซื่อที่ร่ำรวยเป็นอันดับหนึ่งในประเทศแล้วละก็ นอกจากเขาจะสู้ไม่ได้แล้ว ยังต้องเอาตระกูลของเขาทั้งหมดไปพัวพันด้วย
ซูซีมู่กล่าวอย่างเย็นชาว่า “ปล่อยเธอ”
ไอบุตกลืนน้ำลาย ตอบอย่างระมัดระวังว่า “ประธานซู ที่จริงผมไม่ได้ตั้งใจจะจับตัวคุณผู้หญิงของคุณ ผมเพียงแต่เชิญเธอมาเพื่อขอความช่วยเหลือ”
“ลักพาตัวเธอมาให้ช่วยเหลือ” ซูซีมู่มองอากัปกิริยาของไอบุต ราวกับคนตายไม่มีผิด
ไอบุตตัวสั่น จากนั้นก็ยกมือขึ้นสาบาน “ผมสาบานได้ ว่าเป็นเรื่องจริง ผมเพียงแค่ต้องการให้คุณผู้หญิงช่วยผมติดต่อไค่ตี้ เฟยลี่ผู่”
ซูซีมู่หรี่ตาลง “คุณไค่ตี้เหรอ”
“ถูกต้อง” ไอบุตพยักหน้า จากนั้นก็กล่าวว่า “เธอหลบหน้าผมเกือบสิบปีแล้ว คุณผู้หญิงเป็นคนเดียวที่รู้ข่าวคราวของเธอ ผมก็เลยอยากให้คุณผู้หญิงช่วยผมติดต่อ……”
ซูซีมู่ขัดประโยคต่อไปของไอบุตอย่างหงุดหงิด “แล้วเฟยเอ๋อล่ะ”
“ผม……จะให้คนพาเธอมาเดี๋ยวนี้” ไอบุตชำเลืองมองซูซีมู่แวบหนึ่ง จากนั้นก็สั่งการให้พ่อบ้านไปรับตัวโล่เฟยเอ๋อมา