งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว! - ตอนที่ 396
บทที่396 หลังจากโดนปฏิเสธก็กลับมาเจอกันอีกครั้ง
เพราะเวลาค่อนข้างดึกมากแล้วโล่เฟยเอ๋อและซูซีมู่จึงไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาลนาน ทั้งคู่กลับออกมา
วันต่อมาขณะที่พวกเขากำลังจะไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลอีกครั้ง ลู่ยู่ส่งข่าวมาบอกว่าเหซิงโม่เองก็มาเยี่ยมหซิวหชูเฉียว พวกเขาจึงโทรนัดเหซิงโม่มากินข้าวกัน
หลังจากนัดแนะเสร็จ ซูซีมู่กับโล่เฟยเอ๋อออกจากโรงพยาบาลมาด้วยกัน แล้วก็บังเอิญพบกับซูยุ่นที่หน้าประตู
“พี่สะใภ้กับพี่มาที่เมืองหลวงตั้งแต่เมื่อไหร่คะ? ” ซูยุ่นเจอโล่เฟยเอ๋อกับซูซีมู่เข้า ก็ดีใจสุดๆ
“พวกเรามาเมื่อคืนน่ะ” โล่เฟยเอ๋อตอบ
ซูยุ่นร้อง ‘อ้อ’ จากนั้นก็ให้ความสนใจไปที่ส่วนท้องของโล่เฟยเอ๋อ แล้วว่า “ได้ยินคุณลุงบอกว่าพี่สะใภ้ท้องแล้วหรอคะ ฉันไปอยู่บ้านพวกพี่ตั้งหลายวันทำไมไม่สังเกตเลยนะ”
โล่เฟยเอ๋อหัวเราะแหะๆ “ตอนนั้นเพิ่งจะสองเดือน ดูไม่ออกหรอก”
“ตอนนี้สี่เดือนแล้วก็ยังดูไม่ออกอยู่ดีนะคะ” ซูยุ่นจ้องหน้าท้องของโล่เฟยเอ๋อไม่วางตา
โล่เฟยเอ๋อส่ายหน้า “เปล่า เพราะฉันสวมเสื้อคลุมอยู่ เธอเลยมองไม่เห็น”
“แบบนี้เองหรอคะ” ซูยุ่นพยักหน้า แล้วถาม “พี่สะใภ้กับพี่มาทำอะไรโรงพยาบาลคะ? ”
“ลูกของพี่ลู่ยู่ของเราคลอดแล้ว เราสองคนก็เลยมาเยี่ยมหลานน่ะ” โล่เฟยเอ๋อตอบ
ซูยุ่นตกใจ “ลูกของพี่ลู่ยู่ คลอดแล้วหรอคะ? ”
“ใช่แล้ว” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า แล้วถามต่อ “ซูยุ่น อีกเดี๋ยวยุ่งหรือเปล่า? ”
“เฟยเอ๋อ…” ซูซีมู่เงียบมาตลอด จู่ๆ ก็พูดขึ้น
โล่เฟยเอ๋อมองซูซีมู่ด้วยสีหน้าสงสัย “คะ? ว่ายังไง? ”
“เปล่า” ซูซีมู่หันมาพูดกับซูยุ่น “พี่นัดกินข้าวกับเหซิงโม่ไว้ เธอจะไปด้วยไหม? ”
ซูยุ่นนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า “ไปสิคะ”
โล่เฟยเอ๋อเห็นซูยุ่นพยักหน้า ก็พูดอย่างดีใจ “กินข้าวเสร็จ พวกเราไปช็อปปิ้งกัน”
“ค่ะ…”
ตกลงตามนั้น ซูยุ่นตามซูซีมู่และโล่เฟยเอ๋อมายังโรงแรมใหญ่แห่งเมืองหลวง และก็ได้พบกับเหซิงโม่ที่ตั้งแต่วันที่เธอถูกปฏิเสธก็ไม่เคยเจอกันอีก
เหซิงโม่เองก็คิดไม่ถึงว่าซูยุ่นจะมาพร้อมพวกเขา ตั้งแต่วันที่เธอสารภาพรักและเขาก็ปฏิเสธไป ซูยุ่นที่เคยโผล่หน้ามาให้เขาเห็นบ่อยๆ ก็ไม่มาเจอเขาอีกเลย เขาต้องใช้เวลาปรับตัวอยู่นานกว่าจะชิน
วันนี้จู่ๆ ก็ได้เจอกับซูยุ่นอีกครั้ง เขารู้สึกประหลาดใจไม่น้อย
แต่ก็ไม่ได้มานั่งคิดว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนั้น เหซิงโม่ลุกขึ้นทักทุกคน “มากันแล้ว นั่งก่อนๆ ”
ซูซีมู่และโล่เฟยเอ๋อนั่งข้างกันเช่นปกติ ในขณะที่ซูยุ่นไม่ได้พยายามนั่งใกล้เหซิงโม่เหมือนเมื่อก่อน แต่กลับนั่งลงตรงเก้าอี้ว่างข้างๆ โล่เฟยเอ๋อ
เหซิงโม่เห็นท่าทางของซูยุ่น ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงรู้สึกไม่สบายใจนัก
ซูซีมู่เอ่ยถาม “สั่งอาหารไปหรือยัง? ”
“ไม่รู้ว่าพวกนายจะกินอะไร ก็เลยยังไม่ได้สั่ง” เหซิงโม่ดึงสายตากลับ เขาหยิบเมนูขึ้นมาสองชุด แล้วส่งให้ซูซีมู่กับซูยุ่น “อยากกินอะไรสั่งเองแล้วกัน”
ซูซีมู่ไม่เกรงใจ เขารับเมนูมาแล้วพลิกดูทันที
หากเป็นเมื่อก่อน ซูยุ่นคงจะรับเมนูมาแล้วสั่งของชอบของเหซิงโม่มาเต็มโต๊ะ แต่วันนี้กลับไม่เป็นอย่างนั้น
“ฉันติดสอยห้อยตามมา พวกพี่สั่งอะไรฉันก็กินได้หมด”
ใบหน้าของเหซิงโม่ชะงักไปเล็กน้อย เขาหยิบเมนูกลับมาแล้วกะจะสั่งให้ซูยุ่นสักสองอย่าง
แต่เขาเพิ่งรู้ เขากับซูยุ่นเคยกินข้าวด้วยกันแทบนับครั้งไม่ได้ แต่ทุกครั้งเป็นซูยุ่นที่สั่งให้เขาตลอด ส่วนเขาไม่เคยรู้เลยว่าซูยุ่นชอบกินอะไร
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้า เธอกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์ ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่มักจะเข้ามาจอแจชวนเขาคุย
นี่เป็นสิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่หรอ? เหซิงโม่ส่ายหน้า แล้วพลิกเมนูต่อ
ซูยุ่นจ้องเบอร์โทรศัพท์บนหน้ารายชื่อผู้ติดต่อในวีแชท หรือจะพูดให้ชัดคือเบอร์ของใครสักคนที่เธอเมมไว้ว่า ‘หุ่นไม้’
นิ้วเรียวดึงเข้าดึงออกอยู่ตรงตำแหน่ง ‘เพิ่มเพื่อน’ สุดท้ายก็ตัดสินใจครั้งใหญ่ กดตรง ‘เพิ่มเพื่อน’ ลงไป
หลังจากกดไปเรียบร้อย เธอก็นั่งรออีกฝ่ายยอมรับอย่างใจจดใจจ่อ จนกระทั่งพนักงานเข้ามาเสิร์ฟอาหาร อีกฝ่ายก็ยังเงียบ เธอโยนโทรศัพท์ลงบนโต๊ะอย่างหงุดหงิด จนโทรศัพท์เกือบกระเด็นเข้าไปในจาน
ทุกคนหันมามองอย่างตกใจ “เป็นอะไรหรือเปล่า? ”
“เปล่าค่ะ พอดีฉันไม่ทันระวัง” ซูยุ่นหยิบโทรศัพท์ที่เลอะอาหารไปแล้วนิดหน่อยขึ้นมาอย่างขัดเขิน
“เปลี่ยนจานให้ทีค่ะ” โล่เฟยเอ๋อกันไปสั่งกับพนักงาน พร้อมกับล้วงหากระดาษทิชชู่ในกระเป๋าแล้วยื่นให้ซูยุ่น “พี่มีทิชชู่อยู่”
“ขอบคุณค่ะพี่สะใภ้” ซูยุ่นรับกระดาษทิชชู่มา ขณะกำลังเช็ดทำความสะอาดโทรศัพท์ เสียงแจ้งเตือนก็ดังขึ้น
เธอนิ่งไปเล็กน้อย ขณะที่เปิดโทรศัพท์ขึ้นดูแจ้งเตือนที่ ‘หุ่นไม้’ ยอมรับเป็นเพื่อน มุมปากของเธอก็ยกยิ้ม
จากนั้นเธอก็ส่งข้อความไปหาอีกฝ่ายพร้อมกับกินข้าวไปด้วย
[สวัสดี]
ผ่านไปสักพัก อีกฝ่ายถึงตอบกลับมา [สวัสดี]
เป็นนายหุ่นไม้จริงๆ นั่นแหละ คนเขาส่งสวัสดีไป นายก็ตอบสวัสดีกลับ ไม่ขาดไม่เกินแม้แต่คำเดียว
ซูยุ่นคีบกับข้าวเข้าปาก จากนั้นพิมพ์ตอบกลับ [นายกินข้าวหรือยัง?]
ครั้งนี้เขาตอบกลับเร็ว [ตอนนี้ที่ประเทศMเป็นเวลาเที่ยงคืน]
ทำไมเขายังอยู่ที่ประเทศM? ซูยุ่นขมวดคิ้ว แล้วพิมพ์ต่อ [ดึกขนาดนี้แล้ว ทำไมยังไม่นอน?]
คราวนี้ผ่านไปสิบกว่านาทีเขาถึงตอบคำว่า ‘ยุ่ง’ กลับมาคำนึง
ตอนแรกซูยุ่นตั้งใจจะตอบกลับ แต่เสียงไม่สบอารมณ์นิดๆ ของซูซีมู่ลอยเข้ามา “กินข้าวยังจะเล่นโทรศัพท์? ”
ซูยุ่นสะดุ้ง แล้วรีบปิดโทรศัพท์ด้วยความรวดเร็ว
โล่เฟยเอ๋อแอบหยิกซูซีมู่ทีหนึ่ง แล้วหันไปพูดกับซูยุ่น “ไม่เป็นไร ไม่ต้องสนใจพี่เราหรอก”
“พี่สะใภ้ ฉันผิดเองที่เล่นโทรศัพท์ขณะกินข้าว” ซูยุ่นพูดจบก็เอ่ยขอโทษซูซีมู่ หลังจากนั้นจึงตั้งหน้าตั้งตากินข้าว
เพราะแบบนั้น บรรยากาศบนโต๊ะอาหารจึงเปลี่ยนเป็นกดดันขึ้นมา
จากที่ตั้งใจว่ากินข้าวเสร็จจะไปช็อปปิ้งกับโล่เฟยเอ๋อ แต่พอถูกพี่ชายดุ ใครจะยังกล้าไปอีก?
ซูยุ่นวางตะเกียบลงแล้วลุกขึ้นบอกลา
“พี่ พี่สะใภ้ ตอนบ่ายฉันมีธุระ คงต้องขอตัวก่อนค่ะ”
เหซิงโม่ที่นั่งอยู่ตรงข้ามเองก็ลุกขึ้นยืน “ฉันไปส่ง”
การกระทำของเหซิงโม่ ทำให้ซูซีมู่ต้องขมวดคิ้ว
ตอนนี้เองซูยุ่นจึงเอ่ยปาก “ไม่เป็นไรค่ะพี่เหซิงโม่ เพื่อนที่ทำงานฉันอยู่แถวนี้ เขาจะมารับฉันพอดี”
เหซิงโม่ถูกปฏิเสธจนใบหน้าเสียทรง เขาอึกอักไปนิดหน่อยก่อนจะพูด ‘อ่อ’
ซูซีมู่ถึงได้คลายหัวคิ้วออก “ไปเถอะ”
“แล้วเจอกันนะคะพี่สะใภ้” ซูยุ่นโบกมือให้โล่เฟยเอ๋อ แล้วก้าวฉับๆ เดินออกไป
หลังจากซูยุ่นลับสายตาไปแล้ว สายตาของซูซีมู่ก็เคลื่อนมาที่เหซิงโม่ “เหซิงโม่มานี่หน่อย ฉันมีอะไรจะคุยกับนาย”
“ได้” เหซิงโม่พยักหน้า
“เฟยเอ๋อ รออยู่ตรงนี้ก่อนนะ” ซูซีมู่พูดกับโล่เฟยเอ๋อจบ ก็เดินออกจากห้องอาหารไปพร้อมกับเหซิงโม่